ท่องแดนพระนิพพาน โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำหรือพระราชพรหมยาน ธรรมะพระอรหันต์ ธรรมะคลายทุกข์ 

❤

ขออนุโมทนาสาธุ

สาธุด้วยจ้า

ถูกเเล้วครับสภาวะจริงๆไม่มีรูปนามหรอกครับ นิพพานเป็นของละเอียดครับเป็นสิ่งที่อยู่เหนือไตรลักษณ์ไม่เกิดไม่เเก่ไม่เจ็บไม่ตายไม่มีรูปนามจะบอกว่าสูญก็ไม่ใช่ ปุถุชนจะนิยามให้เห็นภาพก็ไม่เข้าใจท่านเลยสอนโดยอาศัยสมมุติก่อนครับอย่างน้อยคนก็ยังมีหลัก ผมเคยฟังคลิปหลวงตาวัชรชัยศิษย์อาวุโสหลวงพ่อ หลวงตาท่านเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อเคยบอกว่าที่สอนคนให้คนไปนึกถึงว่านิพพานเป็นสถานที่ก่อน คือไม่งั้นเค้าก็ไม่รู้หรอกว่าจะไปกราบพระพุทธเจ้าที่ไหนยังไง หลวงพ่อบอกหลวงตาว่าพระพุทธเจ้าไม่ต้องขึ้นไปกราบที่ดินเเดนไหนหรอกอยู่ที่ใจถึงท่านที่ไหนก็กราบได้กําลังใจคนเรามันไม่เท่ากันครับ ท่านก็ต้องอาศัยสมมุติให้คนเห็นภาพก่อนเค้าจะได้มีกําลังใจ อย่างเรื่องหลวงตามหาบัวเล่าถึงว่าหลวงปู่มั่นพบพระพุทธเจ้าในนิพพานมาหาในคืนบรรลุธรรม คนก็สงสัยว่านิพพานไปเเล้วจะมาให้เห็นได้ไง หลวงตามหาบัวบอกว่านิพพานเป็นสิ่งพ้นสมมุติทั้งหลายไปเเล้วละเอียดมากเเต่บารมีของพุทธองค์ท่านก็สามารถเเสดงสมมุติให้เห็นได้เเต่ที่เห็นไม่ใช่รูปนามของท่านจริงๆเพียงเเค่เเสดงสมมุติให้รับรู้ว่ากระเเสของพระรัตนตรัยยังมีอยู่เสมอเเก่ผู้ปฏิบัติถึงธรรมเเล้ว

@@richestman7709 สาธุครับ แบบนี้จะเข้าข่ายมุสาโกหก หรือเปล่าครับ ตามที่เข้าใจคือ ธรรมเป็นหนึ่ง เป็นหนึ่งนั้นต้องพูดจริง พูดตรง ไม่ใช่หรือครับ

@@ไม้การันต์นั้นไม่มีไม่ครับอยู่ที่เจตนาของผู้สอนครับถ้าท่านทําเพื่อลาภสักการะเเบบนี้ก็ไม่ต้องสืบเเต่ครูบาอาจารย์ที่กล่าวมาผมเชื่อว่าท่านเป็นพระปฏิบัติดีทุกรูป มันเป็นอุบายการสอนโดยใช้สมมุติอันละเอียดครับ ยกตัวอย่างบางคนอย่างงี้ถ้าบอกว่านิพพานไม่มีรูปนามไม่เกิดไม่เเก่ไม่มีรูปนามอะไรเป็นของละเอียดเลย ปุถุชนทั่วไปคงบอกว่าจะไปทําอะไรในนั้นซึ่งนิพพานเป็นของละเอียดมากปุถุชนซึ่งมีกิเลสคงไม่อยากจะไปเเน่นิพพานเพราะไม่เข้าใจในสภาวะ เเต่หากครูบาอาจารย์ท่านอาศัยสมมุติอันละเอียดเพื่อดึงศิษย์เห็นภาพให้สนใจปฏิบัติในเส้นทางมรรคผลก็ถือเป็นอุบายอันเเยบยลถ้าปฏิบัติถึงเเล้วจริงผมว่านิพพานเป็นอะไรคงอย่างไรน้อคงจะไม่มีเเก่ผู้นั้น เเต่ละท่านก็มีอุบายเเตกต่างกันไปใน การสอนคนจิตใจความละเอียดของคนที่จะรับธรรมก็มีไม่เท่ากันหากปฏิบัติไปตามที่ท่านสอนความสงสัยต่างๆจะคลี่คลายหรือรู้ได้ตนเองว่าท่านสอนเเบบนี้เพราะอะไร พูดง่ายๆถ้าปฏิบัติเองจะรู้เองครับ ความจริงที่จะพิสูจน์คําสอนคือปฏิบัติให้ประจักษ์เป็นผลเเก่ตนเอง ครูบาอาจารย์เลือกศิษย์ไม่ได้ครับเเต่เราเลือกได้เอาที่เหมาะกับจริตเราครับปลายทางที่เดียวกันถ้ายึดพระพุทธเจ้าเป็นครู

