พระสิ้นคิดสนทนากับผู้ศึกษาพุทธวจน 9/6/67  

แบบนี้ เรียกว่ายึดตำรามากไป ได้ไหมคะ พุทธวัจนะ

หลวงตาสินท่านรู้เเจ้งเเท้ๆครับไม่ติดข้องในตำราใดๆนี่เเหละของจริงครับ❤

อนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ

หนูเคยเห็นความคิดเห็นใน ตต. มีคนหนึ่งพูดว่ากระดูกเป็นพระธาตุไม่ใช่พระอรหัน มันคือการปรากฎของธรรมชาติ หนูเลยเม้นถามเขาว่าไปศึกษามาจากตำราไหนคะ เขามาตอบว่าเขาเป็นศิษย์ของพุทธวจน แต่เรื่องที่เขาไปเม้นพูดคือกระดูกของหลวงตามหาบัว

ผมผู้ศึกษา พุทธวจน ผมไม่เคยขัดแย้งในตัวหลวงตาและไม่เห็นว่าหลวงตาขัดแย้งกับ พุทธวจนเลย หลวงตาสอนอานาปานสติ ในฐานนะผู้ศึกษา พุทธวจน ผมบอกเลย หลวงตาต้อนจนมุมหมดแหละ เพราะความเห็นผิดไม่มี คำว่าปัจะตัง เป็นสิ่งเฉพาะตน อุปมานะครับ ใครที่ติดกระดุมเม็ดแรกถูก ปลงศรัทธาที่ตถาคตแล้ว การมีครูบาอาจารย์เป็นการชี้ทางให้ คอยบอกคอยเตือน ... กับดัก ผู้ศึกษาพุทธวจน เปรียบเหมือนเรียนเก่ง คิดเก่ง เวลาเข้าสมาธิ มีรู้มีหลง มีสุข มีปิติ อยู่นาน เหมือนข่มยุนาน เพราะ ไม่แตกฉานสภาวะ พอออกจากสมาธิ อารมณ์ต่างๆก็กลับมา แต่พอฟังหลวงตา ผมก็เข้าใจได้ทันที เพราะหลวงตาชี้ให้เห็นถึงสภาวะ ส่วนคำสอนหลวงตาไม่ได้ค้านพุทธวจน แม้แต่น้อย พระอาจารย์คึกฤทธิ์ กับ หลวงตา สินทรัพย์ สำหรับผมก็สายร็อคกับคลาสสิค # ผมก็ลูกศิษย์พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ท่านคู่สนทนากับหลวงตา ผมก็ต้อนจนครับ ถกควรให้เกิดปัญญาครับ จะบอกว่าตัวเองเป็นพระอริยะให้ได้ หลวงตาท่านมองทะลุ ท่านก็กล่าวไปยิ้มไป คู่สนทนาก็พ่ายตัวเอง เพราะหลวงตาท่านดับอุปทานไม่ใช่ไปคิดเอา แต่ผู้สนทนา เป็นสภาวะของสมาธิ ผู้ปฏิบัติรู้เป็นปัจตัง กราบหลวงตาครับ กราบพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ศรัทธาหนึ่งเดียว คือตถาคต ผมไมได้เชื่อหลวงตา แต่หลวงตารู้ผมหมดไส้หมดพุง แต่ผมไม่อาจรู้หลวงตาได้เลย แต่ผมกลับรู้คู่สนทนาหลวงตา พุทธวจน ไม่มีใครติได้ แม้แต่หลวงตาเอง แต่ความหมายของคนอธิบาย มันเป็นสมมุติ ผิดตั้งแต่ยึดแล้ว อาจารย์คึกฤทธิ์ไม่เคยสอนให้ยึด นอนให้รู้ลม หรือใครเถียง อานาปานสติ อริยะสัจ4 ก็สอนสิ่งเดียวกันนิ มรรคอยู่สุดท้ายถูกแล้ว ถ้ามรรคอยู่ก่อน หลง หลงณาน หลงนิมิตร ผมพูดถึงตังเองนะ พอเห็นดับนี้แหละ จึงเห็นมรรค โสดาปฏิบัติผล ไม่ได้เข้าสมาธิก่อนเป็นเอง แต่ยังไม่เสถียร อันนี้แล้วแต่นะ ผมเชื่อหลวงตา โลกุตระธรรม เป็นเอง ไม่ได้ทำ

