ในสมัยพุทธกาล ที่เมืองมิจฉิกาสีณฑนคร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี มีครอบครัวหนึ่งของนายสุจิตตพราหมณ์ ประกอบอาชีพค้าขาย โดยเริ่มต้นจากเก็บหอมรอมริบไปซื้อเกวียนมา 1 เล่ม ร่วมไปกับกองเกวียนพ่อค้าไปค้าขายต่างเมือง มีบุตรสาวชื่อ "สุภาวดี" ได้ติดตามบิดาไปในกองเกวียนด้วยแต่เล็กจนเติบใหญ่
จุดที่พักกองเกวียนสินค้าของนายสุจิตตพราหมณ์ นั้นอยู่ใกล้กับอารามที่"พระสีวลีอรหันตเถระ". พำนักปฏิบัติธรรมอยู่ นายสุจิตตพราหมณ์ จึงพาสุภาวดีบุตรสาวไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพระสีวลี ได้ศึกษาปฏิบัติตามแนวแห่งสติปัฏฐาน ด้วยพลังทางสมาธิขั้นสูง ของสุภาวดีได้ทำการค้าเจริญรุ่งเรือง กลายเป็นมหาเศรษฐีในเวลามินาน เป็นที่ลำลือไปทุกเมืองว่า
นางสุภาวดีศิษย์แห่งพระสีวลีอรหันตเถระ มีอำนาจพลังสมาธิพิเศษ ทำให้ค้าขายคล่อง จึงพากันนำสินค้าของคนมาร่วมในขบวนสินค้า เพื่อให้นางสุภาวดีไปทำการค้าขาย มีเท่าไรก็ขายหมด
ครอบครัวของสถจิตตพราหมณ์จึงร่ำรวยขึ้นทันตา เทียบได้กับ "ธนัญชัยเศรษฐี". บิดาของนางวิสาขาแห่งแคว้นโกศลในยุคนั้น
เมื่อร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์หลายล้านโกษฐ์ สุจิตพราหมณ์ และนางสุภาวดี บุตรสาวจึงได้ซื้อป่าแห่งหนึ่งสร้างเป็นอุทยานถวายเป็นที่ปฏิบัติแก่พระภิกษุสงฆ์ และได้สร้างวิหารอารามอย่างวิจิตร ถวายแก่พระสีวลีรหันตเถระ ผู้เป็นอาจารย์.
นางสุภาวดี นับเป็นศิษย์สตรีฆราวาส ของพระสีวลี ที่ปรากฏนามในพระไตรปิฏก ผู้คนทั่วไปล้วนกล่าวขานเลื่องลือ ในจริยาวัตรอันงาม ประกอบด้วยคุณธรรม และเรื่องราวความมหัศจรรย์ของนางสุภาวดี ว่า นำมาซึ่งโชคลาภ ในการค้าขาย ร่ำรวยง่ายดาย เปรียบดั่งกวักเรียกคนเข้าบ้าน จึงขนานนามว่า "นางกวัก"
แม้เมื่อนางสุภาวดีได้ถึงกาลกิริยาไปแล้ว ความมหัศย์จรรย์และพลานุภาพ ในทางโชคลาภ และการค้า ก็เกิดขึ้นกับผู้ที่ระลึกถึงและอนุโมทนาบุญนางสุภาวดีมิได้เสื่อมถอย ส่งผลให้ผู้ที่ศรัทธานับถือประกอบด้วยลาภ รุ่งเรืองทางการค้า ร่ำรวยได้จริง บ้างปั้นเป็นรูปบูชา เขียนภาพนางสุภาวดีไว้บนแผ่นผ้า ถ่ายทอดรุ่นต่อรุ่นสืบมาจนแผ่เข้าสู่แผ่นสุวรรณภูมิ
8 фев 2018