ป๋าเต็ดพาบุกโรงงานแผ่นเสียง ResurRec! 

ใช่ครับ คิดว่า สิ่งที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ สิ่งที่ดีที่สุดก็ได้ คิดกันไปเอง เค้าเชื่อกันต่อๆกันมา

นักเล่นเครื่องเสียงในปัจจุบัน (ไม่ใช่ในสมัยก่อน ) เขาเลิกพูดกันหมดแล้วว่าแผ่นเสียง เสียงดีกว่าดิจิตอล แอมป์หลอดเสียงดีกว่าแอมป์โซลิด แอมป์หลอดเสียงแห้งแผดมีไหม? มี แอมป์โซลิดเสียงอิ่มหนามีไหม? มี ควรพูดได้แค่ว่าคุณชอบเสียง จากเครื่องยี่ห้อไหน แล้วถ้าจะมาพูดเรื่องค่าความเพี้ยน ขอบอกเลยว่าแผ่นเสียงกับแอมป์หลอดนี่แหละอุปกรณ์ที่มีความเพี้ยน-อ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม มาก

@@tohthunder แผ่นเสียงคุณภาพจะอยู่ที่ต้นฉบับการ mix การอัดเสียง คุณภาพของ file เสียง แผ่นเสียงคือ format ที่มันอยู่แค่นั้นเอง ส่วน amp หลอด กับ solidatate ที่บอกมาถูกต้องครับ มันคือการทำงานของอุปกรณ์ แต่การวา ออกแบบ class และคุณภาพของอุปกรณ์สำคัญที่สุด

ถ้าต้นฉบับที่เอามาตัดแผ่นคือ CD แผ่นนั้นเสียงจะห่วยกว่า CD แต่ถ้าต้นฉบับคือเทปโอเพ่นรีลล้วนๆ ตั้งแต่อัด-มาสเตอร์-ตัดแผ่น แผ่นนั้นเสียงธรรมชาติกว่า CD ครับ เอาแค่ต้นฉบับไฟล์ 24Bit 192Khz เสียงก็ดีกว่า CD หลายขุมละ อยู่ที่หัวเข็มด้วยครับ หัวดีๆแพงๆ เสียงดีกว่าหัวถูกๆ

มันอยู่ที่ไฟล์ต้นฉบับครับ ในยุคก่อนอัดเพลงลงเทปรีลแล้วลงแผ่นเสียง เสียงเลยออกมาชัด แต่ถ้าเอาไฟล์จากcd ลงแผ่นเสียงผมกล้าพูดว่าเสียงห่วยกว่าเเน่นอน ปล.เสียงดีหรือไม่อยู่ที่เครื่องเล่นด้วย

อิงค์กับPolycatหนักกว่าครับ ปาเข้าไปหมื่นกว่าบาทเรียบร้อย555

@@thanakitchitjittawan4073 ราคาแพงแต่คุณภาพยังห่วย ครับ ยังสู้แผ่นที่ทำเมืองนอกไม่ได้ ที่แพงขึ้น เพราะมีพวกปั่น คุณภาพไม่ได้ดี แต่เน้นเป็นของสะสมมากกว่า

พี่ที่ทำงานแกเคย ให้เทปมาเป็นกองๆ แต่ติดปันหา คือ หาเครืองเล่นยาก ตอนนี้ให้คนรับซือของเก่า ไปเเล้ว

น่าจะชนะเรื่องราคาและความสะดวก แต่คุณภาพเสียง ยังได้ไม่เท่าอนาลอกครับ

@@teenPlusthai อาจใช่เมื่อสิบปีที่แล้วครับ แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่แล้ว ถ้าจะพูดว่าเครื่องเสียงที่ดี คือเครื่องเสียงที่ผิดเพี้ยนน้อยที่สุด เอาแค่นี้ดิจิตอลมันก็ชนะอนาลอกอยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่"เคยเชื่อ"ว่า แซมเปิลเรทของดิจิตอลทำให้เกิดรอยหยักของคลื่น วงการเครื่องเสียงเขาก็พิสูจน์กันแบบ Blind / Double Blind Test โดยเพลงแซมเปิลเรท 44k เป็น 2800k ผลคือนักฟังแยกความต่างไม่ออกครับ

