Тёмный

นั่งมาตั้งนาน ทำไมยังไม่ได้ผลสักที - นำนั่งสมาธิ โดย หลวงพ่อธัมมชโย วัดพระธรรมกาย(ง่ายแต่ลึกชุดที่1) 

Jaiyut24hr.
Подписаться 106 тыс.
Просмотров 37 тыс.
50% 1

ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบา ๆ พอ
สบาย ๆ ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนให้เลือดลมในตัวเรา
เดินได้สะดวก จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อยกัน จัดท่านั่งให้ถูกส่วน แล้วมัน
จะไม่ค่อยเมื่อย ขยับให้ดีทีเดียว ของใครของมันนะ ปรับให้ดี
แล้วก็เริ่มต้นอย่างง่าย ๆ หลับตาเบา ๆ พอสบาย ๆ ก็ให้สังเกตดู
หรือใช้เวลาสัก ๑ นาที สังเกตทั้งท่านั่ง ทั้งการหลับตา การวางมือของ
เราที่ซ้อนกัน มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเราเกร็งหรือตึงบ้างไหม
ให้สังเกตสักนาทีหนึ่งนะ เพราะทุกส่วนของร่างกายต้องผ่อนคลาย
จึงจะถูกหลักวิชชา ต้องผ่อนคลาย ใจต้องสบาย เบิกบาน
คำว่า “สบาย” ในที่นี้อาจจะยังไม่ถึงกับมีความสุขที่เกิดจาก
สมาธิ แต่รู้สึกว่ามันผ่อนคลาย ไม่สุขแต่ก็ไม่ทุกข์ ให้สังเกตนะ
สำหรับผู้ที่ทำมาตั้งนาน แต่ยังไม่ได้ผลสักทีก็ดี หรือเพิ่ง
มาใหม่ก็จะได้ฝึกกันไปพร้อม ๆ กัน มาปรับปรุงแก้ไขวิธีการตรงนี้
เรายอมที่จะเริ่มต้นใหม่ในทุก ๆ ครั้งนะ เพราะว่าถ้าทำถูกวิธีแล้ว
มันง่าย
สมาธิไม่ใช่ยากเกินไป มันอยู่ในระดับที่ทุกคน
สามารถทำได้ ยกเว้นคนมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ
นั่นแหละ คนป่วยไม่มีแขน ไม่มีขา นอนป่วยอยู่ยัง
ทำได้ เรามีทุกอย่างพร้อมแต่เราทำไม่ได้ แปลว่า
เราคงยังทำไม่ถูกวิธี
เราต้องย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่ตรงนี้อย่างง่าย ๆ ยอมกลับ
มาสู่จุดเริ่มต้นในการฝึกใจให้หยุดนิ่งเพื่อให้ใจเป็นสมาธิใหม่นะ
เรายอมตรงนี้
ตอนนี้เราได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่เราต้องการนั้น ไม่ว่าจะเป็น
ความสุขที่แท้จริง แสงสว่างภายใน ดวงธรรม กายในกาย รวมถึง
พระธรรมกาย หรือพระรัตนตรัยมีอยู่ในตัวของเราหมด หนทาง
ที่จะไปสู่อายตนนิพพาน เพื่อการหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ดับทุกข์
ได้นั้นก็อยู่ในกลางตัวเรา นี่เราได้เรียนรู้กันมายาวนานกันแล้ว
แต่ทำไมเราจึงยังทำไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ตรงนี้เราก็ต้องย้อน
กลับมาศึกษาดูว่า เราได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจครบถ้วนไหม
หรือสักแต่ว่านั่ง ๆ ไปอย่างนั้นเอง
อย่างหลวงพ่อบอกว่าให้ผ่อนคลาย ให้หลับตาเบา ๆ แต่เรา
หลับตาปี๋เลย ปิดสนิท ไปบีบเปลือกตา กดลูกนัยน์ตาลงไปเพื่อจะ
มองดูในท้อง แล้วจะเค้นภาพขึ้นมาเพื่อจะให้มันชัด เหมือนเราลืมตา
มองดูภาพภายนอก พอเราอยากจะให้ชัด เราก็ต้องหยี ๆ ตาเรา
ติดนิสัยตรงนี้
เราคงเข้าใจว่าเอาวิธีการอย่างนี้มาใช้ในการหาพระรัตนตรัย
ในตัวคงจะได้เหมือนกันมั้ง เพราะคิดเอาเองอย่างนี้แหละจ้ะ
เราจึงเลื่อนการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวไปเป็นเดือน เป็นปี เป็น
หลาย ๆ ปี เพราะฉะนั้นตอนนี้เราต้องมาปรับวิธีการให้ถูกต้อง
มาปรับกันใหม่นะลูกนะ
วันเวลาผ่านไป อายุเราเพิ่มขึ้น แต่ความแข็งแรงสดชื่นของ
ร่างกายเรามันลดลง เรามีเวลาเหลือกันอีกไม่มากแล้ว มาปรับวิธีการ
กัน โดยเริ่มต้นแบบนักเรียนอนุบาลนี่แหละ
เรายอมตนเป็นนักเรียนอนุบาลที่แท้จริง เหมือนนักเรียนอนุบาล
