ผู้ปกครองเผย เทศบาลขู่ฟ้อง-สั่งลบโพสต์แฉครูยัดอึใส่กระเป๋านร. หวั่นทำจนท.เดือดร้อน 

ผู้ปกครองเผย เทศบาลขู่ฟ้อง-สั่งลบโพสต์ หลังออกมาแฉครูยัดอึใส่กระเป๋านักเรียน หวั่นทำเจ้าหน้าที่เดือดร้อน ขณะที่ ผอ.โรงเรียน-ครู ปิดวาจาไม่ยอมชี้แจง
แม่เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "โรงเรียนรับเรื่องหน่อย ลูกสาวไปโรงเรียน กลับมาเจ็บหัวไหล่ ยกแขนขึ้นไม่ได้ ตอนนี้ร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน น้องอยู่อนุบาล 1 คุณครูนำอุจจาระนักเรียนใส่กระเป๋า ให้นักเรียนนำกลับบ้านมาด้วย 2 ครั้งแล้ว พอไปแจ้งคุณครู ทำแบบนี้ทำไม แบบนี้ไม่ควรทำ คุณครูแสดงกิริยาทำท่าทาง อมยิ้ม อยากทราบว่า เรื่องแบบนี้คุณครูทำสมควรแล้วหรือ"
แม่ของเด็ก 4 ขวบ ให้ข้อมูลว่า ลูกสาวอยู่กับอาของแม่ ซึ่งมีศักดิ์เป็นยายของลูกสาว วันเกิดเหตุยายเข้าไปที่โรงเรียน แล้วไปเจอหลานยืนแก้ผ้าอยู่หน้าเสาธง แต่ครูประจำวันอ้างว่า ยายไม่ได้เอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปให้ แต่ยายใส่ให้ทุกอย่าง และตรวจเช็คตั้งแต่ตอนอยู่หน้าโรงเรียนแล้ว ซึ่งครูประจำยังอ้างอีกว่า อุจจาระที่ใส่กระเป๋าไป เป็นเพียงอุจจาระที่ติดกางเกง เพราะสะบัดที่เป็นก้อนทิ้งไปแล้ว แต่ยายยืนยันว่า ได้อึมาเป็นก้อนๆ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับลูกตนคนเดียว ยังมีเด็กคนอื่นถูกบังคับให้กินอ้วกตัวเอง บางคนกลับบ้านในสภาพอุจจาระแห้งติดกางเกง
ในเมื่อครูปฏิเสธ แม่ก็อยากให้ครูแสดงความบริสุทธิ์ใจ ถ้าไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหาจริง ก็เปิดกล้องวงจรปิดของโรงเรียนเอามายืนยัน หวังว่ากล้องวงจรปิดจะไม่เสียเหมือนคราวก่อน ตอนนั้นยายเคยทำกระเป๋าเงินหายที่โรงเรียน ขอดูกล้องวงจรปิด โรงเรียนไม่ให้ดู โดยเอากระเป๋ามาคืนให้ แต่เงินหายไป
ผู้สื่อข่าวไปพบยายของเด็ก 4 ขวบ เล่าว่า ครูประจำชั้นของหลานสาว นำอึของหลาน ยัดมาในกระเป๋านักเรียนถึง 2 ครั้งแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งที่ความจริงควรนำอึไปทิ้งในโถส้วม ครูคนนี้ยังมีพฤติกรรมไม่ดูแลเด็ก หากเด็กอึขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ก็ถอดเสื้อผ้าออก แล้วให้เด็กยืนอยู่แบบนั้น ทั้งที่ยายก็เตรียมเสื้อผ้าสำรองใส่กระเป๋าไปให้แล้ว แต่ครูก็ไม่ใส่ให้ แถมยังโทรมาตามผู้ปกครอง ให้ไปใส่เสื้อผ้าลูกหลาน หากผู้ปกครองไม่อยู่บ้าน หลานสาวคงต้องยืนแก้ผ้าอยู่ที่เสาธงแบบนั้น ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นกับผู้ปกครองหลายคน