@@tohthunder มากขนาด 32Bits ก็ยังมีรอยหยักอยู่ ทางความถี่ 192KHz ก็สูงเกินพอที่จะตอบสนองความถี่สูงสุดที่หูคนจะได้ยินได้ มีอยู่ยุคหนึ่งที่อัดลงเทปโอเพ่นรีลอนาลอก 24 แทร็ก แล้วมิกซ์ดาวน์ลงเทปดิจิตอล DAT 2 แทร๊ก 16Bits 48KHz เพื่อเอามาเป็นต้นฉบับทำเทปคาสเซ็ทและแผ่น ไวนีล EP LP รวมถึง CD นั่นแปลว่า แผ่นเสียงยุคนั้น มีต้นฉบับที่ด่อยกว่าปัจจุบัน แต่แผ่นยุคก่อนหน้านั้นที่ต้นฉบับไม่ใช่ DAT อย่างอัลบั้ม ร็อกเล็กๆไมโคร เสียงสุดยอดมากเมื่อฟังจากไวนีล อาจจะเพราะสไตล์งานคนมิกซ์เป็นฝรั่งที่ต่างจากคนไทย

ขอบคุณที่สนทนาได้ออกรสนะครับ _/|\_ การพิสูจน์เรื่องสื่ออานาลอก เสียงดีกว่าดิจิตอล จริงหรือไม่ ? เรื่องนี้เป็นคำถามที่ไม่ใช่แค่คนไทยสนใจ แต่ฝรั่งก็สนใจมากเช่นกัน การทดสอบจึงต้องตัดตัวแปรเรื่องคุณภาพไฟล์ต้นฉบับจากห้องอัดออก แต่ทดสอบด้วยเพลงๆเดียวกันจากสตูดิโอเดียวกัน แล้วนั่งฟังเทียบกัน ด้วย ระบบ/ห้องฟัง เดียวกัน เพื่อให้การทดสอบมีความเชื่อถือได้สูงสุด ซึ่งถ้าเอาเพลงๆเดียวกัน มาเล่นบนเทิร์น หรือเล่นบนสื่อดิจิตอล มันง่ายมากอยู่แล้วที่เราจะจับเสียงเกร็บๆเล็กๆที่บอกว่านี่คือแผ่นไวนิล (จนนำไปสู่ความลำเอียงในการตัดสินได้) การทดสอบเรื่องว่ารอยหยักดิจิตอลมีผลต่อเสียงไหมนี้ จึงทดสอบด้วยไฟล์ดิจิตอลทั้งคู่ ซึ่งการทดสอบนี้ต้องการพิสูจน์ว่า ถ้ารอยหยักดิจิตอลมีผลลดทอนคุณภาพเสียงลง นักฟังก็ควรจะแยกไฟล์แซมเปิลเรทสูงมากออกจากไฟล์มาตรฐานได้ ว่ามีเสียงที่ดีกว่า เป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ผลก็ตามที่บอก คือค่าสถิติการตอบถูกไม่มีนัยยะสำคัญ หรือพูดสั้นๆว่าอยู่ในระดับ"เดา"ตอบครับ ป.ล.เรื่องความสุข เรื่องรสนิยมไม่มีถูกผิด ผมมิได้มีเจตนาจะบอกว่าคนรักแผ่นเสียงเป็นคนเข้าใจผิดนะครับ เพราะมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนชอบรถคลาสสิค แทนที่จะขับรถรุ่นใหม่ ของแบบนี้คือคุณค่าในการสะสมซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจได้

@@tohthunder ไม่มีใครเอาอนาลอกไปดิจิไตซ์เป็นดิจิตอล แล้วฟังเทียบกับไฟล์ดิจิตอลในเพลงเดียวกันหรอกครับ มันก็จะกลายเป็นดิจิตอลไปทั้งคู่ ต้องเปิดโอเพ่นรีล ฟังเทียบกับ CD และ ต้นฉบับเพลงนั้นที่ดิจิไตซ์ที่ไฮเรส. จะเห็นชัดครับ เอา 3 รูปแบบนี้เทียบ จะเห็นชัด ถ้าแผ่นเพลงเก่าๆในยุคอนาลอกล้วนๆ น่าจะมีเปาะแปะกวนเยอะละ ควรเอาเทปโอเพ่นรีลมาเล่นเทียบ

