จุดจบเอกภพ ตอนที่ 3 อวสานเชิงความร้อน (Heat Death) 

ติดตามเราที่ facebook : / curiositychannelth
Blockdit : www.blockdit.c...
Tiktok : / curiositychannelth
instagram ชีวิตส่วนตัว : / ekarajpkk
ติดต่องาน : curiositychannel.th@gmail.com
สั่งซื้อแว่น Ophtus ได้ที่ / ophtus
ใช้โค้ด SONGSAI เพื่อรับส่วนลด 100 บาท
ช่องคนช่างสงสัยได้จัดแคมเปญร่วมกับ futureskill.co/ Platform การเรียนรู้ทักษะในยุคอนาคต เช่น การเขียนโปรแกรม , เขียนเว็บไซต์ , การตัดต่อวีดีโอ , Content Creative , Data analytic ฯลฯ
1. แพ็คเกจบุฟเฟ่ต์ 1 ปี - ส่วนลด 50% จาก 9948 เหลือ 4974 บาท
โค้ดส่วนลด : AFFXCC
หรือคลิกที่ลิ้ง fskill.co/Aoag
2. แพ็คเกจรายคอร์ส - ส่วนลด 100 บาท คอร์สเรียนเดี่ยว คอร์สใดก็ได้ ลดเพิ่มจากราคาลดแล้วจากราคาขายบนหน้าเว็บไซต์
โค้ดส่วนลด : AFFXCC100
หรือคลิกที่ลิ้ง fskill.co/Aoal
3. แพ็คเกจ Superclass - ส่วนลด 100 บาท ลดเพิ่มจากราคาลดแล้วจากราคาขายบนหน้าเว็บไซต์
โค้ดส่วนลด : AFFXCC100
หรือคลิกที่ลิ้ง fskill.co/Aoam
คลาส Wining your brand with grit เอาชนะอุปสรรคในการสร้างแบรนด์แบบ "กัดไม่ปล่อย" โดย คุณ รวิศ หาญอุตสาหะ
page.futureski...
โค้ดส่วนลด : AFFXCC100
Friendly Gym ฟิตเนส บางพลี
/ friendlygymsmt9
----------------------------------------
เอกภพ มีจุดกำเนิด และก็มีจุดจบ โดยคลิปนี้เราจะมาพูดถึงจุดจบของเอกภพที่ชื่อว่า Heat Death หรือ Big Freeze ซึ่งเป็นจุดจบของเอกภพที่ถูกยอมรับมากที่สุดในปัจจุบัน และคิดว่าเอกภพของเราน่าจะเป็นไปแนวทางนี้
จริงๆ แล้วคลิปก่อนหน้านี้ ที่เกี่ยวกับขอบเขตเอกภพ ก็ตั้งใจทำเกี่ยวกับจุดจบของเอกภพ heat death นี่แหละ แต่พอพูดถึงหัวข้อการขยายตัวของเอกภพแล้ว มันยาวเกินไป เลยแยกออกเป็นคลิปของมันเองโดยเฉพาะดีกว่า ใครยังไม่ได้ดูย้อนกลับไปดูได้ โดบคลิปนี้จะพูดถึงการขยายตัวของเอกภพแบบย่อๆ เท่านั้นนะครับ
เมื่อช่วงปี 1920 หรือ ราวๆ 100 ปีที่แล้ว เอ็ดวิน ฮับเบิล ก็ได้พบว่า กาแล็คซี่ต่างๆ กำลังถอยห่างจากเราไปเรื่อยๆ ยิ่งกาแล็คซี่อยู่ไกลเราเท่าไหร่ มันยิ่งเคลื่อนที่ออกห่างจากเราเร็วเท่านั้น ซึ่งนั้นก็นำมาสู่การค้นพบว่า เอกภพกำลังขยายตัวอยู่
เรื่องนี้ ปฏิวัติองค์ความรู้เกี่ยวกับจักรวาลของพวกเราเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ คนส่วนใหญ่ รวมถึงไอนไสตน์ ก็เชื่อว่า เอกภพเป็นแบบสถิต ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มันเป็นแบบไหน ก็เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่อดีต และจะเป็นเหมือนเดิมตลอดไปในอนาคต
