เพลงหน้าพาทย์ตระนิมิต สันนิฐานว่าเกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยพิจารณา หลักฐานจากการแสดงหนังใหญ่ แต่เดิมการแสดงบทที่มีตัวละครแปลงร่างจากกายหนึ่งเป็นอีกกายหนึ่งใช้เพลงตระนอน จะเห็นได้จากเพลงตับที่บรรจุเพลงตระนอนในการแปลงกาย ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้หาเพลงอื่นที่เหมาะสมมาใช้ในการแปลงกายแทนเพลงตระนอน จางวางทั่วพาทยโกศลได้ทูลเกล้าเสนอเพลงหน้าพาทย์ตระนิมิตก็ทรงพอพระทัย และโปรดให้ใช้เพลงนี้ประกอบการแปลงกายของตัวละครทุกฝ่ายทั้งพระ นาง ยักษ์ และลิง นับแต่นั้นมา
โอกาสที่ใช้เพลงหน้าพาทย์ตระนิมิต
เป็นเพลงหน้าพาทย์ที่ถือกันว่า เป็นเพลงครูเพลงแรกที่ครูต่อให้แก่ศิษย์ เมื่อศิษย์มีความรู้ ความสามารถในระดับหนึ่งและได้รับอนุญาตให้ผ่านพิธีครอบครูแล้ว เพลงตระนิมิตเป็นเพลงประเภทหน้าทับตระ มีสี่ไม้ลา โดยปกติจะบรรเลงต่อเนื่องกันสองเที่ยว ตอนท้ายต่อด้วยเพลงรัว เช่นเดียวกับเพลงหน้าพาทย์ประเภทตระทั่วไป มีโอกาสที่ใช้ ดังนี้
แปลงกายจากกายหนึ่งไปอีกกายหนึ่ง เช่น มารีศแปลงเป็นกวางทอง อินทรชิตแปลงเป็นพระอินทร์ เบญกายแปลงเป็นนางสีดา เป็นต้น
เนรมิตร่างตนเองให้ใหญ่หรือเล็กจากร่างเดิม เช่น หนุมานเนรมิตกายให้ใหญ่เท่าขุนเขาสรรพยาเพื่อหา สรรพยามารักษาพระลักษณ์ หรือวิรุญจำบังเนรมิตร่างให้เล็กเท่าอณูเข้าแอบซ่อนในฟองน้ำ เมื่อคราวหนีหนุมาน
นำไปใช้ในการประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความสำเร็จในกิจต่าง ๆ เช่น กุมภกรรณลับหอกโมกขศักดิ์
ไมยราพณ์หุงสรรพยา เป็นต้น
13 окт 2024