อยู่ที่แม่พิมพ์ที่เป็นโลหะนั่นแหละครับ ในแม่พิมพ์ มันมีเพลงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เราแค่เอาก้อนพลาสติกกดลงไปให้มีร่องตามนั้นก็จบ ตามในคลิป ถ้าจะจัดเพลงแบบอื่น ต้องทำแม่พิมพ์ใหม่ ซึ่งการทำแม่พิมพ์ ก็คือการอัดเพลงจาก source อย่างหนึ่ง เข้าเครื่องที่ทำหน้าที่กัดแผ่นโลหะ ซึ่งก็คือเราต้องเล่นเพลงไปเรื่อยๆให้เครื่องมันกัดร่องไปเรื่อยๆ แล้วจากนั้นก็เอาไปปั๊มกับโลหะอีกแผ่นให้เป็น negative ซึ่งก็คือเจ้าแม่พิมพ์นี่ที่เราเอามาใช้อัดพลาสติกต่อไปนั่นเอง

ดีไม่ดีอยู่ที่ต้นฉบับของเสียง อย่างเพลงเก่าๆ ก็เอาจากแผ่นเสียงมาทำเป็นไฟล์ดิจิตอล

เสียงจากยูทูบเสียงมันไม่ดี อยู่ที่การอับโหลด

@@user-bz3em6et6iครับแต่ส่วนมาก ผมรู้สึกว่าเสียงมันแตกอาจจะเพราะต้องลงเป็นไฟล์ในเว็บเลยไม่ดีเท่าแผ่น ไม่รู้ว่าเป็นเหมือนกันไหม

Bks. Studio ทำมาคงขายไม่ได้ Loso

@@goroomogo6994 ครับ..

@@goroomogo6994 ไปหาข้อมูลมาใหม่ครับ อย่าปรามาส อย่าหัดทำนิสัยแบบนี้ครับ

ยี่ห้อ Gadhoude รุ่น Dean พอได้ไหมครับ

แผ่นแพงบ้าเลือดบ้านเรา

ฟิล์มกลับมาในกองถ่ายครับ กล้องดิจิตอลต่อให้แพงหลักล้าน มันก็คือวิดีโอ ส่วนโรงฉาย อยู่ที่ต้นฉบับครับ ถ้าฟิล์มเป็นต้นฉบับ มันก็ออกมาได้ฟีลฟิล์ม

เพลงก็มาจาก stamper ไง เอาต้นฉบับเพลงเปิดกับเครื่องทำ stamper เครื่องมันก็จะใช้หัวเข็มเจาะไปที่แผ่นโลหะที่เป็น stamper เหมือนกันทำแผ่น CD ต่างกันกันที่ CD แผ่น stamper ทำจากแผ่นแก้วใช้เลเซอร์เจาะให้เป็น pit หรือร่องเสียง

@@DryiceWinter อ่อๆคับ

DVD อย่าเลยครับ บลุเรย์ดีกว่า ดิจิตอลเหมือนกัน Blu Ray คมเหมือนฟิล์มกว่าครับ

แต่เรื่องเสียงนี่ตรงข้ามครับ ลงเหว.

@@slowdowsss1518 ถ้าต้นฉบับที่เอามาตัดแผ่นคือ CD แผ่นนั้นเสียงจะห่วยกว่า CD แต่ถ้าต้นฉบับคือเทปโอเพ่นรีลล้วนๆ ตั้งแต่อัด-มาสเตอร์-ตัดแผ่น แผ่นนั้นเสียงธรรมชาติกว่า CD ครับ เอาแค่ต้นฉบับไฟล์ 24Bit 192Khz เสียงก็ดีกว่า CD หลายขุมละ อยู่ที่หัวเข็มด้วยครับ หัวดีๆแพงๆ เสียงดีกว่าหัวถูกๆ