ตถาคตภาษิต ดีหมด ท่องจำ กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ ที่พระอริยสงฆ์สาวก ท่านนำมาบอกต่อ ๆๆๆๆๆๆ กันไว้ให้รู้ตาม คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด และ สายดับ นั่นเองค่ะ ตัวอย่างเส้นทาง สัมมาทิฏฐิ ที่พระอริยสงฆ์สาวก ท่านบอกต่อกันไว้ คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด และ สายดับ

เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ จะมีอยู่ใน ตถาคตภาษิต เท่านั้นค่ะ เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ คือ (มีสังขตธรรม / มี อสังขตธรรม เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ กฏอิทัปปัจจยตา / กฏอิทัปปัจจยตา เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ / กฏอิทัปปัจจยตา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ปฏิจจสมุปบาท * กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท*

ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด และ สายดับ เป็น ตถาคตภาษิต ก็จะมี เส้นทาง สัมมาทิฏฐิ มีสังขตธรรม เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ กฏอิทัปปัจจยตา / กฏอิทัปปัจจยตา เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ / กฏอิทัปปัจจยตา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ปฏิจจสมุปบาท *กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท* ท่องจำ กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท ให้คล่องปากขึ้นใจก่อนนั่นเองคะ

ท่านคนนี้ยังเก่งพุทธวจนเลยครับ

พระอานนท์ท่านบรรลุธรรม คือ การเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ พระอานนท์ นั่นเองค่ะ พระอานนท์ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ตถาคตภาษิตา นั่นเองค่ะ พระอานนท์ท่านเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ กฏอิทัปปัจจยตา (สัทธานุสารี >ธัมมานุสารี) สัทธานุสารี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ธัมมานุสารี และพระอานนท์ท่านเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ คือเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก ซึ่งก็คือท่านเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ และ เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองค่ะ

มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาอย่างนี้ค่ะ อริยมรรคมีองค์แปดไม่เกิดปรากฏขึ้นมา ปฏิบัติจนตายก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้จาก สังสารวัฏ คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด นั่นเองค่ะ

การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ และ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองค่ะ

เส้นทาง เจโตวิมุตติ คือ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิ 9 ระดับ นั่นเองค่ะ

เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ คือ สั่งสมสุตตะ ตถาคตภาษิต เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั่นเองค่ะ

สมาธิ มี 9 ระดับ มีสัมมาสมาธิ / มีมิจฉาทิฏฐิ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ

พระอานนท์ท่านบรรลุธรรม คือ การเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ พระอานนท์ นั่นเองค่ะ คือเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก นั่นเองค่ะ ก็คือการเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ และ เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองค่ะ เส้นทางเจโตวิมุตติ บอกไว้ใน พระสูตร ผัคคุณสูตร นั่นเองค่ะ จะเห็น ธรรมที่เป็นเหตุ แบบชัดเจน ที่เกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองค่ะ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้นมา นั่นเองค่ะ ในพระสูตร ผัคคุณสูตร จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ กฏอิทัปปัจจยตา และ จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ พระอานนท์ ท่านบรรลุธรรม ท่านเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของพระอานนท์ นั่นเองค่ะ เห็นได้จาก คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิตา นั่นเองค่ะ พระอานนท์ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ตถาคตภาษิตา นั่นเองค่ะ

ใช่ครับ

ฟังสนุก หลวงตาเมตตามากๆๆ ครับ

หากจะถามว่าในแต่ละศาสนา(คำสอน) ใครคือผู้บัญญัติ(ผลิต)คำสอนหรือบอกศาสนาแก่บุคคลอื่นผู้เป็นสาวก? ก็ต้องตอบว่า พระศาสดา ส่วนผู้ฟังคำสอน คือบุคคลที่เรียกว่า สาวก

สมาธิ มี 9 ระดับ มีสัมมาสมาธิ / มีมิจฉาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา สมาธิอรูปสัญญา สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิ (อินทรีย์5 พละ5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ หรือ มิจฉาสมาธิ / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ มิจฉาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ / มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / มีศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ / ผู้ที่มีความคิดเห็นที่เป็นการ ด้อยค่า ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต คือการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศรัทธา เป็นศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์5 พละ5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา จะทำให้เห็นความ จริง ตามความเป็นจริง นั่นเองค่ะ ไม่สามารถโกหกกันได้นั่นเองค่ะ

คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิตาืท่านจะบอก เส้นทาง เจโตวิมุตติ และ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ ไว้ให้รู้ตามนั่นเองค่ะ พระอานนท์ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ตถาคตภาษิต เป็นการบอกเส้นทาง เจโตวิมุตติ และ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองค่ะ พระอานนท์ท่านบรรลุธรรม คือ เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ พระอานนท์ นั่นเองค่ะ เส้นทาง เจโตวิมุตติ จะบอกไว้ใน พระสูตร ผัคคุณสูตร นั่นเองค่ะ

อืนทรีย์5พละ5 คนเราไม่เท่ากัน ทุกคนต้องสะสมไปเรื่อยๆ เข้าใจผิดแล้วแบบนี้ คนที่ไม่บรรลุก็ผิดหมดน่ะสิ หนทางยังอีกไกลค่อยๆเดินไปคงมีเวลานั้นของเรา

😊

พระอานนท์ท่านบรรลุ ธรรม คือ เห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ พระอานนท์ นั่นเองค่ะ พระอานนท์ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ตถาคตภาษิต เป็นการบอก เส้นทาง เจโตวิมุตติ และ บอก เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองค่ะ พระอานนท์ ท่านเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก นั่นเองค่ะ เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ (สัทธานุสารี > ธัมมานุสารี) คือเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ กฏอิทัปปัจจยตา อย่างนี้ค่ะ สัทธานุสารี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ธัมมานุสารี นั่นเองค่ะ กฏอิทัปปัจจยตา ก็จะเกิดปรากฏขึ้นมา อย่างนี้ก่อนนั่นเองค่ะ ซึ่งพระอานนท์ท่านเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ กฏอิทัปปัจจยตา (สัทธานุสารี>ธัมมานุสารี) นั่นเองค่ะ และตามมาด้วยการเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ บุคคล 4 คู่ 8 พวก (สัทธานุสารี ธัมมานุสารี พวกปฏิมรรค)( สัทธานุสารี ธัมมานุสารี พวกปฏิผล) การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สุตตมยปัญญา จะเห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี พวกปฏิผล นั่นเองค่ะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ จะเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี พวกปฏิมรรค นั่นเองค่ะ

@@kittipong2288 ไม่รู้เส้นทางจะไปยังไง ต้องได้ยินได้ฟัง ถ้าไม่รู้เส้นทางก็เป็นพระพุทธเจ้าเอง คุณได้ฟังมาแน่นอน แม้เพียง1บท

@@Nawapol1. เมื่อถึงฝั่งแล้ว ก็จะมีการตรวจสอบเส้นทางในการเดิน มรรค นั่นเองค่ะ ซึ่งก็จะเห็น พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้แก่ ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า เหมือนๆกัน นั่นเองค่ะ คือ ต้องเป็นผู้ที่ได้สดับใน คำสอนของพระพุทธเจ้า นั่นเองค่ะ

ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า คำสอนของท่านเป็น ธรรมมะ ที่เกิดปรากฏขึ้นมาตามความเป็นจริงนั่นเองคะ อย่าง อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค / ทุกข์ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว สมุทัย เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัตตานัง นิโรธ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว มรรค เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว ผู้ที่บอกว่าไม่เอาตำรา ก็คือ ยังไม่เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมมะ ที่พระพุทธเจ้าท่านได้บอกสอนไว้ให้รู้ตามนั่นเอง

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงแค่ผู้บอกทาง การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ วิจิกิจฉา คือ ผู้ที่ไม่เอา ตำรา นั่นเองค่ะ

สมาธิ มี 9 ระดับ มีสัมมาสมาธิ / มีมิจฉาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา สมาธิอรูปสัญญา สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ มิจฉาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ และ มิจฉาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์5 พละ5 (ศรัทธา>วิริยะ)>(วิริยะ>สติ)>(สติ>สมาธิ)>(สมาธิ>ปัญญา) การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์5 พละ5 ที่เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศรัทธา เป็นศรัทธาใน ตถาคตภาษิต หรือ เป็นศรัทธาใน สาวกภาษิต ก็จะเห็นได้แบบชัดเจนนั่นเองค่ะ ไม่สามารถโกหกกันได้ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / มีศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ

@@รัศมีทองคํา-ณ5ภ by

ถูกต้องครับ อ้างว่าฟังพระอาจารย์คึกฤทธิ์มา แต่ผมไม่เห็นเหมือนที่ผมฟังมาเลย ท่านสอนให้ทำตามพระพุทธเจ้าตรัสจริงๆ แค่นั้น

ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต จะมี กฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ยกตัวอย่าง อินทรีย์5 พละ5 (ศรัทธา>วิริยะ)>(วิริยะ>สติ)>(สติ>สมาธิ)>(สมาธิ>ปัญญา) ตถาคตภาษิต จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้นมา อย่างนี้ค่ะ ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ ทำให้ ตถาคตภาษิต เข้ากันได้รวมกันได้ไม่มีขัดแย้งกันนั่นเองค่ะ การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ จึงเป็นความคิดเห็นที่เป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ

คำแต่งใหม่ สาวกภาษิต คำสอน การเขียน การพูดออกมา และ การแสดงความคิดเห็น จะไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท ไม่มี สังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ สาวกภาษิต จะมีความขัดแย้งกับ ตถาคตภาษิต นั่นเองค่ะ

ข้อนตักแกงย่อมไม่รู้รสแกง

เห็นด้วยครับ

คือพุทธวจนก็ปฐิบัตครับไปดูเลยนั่งสมาธิเต็มไปหมดคือฝึกจบแล้วก็กลับบ้านเหมือนขึ้นเรือข้ามฟากต้องเอาเรือมั้ย

มั่วไม่มีอะไรที่มีความรู้สูงขึ้นเลย หลวงตา มั่ว

​@@copter7647กรรม คือ การกระทำทาง กาย วาจา ใจ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์ 5 พละ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา (ศรัทธา>วิริยะ)>(วิริยะ>สติ)>(สติ>สมาธิ)>(สมาธิ>ปัญญา) อินทรีย์5 พละ5 เป็น ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศรัทธา เป็นศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาอย่างนี้อย่างนี้นั่นเองค่ะ / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศรัทธา เป็นศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ สังโยชน์ ทั้งสิบ เกิดปรากฏขึ้นมาอย่างนี้อย่างนี้ค่ะ คำแต่งใหม่ สาวกภาษิต จะไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท ไม่มี สังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ เมื่อมีศรัทธาใน สาวกภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงไม่เกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองค่ะ มีศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ เป็นเหตุปัจจัยทำให้ สาวกภาษิต มีความขัดแย้งกับ ตถาคตภาษิต นั่นเองค่ะ

คึกฤทธิ์เป็นพระพุทธเจ้าเหรอ ถึงรู้ว่าคำที่ยกมาพูดคือคำพุทธเจ้า เกิดทันเหรอ เห็นอ้างคำนี้กันมาตลอด คำพุทธเจ้า มันก็มีแต่มาจากพระไตรปิฎกทั้งนั้น แต่เอามาอ้างตลอดว่าเฉพาะข้อนี้ถึงนี้คือคำพุทธเจ้า นอกนั้นไม่ใช้ ผมถามสักคำว่าคนที่เขาสำเร็จเป็นพระอรหันต์กระดูกเป็นแก้วเป็นหินท่านเคยมายึดไอ้คำสอนนี้ไหม ธรรมมะถ้ามองออกมองเห็น มันก็คือคำพุทธเจ้าสอนมาทั้งนั้ง เพราะท่านสอนเรื่องจากธรรมชาติ ไม่ใช่มายึดตัวหนังสือที่คึกบรรยายอย่างเดียว

เหมือนพระเรวัตตะ รู้เยอะกว่าพระศึกฤทธิ์อีกครับยังไม่เป็นพระอรหันต์เลยครับ รู้หมดจนหมดรู้สุดท้ายไม่รู้อะไรเลยดีกว่า

​@@รัก-ต9ฦ ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์นั่นเองค่ะ คำสอนนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต นั่นเองค่ะ ตถาคตภาษิต เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระอริยสงฆ์สาวก ท่านนำมาบอกต่อๆๆๆๆ กันไว้ นั่นเองค่ะ การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ เป็นความคิดเห็นที่เป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ ตถาคตภาษิต จะมี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท มี สังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ยกตัวอย่าง อินทรีย์5 พละ5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลย นั่นเองค่ะ จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้นมา ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ

​@@รัก-ต9ฦเกิดไม่ทัน พระพุทธเจ้า แต่เกิดทัน คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ยังมีอยู่ ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า พระธรรม พระธรรมวินัย คือ พระศาสดา นั่นเองค่ะ มีเหตุปัจจัยถูก เป็นผู้ที่ได้ สดับใน ตถาคตภาษิต เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ (ละนันทิ เจริญอานาปานสติ)และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ (สั่งสมสุตตะ ตถาคตภาษิต) นั่นเองค่ะ

