ทำไมน้ำทะเลถึงเค็ม? 

ทำไมน้ำทะเล ถึงเป็นน้ำเค็ม? +
น้ำได้ครอบ คลุมพื้นที่ ประมาณ 71 % ของพื้นผิวโลก. แต่มีเพียง 2.5% ของน้ำทั้งหมดที่เป็นน้ำจืด
น้ำที่เหลืออีก 97.5% มันเป็นน้ำเค็ม
ซึ่งพบได้ในมหาสมุทร และทะเลสาบน้ำเค็ม
และน้ำจืดบนโลกประมาณ 69% ถูกแช่แข็งในธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็ง
ในขณะที่ 31% ที่เหลือพบในน้ำใต้ดิน แม่น้ำ ทะเลสาบ และไอน้ำในชั้นบรรยากาศ
น้ำเค็ม มันมีเยอะกว่าน้ำจืดมาก
และคุณเคยสงสัยไหมว่า
ทำไมน้ำส่วนใหญ่ ถึงเป็นน้ำเค็ม
+++++
น้ำทะเลมีรสเค็มเพราะมีแร่ธาตุและเกลือที่ละลายอยู่
ซึ่งมันได้ถูกชะล้างลงสู่มหาสมุทรเป็นเวลานับหลายล้านปี ผ่านกระบวนการทางธรณีวิทยาและชีวภาพต่างๆ
หนึ่งในแหล่งที่มาหลักของเกลือในน้ำทะเลคือการผุกร่อนของหินบนผิวโลก ซึ่งจะปล่อยไอออนของแร่ธาตุ เช่น โซเดียม คลอไรด์ แมกนีเซียม และแคลเซียมออกสู่ทางน้ำโดยรอบ
และหลังจากนั้นไอออนเหล่านี้จะถูกพัดพาไปตามแม่น้ำและลำธารลงสู่มหาสมุทร ซึ่งสะสมเมื่อเวลาผ่านไป
แหล่งเกลืออีกแหล่งหนึ่งในน้ำทะเลคือกิจกรรมของสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทร เช่น แพลงก์ตอนและหอย ซึ่งสกัดแร่ธาตุจากน้ำเพื่อสร้างเปลือกและโครงกระดูก เมื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ตาย เปลือกและโครงกระดูกของพวกมันจะจมลงสู่พื้นมหาสมุทรและกลายเป็นส่วนหนึ่งของตะกอนที่ก่อให้เกิดเกลือในน้ำทะเลในที่สุด
ความเข้มข้นของเกลือที่แน่นอนในน้ำทะเลอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สถานที่ อุณหภูมิ และความลึก แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 3.5% โดยน้ำหนัก
------
การระเบิดของภูเขาไฟเป็นแหล่งเกลือที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งในมหาสมุทร
เมื่อภูเขาไฟระเบิด จะปล่อยก๊าซต่างๆ รวมทั้งซัลเฟอร์ไดออกไซด์และคาร์บอนไดออกไซด์
ตลอดจนแร่ธาตุและสารอื่นๆ สารเหล่านี้สามารถละลายในน้ำฝนและถูกพัดพาลงสู่แม่น้ำ
ซึ่งในที่สุดจะไหลลงสู่มหาสมุทร ทำให้น้ำทะเลมีปริมาณเกลือเพิ่มขึ้น
การปะทุของภูเขาไฟยังสามารถทำให้เกิดบ่อน้ำพุร้อนใต้น้ำและช่องระบายอากาศ
ซึ่งจะปล่อยแร่ธาตุและสารอื่นๆ ลงสู่มหาสมุทร
และเพิ่มระดับความเค็มในบางพื้นที่
++++
น้ำในมหาสมุทรมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา
เกลือและแร่ธาตุในน้ำจะถูกกระจายผ่านการผสมและกวนของกระแสน้ำและคลื่นในมหาสมุทร
และกระแสน้ำเหล่านี้สามารถหมุนเวียนน้ำทั่วโลกเป็นระยะทางไกล
เมื่อกระแสน้ำเคลื่อนตัว พวกมันสามารถพัดพาเกลือและแร่ธาตุอื่นๆ จากบริเวณหนึ่งของมหาสมุทรไปยังอีกที่หนึ่ง โดยกระจายไปทั่วลำน้ำ