เก็บไว้ฟังได้ยันหลานบวช แต่เทปยึด ซีดีลอกไปแล้ว 😅😢

ประมูลล่าสุดห้าพันกว่าครับ

บัดนี้กาลเวลาก็พิสูจน์แล้วว่าพีคจริงๆ พีคนิรันดร R.I.P น้าค่อม

ค่ายของศิลปินนั่นแหละครับเป็นคนจ้างทำ

ไม่ได้ พี่โตยังไม่ได้สักบาท

เค้าต้องได้ค่าลิขสิทธิ์ครับ

@@sunsun10632 ใครต้องได้ครับ ลิขสิทธิ์เป็นของค่ายเพลงนิครับ อยู่ที่ข้อสัญญาที่เขาตกลงกับศิลปินหนิครับ

เค้าไม่ได้ปั๊มแผ่นผีไม่ใช่เหรอ

การสั่นของหัวเข็ม ขยายคลื่นการสั่น ออกลำโพง

ใช่ครับ

แผ่นไวนิลมันเป็นการขูดกับตัวแผ่นกับเครื่องเล่นครับที่เห็นร่องในทั้งแผ่นเนี้ยพอจานมันเริ่มหมุนในตัวเครื่องฟังเครื่องฟังก็จะขูดกับตัวไวนิลซึ้งในแผ่นมีการทำร่องลึกตื้นหรือร่องต่างๆที่ทำตัวเล่นแผ่น มันรับได้ก็จะออกมาเป็นเสียงครับเป็นการสั่นสะเทือนของร่องที่ทำมาครับ

ในคลอปแบไต่ คือแค่ขั้นตอนสุดท้าย

มันมาจากเจ้าแม่พิมพ์โลหะที่อยู่ในคลิปตอนต้นน่ะครับ ซึ่งการทำแม่พิมพ์นี้ เราต้องมีเครื่องที่ใช้อัดเพลงลงแผ่นแล็กเกอร์มาสเตอร์ มันจะมีหัวกัด ให้ร่องแผ่นมาสเตอร์เป็นไปตามคลื่นเสียง จากนั้นก็ทำการปั๊มลงแผ่นโลหะอีกแผ่นให้เป็น negative ของตัวแผ่นมาสเตอร์ ซึ่งก็จะกลายเป็นตัวแผ่นแม่พิมพ์ในคลิป ที่นำมาใช้ปั๊มลงพลาสติกผลิตเป็นแผ่นขายต่อไป ในคลิปนี้ เขาทำแผ่นโลหะแม่พิมพ์จากเมืองนอก เนื่องจากไม่มีเครื่อง แล้วเอามาใช้ปั๊มเป็นแผ่นไวนิลด้วยเครื่องที่เห็น

อยู่ที่ต้นฉบับที่เอาไปทำแม่พิมพ์แผ่นครับ ถ้าเอา flac ไปก็เสียงได้ประมาณ cd เพราะ flac เอามาจาก cd เขาคงเอาเสียงระดับมาสเตอร์จากห้องอัดไปเลยครับ 24Bits 192Khz เลย ต้นฉบับของ cd

เคยฟัง 24 bit 96 kHz ยัง

ไม่ต้องริป เซฟจากแอพ garage band เลยได้เสียงคุณภาพดีกว่า

ถ้าให้สุดจริงๆต้องพวก เทปรีล ครับอันนี้จะขึ้นไปอีกขั้นนึงของแผ่นเสียง ฝรั่งกำลังนิยมแต่มันหา เทปรีล ยากมาก

mcus ruttrall แต่ตอนบันทึกในสตูเป็นดิจิตอล ฮ่าๆๆ

อยากให้ชาวหูทองรู้จักโปรแกรม Cubase

เทปรีล ลองฟังยังครับอันนี้เสียงดีมากเผลอๆดีกว่าแผ่นเสียงด้วยครับ ระบบ เทปรีล เขาใช้อัดในสตูดิโอกันแต่ตอนนี้พวกหูทอง เอามาใช้ฟังกันในบ้านแล้วเป็นเทรนด์สำหรับพวกหูมหาเทพเพราะราคาแพงมาก

@@wirotejitrungsri559 Cubase ห้องอัดใหญ่ๆไม่ใช้ครับ ห้องอัดใหญ่ๆคงอยากให้น้องรู้จัก Digidesign