ที่อยู่ทางโลก คุณครูแนะนำให้ทำอะไรเราก็ทำอย่างนั้นด้วยใจที่
อินโนเซ้นท์ นี่ก็เช่นเดียวกัน เรามายอมตรงนี้กันสักนิดหนึ่ง มาปรับ
การนั่ง ปรับการวางมือ ปรับการวางเปลือกตา ปรับการวางใจ
ใจที่เหมาะสมที่จะเข้าถึงธรรมนั้นจะต้องไม่ผูกพันกับคนสัตว์
สิ่งของใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องไม่ผูกพัน ที่เราได้ยินได้ฟังว่า อย่าไปยึดมั่น
ถือมั่นเราฟังกันจนชิน แต่เราก็ยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง
ที่ท่านสอนไม่ให้ไปยึดมั่นถือมั่น ให้ปลดปล่อยวาง เพราะ
ไปผูกพันไปนึกถึงในสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลามันไม่
เกิดประโยชน์ แล้วเราก็ยึดมั่นถือมั่นมายาวนาน ตั้งแต่เราเกิดมา
จนกระทั่งบัดนี้ มันก็ไม่ได้ช่วยให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์ มีความสุข
ที่แท้จริง เพราะฉะนั้นท่านถึงสอนให้ปลดปล่อยวางในคนสัตว์
สิ่งของ แม้โลกใบนี้ก็ยังถึงกาลจะต้องเสื่อมสลายด้วยกัปวินาศ
แม้ร่างกายของเรานี้ก็จะต้องไปสู่จุดสลายสักวันหนึ่ง
ท่านสอนให้ปลดปล่อยวาง วางแม้กระทั่งความคิดว่า เราจะ
ต้องเอาให้ได้อย่างจริงจัง แล้วคาดหวังว่าวันนี้เราจะนั่งได้ดีกว่า
เมื่อวาน ดีกว่าทุก ๆ วัน ความคิดชนิดนี้ แม้เป็นกุศลธรรมก็ไม่ควร
คิดอีกเหมือนกัน ก็แปลว่าเราก็ไม่ต้องไปคิดเรื่องอะไร ไม่ว่าจะบวก
หรือลบ ให้หยุดตรงกลาง ๆ
แต่แม้เราหยุดตรงกลาง ๆ แต่ความคิดมันก็ผ่านมาในใจอยู่
ตลอดเวลา เราก็ต้องใช้สองคำว่า “ช่างมัน”
เราต้องยอมรับว่าในชีวิตประจำวันทุก ๆ วันที่ผ่านมาเราเก็บ
ประสบการณ์เหล่านั้นมาเป็นภาพ มันก็สั่งสมอยู่ในใจ ถึงคราวที่มัน
จะคลี่คลายก็จะมาฉายให้เราเห็นเป็นภาพ ถ้าหากว่าเราไปผูกพัน
กับมัน มันก็ฟุ้งซ่าน ถ้าไปต่อต้านไม่ให้คิด มันก็อึดอัด ทุรนทุราย
เพราะฉะนั้นให้ทำตัวเหมือนท่อนํ้า คืออยู่เฉย ๆ ปล่อยให้นํ้า
มันผ่านไป ท่อธารของใจก็เช่นเดียวกัน เราก็ปล่อยให้ความคิด
เหล่านี้ผ่านไป โดยเราไม่ต้องไปคิดต่อ ทำเฉย ๆ นิ่ง ๆ ตรงนั้น
เราได้รับคำแนะนำว่าให้นึกถึงบริกรรมนิมิตเป็นเพชรสักเม็ด
หรือองค์พระใสๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง เราก็นึกไป แล้วก็ประคองใจ
ด้วยคำภาวนา สัมมา อะระหัง ก็ทำไป ถึงจุดๆ หนึ่ง เราไม่อยาก
จะภาวนา ก็ไม่ต้องภาวนา ไม่อยากจะนึกถึงภาพเราก็ไม่ต้องไปนึก
หรือนึกแล้วมันชัดได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นไปก่อน
เราก็ต้องทำอย่างง่าย ๆ อย่างนี้แหละ แต่เรามักจะฟังผ่าน
พอฟังผ่าน ชีวิตเราก็ทุกข์ทรมาน เหมือนนั่งฟรีกันไปทุกครั้ง เมื่อย
ฟรี นั่งฟรี ได้แต่ขันติบารมี มันหมดเวลาที่เราจะต้องสูญเสียไปกับ
อย่างนั้นแล้ว
🌟รับธรรมะดี ๆ ที่เป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจในการปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงความสุขภายในได้ที่นี่
⚡️Line
line.me/ti/p/%4...
⚡️Facebook
/ jai.yut.24nor.fanpage
⚡️RU-vid
/ ใจหยุด24น
⚡️Instagram
/ jaiyut24nor
⚡️Twitter
/ jaiyut24nor
⚡️Pinterest
/ jaiyut24nor
⚡️Spotify
spoti.fi/2QN4JH4
⚡️Apple Podcasts
apple.co/36POqif
⚡️JOOX
joox.page.link...
⚡️TikTok
vt.tiktok.com/...
⚡️Blockdit
www.blockdit.c...

Опубликовано:

 

19 сен 2024

Поделиться:

Ссылка:

Скачать:

Готовим ссылку...

Добавить в:

Мой плейлист
Посмотреть позже
Комментарии : 24   
Далее