​@@รัก-ต9ฦเมื่อเห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ และ เห็นชัดในเส้นทางปัญญาวิมุตติ ก็จะรู้จักว่านี่คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต นั่นเองค่ะ ก็จะพูดว่า พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตาม อย่างนี้อย่างนี้ นั่นเองค่ะ

ยังครับยังเก่ง

เข้าใจว่า โสดาบันเข้าถึง เองแบบไม่ได้ปฏิบัติเหรอ แค่นี้ก็ผิดแล้ว

​@@นะโม-ฉ3ดฟังจบรึเปล่า ท่านก็พูดชัดขนาดนั้นแล้วนะ

@@สหราชองค์อาจ ชัดตรงไหน อย่าตามกระแสเขาว่า

โสดาบันเข้าถึงแบบไม่ต้องปฏิบัติ พูดแบบนี้คทอไม่รู้เรื่อง และก็เคยพูดว่า พญานาคอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า มั่วมาก แบบนี้เข้าใจแบบไหน

ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต จะมี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท มี สังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาอย่างนี้อย่างนี้ค่ะ / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ นั่นเองค่ะ คือ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิ 9 ระดับ นั่นเองค่ะ / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางปัญญาวิมุตติ นั่นเองค่ะ คือ สั่งสมสุตตะ ตถาคตภาษิต เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั่นเองค่ะ

สมาธิ มี 9 ระดับ มีสัมมาสมาธิ/ มีมิจฉาสมาธิ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ สัมมาสมาธิ เกิดปรากฏขึ้นมาอย่างนี้อย่างนี้ค่ะ /การเกิดปรากฏขึ้นมาของ มิจฉาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ มิจฉาสมาธิ เกิดปรากฏขึ้นมาอย่างนี้อย่างนี้นั่นเองค่ะ

แสดงว่ายังฟังไม่จริงถ้าฟังจริงจะไม่ไปฟังคนอื่นอีกหรือฟังไม่เข้าใจ

@@phanuwatkawilar1131 เห็นแห่งการฟัง ธรรม ไม่รู้เรื่อง นั่นเองค่ะ มีเหตุปัจจัยถูก เป็นผู้ที่ได้ สดับ ใน ตถาคตภาษิต เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี จึงไม่มี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทัังสิบ นั่นเองค่ะ

@@phanuwatkawilar1131 ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาสังกัปปะ นั่นเองค่ะ

คุณรู้ได้ไง คุณเป็นพระอรหันต์รึ

พระอานนท์ท่านบรรลุธรรม คือ ท่านเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ พระอานนท์ นั่นเองค่ะ เพราะว่า พระอานนท์ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ตถาคตภาษิตา นั่นเองค่ะ

@@sophonk.l.m.8015 การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังคสามัคคี คือ จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ที่เหมือนๆกัน การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ( ศีล สมาธิ ปัญญา (เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ) สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ) และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ก็จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ (ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ) และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ ที่จะเกิดปรากฏขึ้นมาเหมือนๆกัน ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังคสามัคคี นั่นเองค่ะ จึงต้องสร้างเหตุปัจจัยถูกเพื่อให้ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาก่อนนั่นเองค่ะ ก็คือ เป็นผู้ที่ได้สดับใน คำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่ง กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า แน่นอนนั่นเองค่ะ

หลวงตาตอบนี่คือ คิดเอง

พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ได้ด้วยพระองค์เอง ท่านมีเมตตาบอกสอนไว้ให้รู้ตาม คำสอนของท่าน ตถาคตภาษิต จะมี กฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มี สังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาอย่างนี้อย่างนี้ค่ะ ถ้าอริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา ปฏิบัติจนตายก็ไม่หลุดพ้นนั่นเองค่ะ

คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต ที่ยังมีอยู่ใน ตำรา ตถาคตภาษิต จะมี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท มี สังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้ค่ะ เป็น อริยมรรคมีองค์แปด ในข้อที่ 1 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ เมื่อมีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต ทำให้ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองค่ะ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาอย่างนี้นั่นเองค่ะ สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาก่อน และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ นั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ และ มี ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้นมา ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ อริยมรรคมีองค์แปด เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต ที่มีอยู่ใน ตำรา นั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ (ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา สมาธิอรูปสัญญา สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ) และ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ (สั่งสมสุตตะ ตถาคตภาษิต เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1>2>3>4 เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์)

มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ (ละนันทิ เจริญอานาปานสติ)และ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ (สั่งสมสุตตะ ตถาคตภาษิต) เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ จึงเข้ากันได้รวมกันได้ไม่มีขัดแย้งกันนั่นเองค่ะ เมื่อมีความขัดแย้งเกิดปรากฏขึ้นมา นั่นคือการเกิดปรากฏขึ้นมาของ มิจฉาสมาธิ นั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ มิจฉาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ ผู้ที่มีความคิดเห็นที่เป็นการ ด้อยค่า ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ มิจฉาสมาธิ นั่นเองค่ะ จึงมีความขัดแย้งกับ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ (สั่งสมสุตตะ ตถาคตภาษิต ) นั่นเองค่ะ

ผู้ที่มีความคิดเห็นที่เป็นการ ด้อยค่า ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็นการเกิดปรากฏของ เส้นทางปัญญาวิมุตติ (สั่งสมสุตตะ ตถาคตภาษิต ) ธรรมที่เป็นเหตุ คือ มีศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ

ใช่แล้วครับ เราผู้ฟังได้ความรู้ด้วยครับ

อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

@@Thap695ขอบคุณค่ะที่คุณสละเวลาเขียนคอมเม้น😊ถ้าฉันคิดว่าบาปก็จะไม่ทำค่ะ ฉันทำแล้วตัวฉันไม่เดือดร้อนและฉันคิดว่า..ไม่ว่าจะทำบุญหรือช่วยคนที่มีน้อยกว่าเราก็ดีทั้งนั้นขอให้ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจค่ะ

สาธุครับ

สู้ๆๆครับ

สาธุบุญค้ะ

คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ธรรมชาติ ที่มีเกิดปรากฏขึ้นมาตามความเป็นจริงนั่นเองค่ะ

หลวงตา มั่ว โสดาบัน คือเป็นเอง แบบนี้มั่ว

ผมคนคีรีรัฐนิคมครับอยุ่ไกล้พุนพินมากราบหลวงตาประจำครับ

เคยตรวจสอบเส้นทางในการ เกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ไหมคะ

มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ และ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ (ถ้าไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองค่ะ) ผู้ที่มีความคิดเห็นที่เป็น ความคิดเห็น ด้อยค่า ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต คือไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต นั่นเองค่ะ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองค่ะ

คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ธรรมชาติ ที่มีเกิดปรากฏขึ้นมาตามความเป็นจริงนั่นเองค่ะ

หลวงตาก็พูด ไม่ตรงตามจริง

มั่วมากเลย หลวงตา คนที่เข้าถึงโสดานั้น ไม่ใช่ เหมือนหลวงตา พูดเข้าถึงโสดาบัน นั้น คือต้องเห็น จิตที่มันปล่อยวางโสดาบัน ต้องปฏิบัติ และเข้าถึง ไม่ใช่ จะเป็นเอง

ที่มาพูดแบบนี้ ว่าโสดาบัน คือคิดว่า ต้อง มีแต่พระพุทธเจ้าองค์เดียว เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ฤกษ์.งามยามดี ที่จริงโสดาบัน ยังไม่ถึง นี่ แค่ทางเดิน ที่ตะเดินไห้ถึง โสดาบัน เอาไปคิด

คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ธรรมชาติ ที่มีเกิดปรากฏขึ้นมาตามความเป็นจริงนั่นเองค่ะ

มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ (ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ)และ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ (สั่งสมสุตตะ ตถาคตภาษิต เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ) สมาธิ มี 9 ระดับ มีสัมมาสมาธิ/ มีมิจฉาสมาธิ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ (สัมมาสมาธิ)หรือ(มิจฉาสมาธิ) ท่านพอจะตอบได้ไหมค่ะ

เหนื่อยใจจริ้งงง

หลวงตาท่านรู้ เข้าใจจริง,คนฟังก็เข้าใจ,ฟังแล้วซาบซึ้ง

ความเห็นหลวงตานั่นแหละคือปัญญาที่เกิดจากการปฎิบัติอย่างแท้จริง

ไม่ใช่เลยคับ คนละเรื่องเดียวกันเลย

หลวงตามั่ว โสดาบันต้องปฏิบัติเหมือนกัน

มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ (ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิ9 ระดับ) และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ (สั่งสมสุตตะ ตถาคตภาษิต เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั่นเองค่ะ