@@mercyocean1554 เทปรีล ต้นฉบับมันก็ต้องเป็นเทปรีลด้วยกันอีก ถึงจะดีสมบูรณ์ ธรรมชาติแท้ๆ

ต่อให้ผลิตในไทย คืดว่าราคาไม่น่าจะลงเยอะ เพราะมันผลิตที่ละน้อยๆ สร้างกระแสกับราคาเหมือนเดิม

@@bankyoschanin3733จริงครับ มันไม่ได้อยู่ที่ต้นทุน มันอยู่ที่กำไรที่ต้องการ

เข็มเซาะร่อง เข็มต่ออยู่กับขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า แล้วเอาสัญญาณเสียงป้อนขดลวดให้เข็มสั่นตามเสียง เข็มก็ไปกัดร่องแทร็กวงก้นหอย แล้วเทโลหะหลอมเหลวลงไปที่ร่องแทร็ก พอโลหะแห้งก็จะได้แม่พิมพ์สแตมเปอร์

ของสะสม

ทำออกมาน้อย ทำตามออเดอร์

@@teenPlusthai แผ่นเมืองนอกทำออกมา100แผ่น ราคายังไม่ถึง1000บาทเลย แต่บ้านเราไป1700-2000กว่าเลยน่ะครับ

มันบวกกำไรเยอะ

เข็มเซาะร่อง เข็มต่ออยู่กับขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า แล้วเอาสัญญาณเสียงป้อนขดลวดให้เข็มสั่นตามเสียง เข็มก็ไปกัดร่องแทร็กวงก้นหอย แล้วเทโลหะหลอมเหลวลงไปที่ร่องแทร็ก พอโลหะแห้งก็จะได้แม่พิมพ์สแตมเปอร์

แผ่นเสียงได้อารมณ์ครับ CD ดีกว่าเยอะ bitrate ที่สูงได้รายละเอียดเครื่องดนตรีครบ คุณภาพเสียงดี

ถ้าต้นฉบับเป็น CD ก็ได้ไม่ดีกว่า CD งั้นต้นฉบับต้องละเอียดกว่า CD ครับ CD 16ฺBits 44.1Khz ต้นฉบับที่มาทำสแตมเปอร์แผ่น ก็ต้อง 24-32Bits 192Khz สูงสุดที่ห้องอัดดิจิตอลใช้กัน แต่ถ้าห้องอัด อัดด้วยเทปอนาลอก 24 แทร็ก มิกซ์ดาวน์ใส่เทปโอเพ่นรีล แล้วเอาโอเพ่นรีลนั้นมาทำสแตมเปอร์ แบบนี้เสียงจะธรรมชาติกว่า 24-32Bits 192Khz แน่นอนครับ

@@teenPlusthai ตอบแบบคนรู้จริง

@@user-xp1lf5hc8d ผมเป็นมือมิกซ์ตั้งแต่เรียน ปวช.1 ครับ

อยู่ที่หัวเข็มด้วยครับ หัวดีๆแพงๆ เสียงดีกว่าหัวถูกๆ

เข็มเซาะร่อง เข็มต่ออยู่กับขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า แล้วเอาสัญญาณเสียงป้อนขดลวดให้เข็มสั่นตามเสียง เข็มก็ไปกัดร่องแทร็กวงก้นหอย แล้วเทโลหะหลอมเหลวลงไปที่ร่องแทร็ก พอโลหะแห้งก็จะได้แม่พิมพ์สแตมเปอร์

เทปปัญหาเยอะเก็บได้ไม่นานด้วย

กลับมาแล้วครับ นักร้องหลายคนทำแล้ว แต่ผลิตที่ต่างประเทศ ม้วนนึง 500 บาทขึ้นไป

ที่ป๋าปั๊มไงครับ ทูผี สาวไส้

ราคาเท่าไหร่ครับ

เท่าไหร่ครับ

เหมือนซีดีนั่นเเหละ

Nirvana Nirvana เค้าตัดออกครับ

Dome The Sun บ

@Dome The Sun คนเล่นแผ่นเขาบอกฟังบ่อยๆแผ่นมันจะค่อยๆเสื่อมและพังไม่ใช่หรือครับ ผมว่า cd น่าจะอยู่ได้นานกว่าถ้าไม่ทำให้แผ่นเป็นรอย