แต่ตอนนี้ เรารู้แล้วว่ามันไม่ใช่แบบนั้น เอกภพกำลังขยายตัว แล้วมันก็ได้ถ่างให้กาแล็คซี่ต่างๆ ออกห่างจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ
นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามศึกษาค้นคว้าหาว่า ปรากฏการณ์ หรือกลไกทางธรรมชาติอะไร ที่ทำให้เอกภพขยายตัวได้ เอาจริงๆ จนถึงวันนี้ เราก็ยังไม่เข้าใจกลไกนั้นดีนัก สมมุติฐานที่ยอมรับมากที่สุดในปัจจุบันนี้ก็คือ ทั่วทั้งกาลอวกาศมีพลังงานบางอย่างที่เรามองไม่เห็น แล้วพลังงานนี้ก็เป็นตัวขับเคลื่อนให้เอกภพเกิดการขยายตัว
ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นหรือตรวจจับพลังงานนี้โดยตรงได้ เราทำได้ตรวจจับทางอ้อม จากการตรวจวัดผลกระทบของมันแทน แล้วเราก็เรียกมันว่า พลังงานมืด หรือ Dark Energy
ทุกพื้นที่ว่างในเอกภพ ล้วนมีพลังงานมืดอยู่ และตอนนี้ เราพบว่า พลังงานมืดมีสัดส่วนประมาณ 70% ของสสารและพลังงานทั้งหมดในเอกภพเลยทีเดียว
ปริมาณพลังงานมืดต่อพื้นที่ หรือความหนาแน่นของพลังงานมืด ความสำคัญในเรื่องจุดจบของเอกภพ เอกภพเราจะมีจุดจบรูปแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับพลังงานมืเนี่แหละครับ
ถ้าในอนาคต ความหนาแน่นของพลังงานมืดลดลง เอกภพจะขยายตัวช้าลง จนในที่สุด ความโน้มถ่วงจากสสารและพลังงานในเอกภพ จะเอาชนะพลังงานมืดได้ และเอกภพจะหดตัวลง เอกภพจะยุบตัวลงมาอีกครั้ง และอาจกลายเป็น Singularity เป็นจุดจบเอกภพตามสมมุติฐาน Big Crunch
แต่ถ้าในอนาคตความหนาแน่นของพลังงานมืดเพิ่มมากขึ้น เอกภพจะขยายตัวเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด การขยายตัวของเอกภพ สามารถฉีกสสารทุกอย่างเป็นชิ้นๆ ทุกอย่างจะถูกแยกออกกลายเป็นอะตอมที่ไม่สามารถจับตัวกันได้อีกต่อไป
เมื่อความหนาแน่นของพลังงานมืดเพิ่มขึ้นจนสูงมากๆ อะตอมก็จะถูกแยกออก เป็น ควาก กับอิเล็คตรอน ทุกอย่างในเอกภพจะถูกแยกออกจากกันจนถึงระดับอนุภาคมูลฐาน ไม่มีโครงสร้างใดๆ หลงเหลืออีกต่อไปในจักรวาล ซึ่งนี่ก็เป็นจุดจบของเอกภพ ตามสมมุติฐาน Big Rip
แต่ ณ เวลาปัจจุบันนี้ จากการตรวจวัดพลังงานมืด นักนักวิทยาศาสตร์พบว่าความหนาแน่นของพลังงานมืดน่าจะมีค่าคงที่ แม้ปริมาตรเอกภพจะเพิ่ม แต่ปริมาณพลังงานมืดต่อพื้นที่มีค่าเท่าเดิม และคาดว่าน่าจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เปลี่ยนแปลง
มันอาจเป็นค่าคงที่ของจักรวาล หรือ cosmological constant ได้ ที่เป็นค่าความหนาแน่นของพลังงานที่ "คงที่" ที่แผ่อยู่ในอวกาศอย่างสม่ำเสมอ ในสมการของไอนไสตน์ก็ได้
ซึ่งนี้ หมายความว่า เอกภพ ไม่น่ามีจุดจบแบบ Big Crunch หรือ Big Rip มันน่าจะเป็นแบบอื่นมากกว่า ซึ่งก็คือรูปแบบ Heat Death หรือ Big Freeze