ถ้าเบรกเกอร์ตัดไฟรั่วตัวนั้นเป็นประเภท RCBO อย่าไปมุ่งประเด็นแค่เรื่องไฟรั่วอย่างเดียว ต้องมุ่งประเด็นเรื่องการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดด้วย แล้วก็ต้องมุ่งประเด็นเรื่องการลัดวงจรระหว่างเฟสกับนิวทรัลด้วย ต้องวัดค่าความต้านทานภายในวงจรนั้นดูด้วยว่ามันมีการลัดวงจรระหว่าง L กับ N อยู่หรือเปล่า แล้วถ้าโหลดตัวนั้นต่อสายดินอยู่ด้วย ก็ต้องเช็คด้วยว่าสาย L ลัดวงจรลงดินที่ตัวโหลดหรือเปล่า แล้วก็ต้องเช็คด้วยว่าสาย N รั่วแตะโครงโลหะอยู่หรือเปล่า เพราะว่าถ้าสาย N มันรั่วแตะโครงโลหะอยู่ กระแสโหลดจากสาย N มันก็จะแยกไหลไปทางสายดินด้วย ถ้ากระแสที่ไหลไปทางสายดินมันสูงถึงค่าพิกัดของเบรกเกอร์ตัดไฟรั่วตัวนั้น เบรกเกอร์ตัดไฟรั่วตัวนั้นมันก็จะทริปทันทีการตรวจเช็คก็ใช้วิธีการวัดค่าความต้านทานเอาครับ ให้ปลดสายดินของวงจรนั้นออกจากบัสบาร์ PE เพื่อวัดค่าความต้านทานเทียบระหว่างสายดินกับสาย L เพื่อดูว่าสาย L ลัดวงจรลงดินที่ตัวโหลดหรือเปล่า แล้วก็วัดค่าความต้านทานระหว่างสายดินกับสาย N เพื่อดูว่าสาย N รั่วลงโครงโลหะของโหลดหรือเปล่าถ้าตรวจเช็คเบื้องต้นดูแล้วไม่มีการลัดวงจรระหว่าง L กับ N แล้วสาย L ไม่มีการลัดวงจรลงดินที่ตัวโหลดแล้วสาย N ไม่ได้รั่วลงโครงโลหะของโหลดค่อยออนเบรกเกอร์ แล้วก็วัดกระแสดูว่ากระแสเกินพิกัดของเบรกเกอร์หรือเปล่า เวลาเบรกเกอร์มันทริป มันต้องวัดค่าความต้านทานดูด้วย ไม่ใช่รีบไปออนเบรกเกอร์ขึ้นเลย ถ้าแบบนี้มันผิดวิสัยของคนที่เป็นช่างไฟฟ้านะ คนเป็นช่างไฟฟ้าก็ต้องตรวจเช็คก่อนที่จะออนเบรกเกอร์