@Dome The Sun ซีดีปั๊มไม่มีหมดอายุ cd-r มีอายุ แผ่นเป็นรอยเครื่องเล่นจะเปิดไม่ได้ เครื่องมันอ่านด้านพลาสสิกใส มีน้ำยากัดผิว cd ไว้ลบรอยขายตามห้างเยอะแยะ แต่ถ้าเป็นรอยมากๆ ก็แก้ไม่ได้

@Dome The Sun ผมว่าคุณเข้าใจผิดนะครับ ไวนิลไม่ได้แข็งขนาดนั้น มันอ่อนมากกว่าอะไรหลายๆอย่างเยอะครับ เราลองเอาอะไรแข็งๆไปขูดแผ่นดู มันก็เป็นรอยแล้ว และแผ่นไวนิล ตกไม่แตกครับ ไอ้พวกแผ่นที่ตกแตก นั่นคือแผ่นครั่ง (ยุคก่อนไวนิล) หรือ shallac record แผ่นพวกนั้นที่เห็นบ่อยๆ จะน้ำหนักมากกว่าไวนิล ขนาดยอดนิยมคือ 10 นิ้ว และมีหน้าละเพลงเท่านั้น (คล้ายๆแผ่นไวนิลเล็ก 7 นิ้ว เพียงแต่ใหญ่กว่า หนักกว่า ตกแตก) เพราะมันเล่นที่สปีด 78 และร่องเสียงใหญ่กว่า แม้แผ่นจะสะอาด แผ่นครั่งก็ยังมีเสียงแบ็กกราวด์ซ่าๆ เนื่องด้วยตัววัสดุ ส่วนเจ้าวัสดุที่แข็งรองจากเพชรนั่นก็คือ แซฟไฟร์ ซึ่งนิยมนำมาทำเป็นเข็มเล่นแผ่นเสียง แผ่นเสียงที่เก่าที่สุดในไทย ไม่ใช่แผ่นเอลวิสแน่ๆครับ และแผ่นเอลวิสอายุก็ไม่ถึง 70 ปีแน่นอน เพราะแกออกแผ่นครั้งแรกปี 1953 ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ถึง 70 ปี แผ่นของเอลวิส มีทั้งแผ่นไวนิล และแผ่นครั่ง แผ่นไวนิลแรกเริ่ม น่าจะออกสู่ตลาดยุค 1940s ปลายๆ ออกมาเป็นแผ่นเล็กสปีด 45 ก่อน แล้วตามด้วยแผ่นใหญ่สปีด 33 ในนาม แผ่น long play เพราะแผ่นนึงมันใส่ได้หลายเพลงมาก (เฉลี่ย 6 เพลงต่อหน้า) เมื่อเทียบกับแผ่นครั่งสปีด 78 ที่ หน้านึงมีแค่เพลงเดียว เล่นแป๊บเดียวก็หมดละ ต้องพลิกแผ่น เปลี่ยนแผ่นกันไป ในไทยนั้น แน่นอนว่า ต้องมียุคก่อนแผ่นไวนิล คือยุค 1940s 1930s (ก่อนเอลวิส) และก่อนหน้านั้น ซึ่งแผ่นเสียงสมัยนั้น ล้วนเป็นแผ่นครั่งทั้งสิ้น และเก่ากว่าเอลวิสแน่นอน คุณลองหาดู พวกเพลงสุนทราภรณ์รุ่นปีประมาณ 2480 - 2490 ก็เป็นแผ่นครั่งทั้งนั้น ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ง่ายๆว่า มีแผ่นเก่ากว่าของเอลวิสที่คุณว่า ในเมืองไทย ถ้าจะว่าแผ่นเก่าที่สุดจริงๆในเมืองไทย มันอยู่ยุคไหน ก็คงเป็นยุค ร.5 ปลายๆ หรือประมาณ พ.ศ. 2440 - 2450 กว่าๆ มีแผ่นเพลงตับ เพลงเถา อะไรพวกนั้น ที่ไปอัดที่เมืองนอกมา แผ่นพวกนี้เป็นแผ่นครั่ง และสปีดสมัยนั้น ยังไม่ค่อยมีมาตรฐานเท่าไหร่ อาจจะมีสปีด 78 บ้าง 80 บ้าง 100 บ้าง ประมาณนี้ พวกแผ่นครั่ง สามารถเล่นกับพวกเครื่องลำโพงปากแตร ที่เราใช้มือไขลาน ให้เพลตแผ่นมันวิ่ง แล้วเอาเข็มจิ้มลงไป เครื่องพวกนี้ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า อาศัยหลักการอคูสติกของปากแตรในการขยายเสียงให้ดัง และเข็มที่เล่นแผ่น ส่วนมากเป็นเข็มเหล็ก เมื่อใช้เล่นเพลงหน้านึงเสร็จแล้ว ควรเปลี่ยนเข็มทันที เพราะความสึกของเข็ม จะไปขูดทำลายร่องเสียงต่อไป ถ้าฝืนใช้ต่อ เครื่องปากแตรพวกนี้ ถ้าคุณเอามาเล่นแผ่นไวนิล คุณอาจแปลกใจ ว่า เอ๊ะ ทำไมไม่ค่อยมีเสียงเลย ก็เพราะว่า น้ำหนักของเข็มที่วางลงไป มันไปขูดทำลายร่องเสียง ณ วินาทีนั้นไปแล้ว เพลงในแผ่นของคุณจะถูกลบไปอย่างถาวร นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ง่ายๆอีกอย่าง ว่าไวนิลมันอ่อนมากๆ ไม่ได้แข็งรองจากเพชร มันอ่อนเสียยิ่งกว่าแผ่นครั่งอีก