​@@richestman7709สาธุครับ

@@ไม้การันต์นั้นไม่มี หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ หลังจากอ่านเรื่องนี้เเล้วเเนะนําให้อ่านเรื่องสมมุติ กับ วิมุติ ของหลวงพ่อชาต่อพิมพ์ตามนี้ในเน็ตได้เลยครับ จะได้เข้าใจมากขึ้น "ภูตพระพุทธเจ้าและเมืองแก้วเมืองนิพพาน" การศึกษาธรรมะ หากศึกษาจากแหล่งคำสอนครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อน ผู้ศึกษาก็จำเป็นต้องเข้าใจที่มาที่ไปหรือกุศโลบายของครูบาอาจารย์บางท่านในอดีต ด้วยความที่ผู้เข้าถึงพระนิพพานและสภาวะแห่งพระนิพพานนั้น พ้นวิสัยที่ใครๆ จะเข้าใจ ดุจว่านกพยายามอธิบายสภาพความเป็นไปในอากาศให้ปลาฟัง ปลาก็ฟังไม่เข้าใจ แม้ปลาเองอธิบายให้นกฟังถึงธรรมชาติใต้น้ำ นกก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เพราะไม่มีธรรมชาติของฝั่งตนจะเทียบเคียงได้ ผู้เข้าถึงพระนิพพานและสภาวะแห่งพระนิพพาน พ้นวิสัยจะยกเอาธรรมชาติที่มีดิน น้ำ ลม ไฟ มาอธิบาย แต่ที่แน่ๆ คือไม่ปรากฏรูป เพราะที่ใดมีการเกิดขึ้นแห่งรูป ที่นั้นย่อมไม่พ้นไปจากสภาพแห่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เมื่อมีเกิด (แห่งรูป) ก็ต้องมีความแก่ ความแปรปรวน และความตาย เป็นธรรมดา โลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่มีอุปาทานในขันธ์ ๕ ยึดมั่นในอัตตา ความมีตัวมีตัวอย่างลึกซึ้งยากจะถ่ายถอน ไม่เว้นแม้แต่คนวัด เช่นว่า จะทำความดี ก็ต้องประกาศความดีให้โลกได้รับรู้ว่า "ตัวฉัน" ได้กระทำความดีมา เป็นต้น ซี่งในระดับศีลธรรม มิได้เสียหายอันใด เพราะใครๆ จะได้เห็นเป็นแบบอย่าง แต่ในระดับปรมัตถ์ ถือว่ายังเป็นการหวงอัตตา ความมีตัวมีตน ยังไม่เป็นไปเพื่อถอดถอนอุปาทานในขันธ์ ๕ เพราะเหตุนี้ เวลาสอนถึงอุดมคติของพระพุทธศาสนา หากจะมาสอนเรื่องความว่างอย่างยิ่ง (สุญญตะ) แม้จะไม่ใช่ศูนย์ชนิดไม่มีอะไร แต่ก็ไม่ปรากฏรูปหรือขันธ์ ๕ อย่างที่เสพคุ้นมาช้านาน คนฟัง ฟังแล้วก็คงจะตกใจหรือกลายเป็นกลัวไปเสีย ดังนั้น คนโบราณก็เลยสอนเสมือนว่า พระนิพพานเป็นคล้ายสวรรค์ชั้นประณีตสุด เป็นเมืองแก้ว ทุกสิ่งรวมทั้งพระพุทธเจ้าล้วนเป็นแก้ว บางทีเรียกว่า "ภูตพระพุทธเจ้า" หรือ "พุทธนิมิต" เพื่อให้รู้สึกว่าตัวตนของพระองค์ยังอยู่ ไม่สูญหายไปไหน แต่แท้ที่จริงแล้ว สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียง "สมมุติ" อันละเอียด เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายแทนพระนิพพานและพระพุทธเจ้าในพระนิพพาน แต่มิใช่นิพพานแท้ และมิใช่พระพุทธเจ้าแท้ เวลาหลวงปู่ดู่จะอัญเชิญพุทธคุณลงในพระเครื่อง บางทีท่านก็ใช้คำว่า "พุทธนิมิต" คือนิมิตรูปพระพุทธเจ้าที่ปรากฏแก่จิตผู้ภาวนา ซึ่งพุทธนิมิตนี้ก็เป็นนิมิตหรือเครื่องหมายหรือสื่อแทนพระพุทธเจ้าหรือพุทธคุณที่เป็นนามธรรม โดยสรุป ด้วยความที่คนยังยึดมั่นในเรื่องการมีตัวตน ครูบาอาจารย์สมัยก่อน จึงใช้กุศโลบายใช้สมมุติตัวตนอย่างละเอียด ได้แก่ เมืองแก้ว เมืองนิพพาน ตลอดถึงพุทธนิมิตหรือภูตพระพุทธเจ้า ซึ่งล้วนเป็นเครื่องหมายหรือ "สื่อ" เพื่อให้รู้เรื่องกันกับจิตที่ยังข้องในสมมุติ โอ้ เขียนไปเขียนมา จะยาวเป็นตำราเสียแล้ว "พอ"