สาธุในธรรม กุลกรรมบท มีทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มโนกรรมส่งผลแรงสุด หากคุมมโนกรรมได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ต้องคุมกายกรรม วจีกรรม ต่อ จะยกเลิกไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่จิต ก็ถูกแล้ว แต่ถ้าทำไม่ได้ละ เลยต้องมีธรรมข้ออื่นๆ ตามอินทรีย์ของแต่ละคน คะ หนูพูดตามความเข้าใจ คะ

@@thikhampornkueama3715 หลวงตานั่นแหละที่คุมตัวเองไม่ค่อยจะได้

คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ธรรมชาติ ที่มีเกิดปรากฏขึ้นมาตามความเป็นจริงนั่นเองค่ะ

ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า เข้ามารู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม ได้จาก คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต นั่นเองค่ะ อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตาม นั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยสัจสี่ ทุกข์ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาก่อน และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สมุทัย / สมุทัย เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ / สมุทัย เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ นิโรธ / นิโรธ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ / นิโรธ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ มรรค / พระพุทธเจ้าท่านบอกสอน อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ไว้ให้รู้ตามว่า อริยสัจสี่ มีเกิดปรากฏขึ้นมาอย่างนี้อย่างนี้นั่นเองค่ะ มรรค เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ / มรรค เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ พระสงฆ์ / พระสงฆ์ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ พระสงฆ์ โสดาบัน เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สกิทาคามี (โสดาบัน>สกิทาคามี)>(สกิทาคามี>อนาคามี)>(อนาคามี>อรหันต์)>(อรหันต์ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ (ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา สมาธิอรูปสัญญา เมื่อมาถึงปลายทาง อานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ)

มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ (ละนันทิ เจริญอานาปานสติ) และ เส้นทาง ปัญญาวิมุตติ ( สั่งสมสุตตะ ตถาคตภาษิต ) สมาธิ มี 9 ระดับ มีสัมมาสมาธิ / มีมิจฉาสมาธิ / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ มิจฉาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ / คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต ท่านสอนให้รู้ตามนั่นเองค่ะ ว่า สมาธิ มีเกิดปรากฏขึ้นมา มีสัมมาสมาธิ / มีมิจฉาสมาธิ เมื่อเข้ามารู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม ก็จะเห็น ธรรม ตามที่พระพุทธเจ้าท่านได้บอกสอนไว้ให้รู้ตามนั่นเองค่ะ เมื่อรู้แล้วก็นำคำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ นั่นเองค่ะ

@@รัศมีทองคํา-ณ5ภ พระธรรมส่วนใหญ่คือคำสอนอันงดงามของพระพุทธองค์ที่ฟังแล้วรื่นรมย์ใจ แต่ต้องใช้ปัญญาในระดับที่ไม่ธรรมดาจึงจะเข้าใจจนสามารถพาไปสู่การพ้นทุกข์ ดังนั้นพระพุทธองค์จึงแสดงหนทางและวิธีสร้างปัญญาแบบพุทธปัญญา มีชื่อว่า โยนิโสมนสิการ ในอานาปานสติสูตรำว้โดยเฉพาะ เพื่อให้สาธุชนทั้งหลายสามารถฝึกตามได้ไปจนถึงวิมุตติ ปัญญาที่เกิดขึ้นจากการฝึกตามอานาปานสตินี้ ช่วยให้ผู้ฝึกนำพระธรรมส่วนที่เป็นทฤษฎีมาใช้ได้อย่างแท้จริง

กรรม คือ การกระทำทาง กาย วาจา ใจ คิด พูด ทำ นั่นเองค่ะ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ (ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิ 9 ระดับ) ละนันทิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน จะละนันทิ ด้วยการเจริญอานาปานสติ ก็ได้นั่นเองค่ะ เป็นมรรควิธีที่ง่ายที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตามนั่นเองค่ะ และ ละนันทิ ด้วยการเจริญ กุศลกรรมบถสิบ เจริญเมตตา เจริญสมาธิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา ปลายทางพระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตามแบบชัดเจนว่า เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา นั่นเองค่ะ เจริญอานาปานสติ เจริญกุศลกรรมบถสิบ เจริญเมตตา เจริญสมาธิ เป็นการกระทำ เป็นการปฏิบัติ นั่นเองค่ะ / เมื่อปัญญาเกิดปรากฏขึ้นมา เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ นั่นเองค่ะ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ (ละนันทิ เจริญอานาปานสติ) อย่างนี้อย่างนี้นั่นเองค่ะ การทำกรรมไม่ดำไม่ขาวมีวิบากไม่ดำไม่ขาว ที่ทำไปเพื่อความสิ้นกรรม ก็คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ (ถ้า อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา ปฏิบัติ จนตายก็ไม่หลุดพ้นไปได้จาก สังสารวัฏ นั่นเองค่ะ)เพราะ กรรมนิโรธ คือ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ

แล้วถ้าผู้ปฏิบัติไม่มีความรู้จะหลุดพ้นได้หรือไม่

@@MpNu-ny2dt ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต จะมี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท มี สังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ยกตัวอย่าง อินทรีย์5 พละ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา (ศรัทธา>วิริยะ)>(วิริยะ>สติ)>(สติ>สมาธิ)(สมาธิ>ปัญญา)ตถาคตภาษิต จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้นมา ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ ทำให้ ตถาคตภาษิต เข้ากันได้รวมกันได้ไม่มีขัดแย้งกันนั่นเองค่ะ

@@MpNu-ny2dt มีกัลยาณมิตร เป็น เหตุให้ได้ฟัง ธรรม กัลยาณมิตร เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาก่อนนั่นเองค่ะ พระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระอริยสงฆ์สาวก ที่นำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ เป็น กัลยาณมิตร นั่นเองค่ะ

@@MpNu-ny2dt มีเหตุปัจจัยถูก คือ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด/ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ (ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิ 9 ระดับ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของพวกปฏิมรรค นั่นเองค่ะ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของบุคคลพวกที่ 2 ปฏิบัติตามธรรมวินัย เปรียบเหมือน ฝนตก นั่นเองค่ะ เริ่มดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสังกัปปะ คือการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 เริ่ม ละนันทิ ด้วยมรรควิธีต่างๆตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ มรรควิธีเหล่านั้นจะเกิดปรากฏขึ้นมา ยกตัวอย่าง ละนันทิ ด้วยการ เจริญอานาปานสติ ละนันทิ ด้วยการ เจริญกุศลกรรมบถสิบ เจริญเมตตา เจริญสมาธิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา ก็จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้นมา เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1>2>3>4 สัทธานุสารี >ธัมมานุสารี > โสตาปฏิมรรค> สกทาคาปฏิมรรค>อนาคาปฏิมรรค การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อนาคาปฏิมรรค คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ คือ การละอารมณ์ได้ดุจกระพริบตา/ ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตามว่า วิธีตรวจสอบความก้าวหน้า คือ อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ นั่นเองค่ะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อนาคาปฏิมรรค แล้วนั่นเองค่ะ เมื่อผ่าน อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศมาแล้ว ละนันทิจิตหลุดพ้น คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ นั่นเองค่ะ เมื่อมีเหตุปัจจัยถูก เป็นผู้ที่ได้ สดับ ในตถาคตภาษิต เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ แบบนี้ค่ะ

ท่านคนนี้ยังไม่เก่งพุทธวจนครับ

ผมว่า ไม่ต้องถึงมือ พอจ. หรอกครับ แค่ลูกศิษย์เก่งๆซักคนก็พอแล้ว เท่าที่ดูคร่าวๆ ตาคนนี้ก็ยังไม่คล่องแคล่วในพระสูตร พูดยังไม่ทันจะจบ ก็โดนดักตลอด😅 แต่ก็นะ จะเอาใครมาพูดก็แค่นั้น เพราะแก้วท่านน้ำเต็มเสียแล้ว เพราะอินทรีย์คนเราไม่เท่ากัน แม้แต่พุทธองค์ ตอนตรัสรู้ใหม่ๆ ก็ยังท้อพระทัย ที่จะแสดงธรรมเลย

ถ้าคุยกันจริงๆ ก็จะเจอ กฏอิทัปปัจจยตา หรือ หัวใจ ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ ถ้าท่านไม่คุย เรื่อง กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท แล้วหละก้อ ก็ไม่ต้องคุยกันแล้วคะ เพราะว่า จะไม่เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท ที่เป็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์5 พละ5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา นั่นเองค่ะ ถ้าไม่คุยเรื่องกฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท ก็จะทำให้ ไม่เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศรัทธา ใน อินทรีย์5 พละ5 ว่า มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / มีศรัทธาใน สาวกภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ ก็ต้องไปถามท่านว่า ท่องจำ กฏอิทัปปัจจยตา ได้หรือยัง นั่นเองค่ะ