@Dome The Sun แผ่นไร้อยู่ได้ 5 ปี แผ่น cd ปั้ม อยู่ได้นานหลายสิบปีครับ ผมใช้ แผ่นไร้แบคอัพงานเก่าๆไว้ ยังต้องรอรวยก่อน แล้วขนไปให้แลปกู้ข้อมูลครับ >

ปรกติแผ่นเสียงจะมีเสียงที่ดีกว่า format อื่นๆอยู่แล้วครับ ทั้งนี้อยู่ที่เครื่องอ่านด้วย และมันมีโทนที่เป็นเอกลักษณ์ของมันด้วย และแผ่นยังสามารถจะ export เป็น digital format ได้ด้วยครับ แบบคุณภาพมากเลยด้วยครับ อุปมาก็ คล้ายๆลองนึกถึงเทคโนโลยีฟิล์มที่มาทำเป็น HD หรือ 4K ปัจจุบันก็แบบนั้นนะครับ บางฟิลมนั้นสามารถทำได้ 8K เลยด้วยซ้ำแล้วแต่คุณภาพของต้นฉบับและเทคโนโลยีที่จะ convert ครับ

เป็นLosslessเลยใช่ไหมครับ?

@Dome The Sun ไม่มีการบีบอัดมันไม่ได้แปลว่าเสียงดีกว่า Lossless แล้วที่คุณบอก Lossless มีการสูญเสียงข้อมูล ถ้ามันสูญเสียข้อมูลเขาเรียกไฟล์ lossy ครับ

@@wirotejitrungsri559 การบีบอัดแบบ lossless ก็มีการสูญเสียค่ะ คุณอย่ามั่วว่าไม่มี แต่สูญเสียน้อยกว่ามาตราฐานที่กำหนดไว้ค่ะ ส่วนไฟล์ lossy มันจะสูญเสียกว่ามตราฐานที่กำหนด

@@ckatpk108 ชื่อมันก็บอกอยู่ว่า lossless คุณนั่นแหล่ะมั่ว มีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมบ้างไหม

ต้องให้เค้าจ้างสลิ่มแบบคุณหรอคับบบบ

ถ้าฟังจริงๆ ฟังจาก cd ก็พอแล้ว แต่คนเล่นแผ่นเสียงเขาเล่นเป็นของสะสม ปั่นราคา อวดรวย อวดว่าหายาก ถ้าเอาหายากจริงๆ ในปัจจุบันเทปเพลงหายากกว่า