คลื่นเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการผสมมหาสมุทร
การผสมและการกวนอย่างต่อเนื่องนี้ช่วยรักษาสมดุลโดยรวมของเกลือและแร่ธาตุในมหาสมุทร และมีความสำคัญต่อการสนับสนุนสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลหลากหลายชนิด
++++++
ความเค็มของน้ำทะเลเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตในทะเล พวกมันต้องปรับตัวและอาศัยเกลือและแร่ธาตุเพื่อความอยู่รอด
สิ่งมีชีวิตในทะเลมีการพัฒนาการปรับตัวทางสรีรวิทยาที่หลากหลายเพื่อช่วยควบคุมความเข้มข้นของเกลือและแร่ธาตุอื่นๆ ในร่างกาย เช่น เซลล์พิเศษที่สามารถสูบฉีดเกลือส่วนเกินออก และอวัยวะพิเศษที่ช่วยขับไอออนส่วนเกินออก
นอกจากนี้ ปริมาณแร่ธาตุในน้ำทะเลยังมีความสำคัญต่อกระบวนการทางชีววิทยาหลายอย่าง เช่น เมแทบอลิซึมของเซลล์ การทำงานของเส้นประสาท และการหดตัวของกล้ามเนื้อ หากไม่มีความสมดุลของเกลือและแร่ธาตุในน้ำ สิ่งมีชีวิตในทะเลจำนวนมากจะไม่สามารถอยู่รอดได้ สิ่งมีชีวิตบางชนิด เช่น แบคทีเรียและสาหร่ายบางประเภท สามารถใช้เกลือในน้ำทะเลเป็นแหล่งพลังงานในการเผาผลาญอาหารของพวกมันได้
+++
+
สภาพภูมิอากาศมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอัตราส่วนน้ำเค็มต่อน้ำจืดในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง
พื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนสูงและน้ำไหลบ่าจากแม่น้ำ เช่น ป่าฝนเขตร้อน มีปริมาณน้ำจืดสูงกว่า ในทางตรงกันข้าม พื้นที่ที่มีอัตราการระเหยสูง เช่น ทะเลทรายและพื้นที่แห้งแล้ง มีแนวโน้มที่จะมีปริมาณน้ำเค็มสูงกว่า เนื่องจากน้ำระเหยและทิ้งเกลือและแร่ธาตุที่ละลายอยู่ไว้เบื้องหลัง
++
ในพื้นที่ที่มีการระเหยสูงและมีปริมาณน้ำฝนน้อย เช่น บริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตรหรือพื้นที่แห้งแล้ง
น้ำทะเลจะมีความเค็มมากขึ้น เมื่อน้ำระเหย จะทิ้งเกลือและแร่ธาตุที่ละลายไว้
ซึ่งเพิ่มความเค็มของน้ำที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งน้ำปิด เช่น Dead Sea หรือ Great Salt Lake ซึ่งอัตราการระเหยสูงและปริมาณน้ำฝนต่ำส่งผลให้ระดับความเค็มสูงมาก อย่างไรก็ตาม ในมหาสมุทรเปิด การผสมและกวนของกระแสน้ำและคลื่นในมหาสมุทรจะช่วยกระจายเกลือและแร่ธาตุไปทั่วลำน้ำ
รักษาระดับความเค็มที่ค่อนข้างคงที่ อย่างไรก็ตาม ความเค็มของน้ำทะเลอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ภูมิอากาศ และกิจกรรมทางธรณีวิทยาของภูมิภาค
++++++++++++++++++++++++++