ล่าสุดหลานสาวไม่กล้าไปโรงเรียน ทั้งที่ช่วงแรกชอบไปโรงเรียนมาก แต่ระยะหลังหลานสาวจะเจ็บแขนประจำ แต่ไม่มีรอยฟกช้ำ ตนจึงไม่ไว้ใจ วันนี้ได้พาหลานสาวไปหาที่เรียนใหม่ในเขตอำเภอตะพานหินแล้ว หลังเกิดเรื่อง ยายได้เข้าประชุมกับเทศบาลต้นสังกัดของโรงเรียน มีปลัด มี ผอ.โรงเรียน มีนายก แล้วก็รองนายกฯ เข้าร่วมประชุม เขารับปากว่าจะจัดการให้ รวมทั้งขอให้ผู้ปกครองช่วยลบโพสต์ให้ เพื่อไม่ให้เทศบาลเดือดร้อนไปมากกว่านี้ โดยรับปากว่า ถ้าเคลียร์กันได้ จะไม่ฟ้องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ในขณะที่ชาวบ้านอีกราย ก็บอกว่า เจอเหตุการณ์เช่นเดียวกัน โดยครูคนดังกล่าว จะนำผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่เปียกปัสสาวะ ใส่กระเป๋านักเรียนกลับมาที่บ้านด้วย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่น่าเกิดขึ้น แต่ก็ต้องยอมทนให้ลูกหลานเรียนที่นี่ต่อไป เพราะไม่สามารถไปส่งโรงเรียนอื่นได้
ด้านนายเฉลา เกตุศิลป์ รองนายกเทศมนตรีตำบลบางไผ่ ในฐานะกำกับดูแลกองการศึกษา เทศบาลตำบลบางไผ่ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางไผ่ พร้อมรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางไผ่ เชิญ ผอ.โรงเรียน ครูประจำชั้นที่ถูกกล่าวหา และผู้ปกครองที่ร้องเรียน มาสอบถามข้อมูลเบื้องต้น และให้ปรับความเข้าใจกัน
สำหรับน้อง 4 ขวบ เพิ่งเข้ามาเรียนที่โรงเรียนได้ 2 เดือน อาศัยอยู่กับคุณตายาย ส่วนพ่อแม่ทำงานอยู่ที่ชลบุรี ก่อนเข้าเรียนได้ทราบแล้วว่า เด็กจะถ่ายบ่อย เรื่องนี้ท่านนายกเทศมนตรีตำบลบางไผ่ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามระเบียบขั้นตอนของทางราชการแล้ว กำหนดให้รู้ผลภายใน 15 วัน และหากมีความผิดจริงก็จะดำเนินการกับครูคนดังกล่าวต่อไป เบื้องต้นได้ตักเตือนผู้อำนวยการโรงเรียน ให้กำชับดูพฤติกรรมของครูคนดังกล่าวด้วย
ล่าสุด เช้าวันนี้ผู้สื่อข่าวไปที่โรงเรียนที่เกิดเหตุ พบว่า เปิดการเรียนการสอนตามปกติ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อมูลในเรื่องที่เกิดขึ้น จากผู้บริหารโรงเรียน ครู แต่ไม่มีใครยอมให้ข้อมูล บอกเพียงว่า ขอให้เป็นไปตามกระบวนการสอบสวน ของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่เทศบาลตำบลบางไผ่แต่งตั้งขึ้น เมื่อสอบถามถึงครูประจำชั้นคนที่ถูกกล่าวหา ได้คำตอบว่า ไม่ได้มาสอนในวันนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : ch3plus.com/ne...
-------------------
เที่ยงวันทันเหตุการณ์ วันที่ 16 กรกฎาคม 2567
ออกอากาศ ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ 11.20 - 12.35 น.
#เที่ยงวันทันเหตุการณ์ (MiddayNews)
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่
ch3plus : ch3plus.com/ne...
facebook : / 3plusnews
Twitter : / 3plusnews
RU-vid : / 3plusnews
TikTok : / 3plusnews