คำว่าเสียง ยังไงมันก็ต้องเป็นอนาล็อกครับ บันทึกเป็นดิจิทัล สุดท้ายจะไปถึงหูเรามันก็ต้องแปลงเป็นอนาล็อก เพื่อเป็นคลื่นเสียงให้หูเราฟังได้อยู่ดี จะเป็นแผ่น cd ก็ต้องผ่าน dac เพื่อสร้างคลื่นเสียงให้กลับมาฟัง เป็นแผ่นเสียง ข้อมูลที่บันทึกดิจิทัลถูกแปลงเป็นอนาล็อกเก็บในแผ่นตั้งแต่แรก สุดท้าย 2 วิธีก็ต้องแปลงเหมือนกัน แต่แผ่นเสียงจะบันทึกเสียงได้ระดับ Hi-Res ครับ สูงกว่ามาตรฐานของ CD เพลงปกติ

@@beartai ฟิลม์หนังยังมีฟิลม์ imax เลย harddrive 4TB มันไม่พอจะใส่เพลงยาว 6 นาทีกว่าๆ หรือครับ อย่าลืมว่าต้นฉบับของไฟล์เพลงที่เอามาปั๊มแผ่นเสียงมันเป็นไฟล์ดิจิตอล ในคลิปพี่โตป๋าเต็ดยังบอกปกแผ่นเสียงเขาเอาปก cd มาขยาย ภาพเลยคุณภาพต่ำ

@@wirotejitrungsri559 สมัยก่อนมันมีสิ่งที่เรียกว่า เทปรีล ครับขนาดมันใหญ่แพงแต่เสียงดี ไดนามิคดี อารมณ์ไหลลื่นต่อเนื่องดี แต่ว่าการทำเพลงสมัยใหม่บันทึกเป็นดิจิตอลเพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน การปรับแต่งเสียง การใช้เอฟเฟก แต่มันคนละเรื่องกับคุณภาพเสียงนะ ทุกวันนี้พยายามเพิ่มขนาดไฟล์เพื่อทำให้คุณภาพเสียงได้ใกล้เคียงกับ เทปรีล สมัยก่อน เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้การทำงานง่ายขึ้นถูกลงและคุณภาพดี ส่วนแผ่นเสียงเอาเข้าจริงมันอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ความไหลต่อเนื่องของเสียง มันให้ฟิวอารมณ์ในแบบเครื่องดิจิตอลไม่มี อารมณ์กล้องฟิลม์ กับกล้องดิจิตอล ถ้าจะเทียบกันก็คล้ายๆกัน เด็กยุคนี้หลายคนนิยมมาเล่นกล้องฟิล์มกัน เพราะอารมณ์กล้องฟิล์มมันไม่เหมือนกล้องดิจิตอล อย่าไปคิดว่าอวดรวย ของพวกนี้มันเหมือนศิลปะเราเสพความรู้สึกอารมณ์ รูป เสียง สัมผัส

@@wirotejitrungsri559 การบันทึกลงแผ่นเสียงแม้ต้นฉบับจะเป็นดิจิตอล แต่การบันทึกมันเป็นอนาลอกครับ ไฟล์ต้นฉลับต้องแปลงมาเป็นอนาลอกไม่ใช่การบันทึกเป็น 0 และ 1 ที่เป็นดิจิตอล ดังนั้นความไหลลื่นต่อเนื่องของอนาลอกมันมีอยู่ซึ่งเป็นกลิ่นอายสเน่ห์ของการฟังแบบนี้ครับ ซึ่งรูปแบบอนาลอกมันใกล้เคียงกับธรรมชาติของเสียง ระบบดิจิตอลต้องใช้การแซมปิ้งเรท เพื่อให้คลื่นมันโค้งมนไม่ใช่สัญญาน เปิด ปิด แบบดิจิตอล แต่ไม่ได้บอกว่าแผ่นเสียงจะเสียงดีกว่านะ เพราะไฟล์ดิจิตอลมันเก็บดีเทลรายละเอียดเสียงได้สูง เรียกว่าเอาข้อดีของสองระบบมาใช้น่าจะดีกว่า