สาย LAN ที่ดีต้องดูอะไรบ้าง? by อ.ศุภเดช 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ ผมอาจจะตกหล่นในส่วนนี้จริงๆ ขอบคุณที่ช่วยเสริมนะคร้าบ

กำลังนั่งพิมพ์เลยมาเห็นเข้า ขอบคุณมากครับ

สายเส้นเล็กก็แปลว่า ตัวหน้าตัดสายทองแดงอาจจะน้อยกว่าที่ standard กำหนดไว้ก็ได้ครับ แต่ด้วยเพราะระยะมันสั้น มันก็เลยพอจะใช้งานได้ครับผม

ว่าจะบอกเชียว 555 ดราม่าวงการหูทิพย์ปะทะ tech

อย่าไปเสียเวลาทำเลย เดี๋ยวอธิายภาษาบ้านๆให้ฟัง มันคล้ายๆระบบขนส่ง ปณ. เคอรี่ แฟรช พวกนี้เลย สมมุติเรา เราสั่ง iphone มาจากเมกาหรือในไทยก็ได้ ขนส่งก็จะมาส่งให้ เราก็ได้เลขพัสดุเอาไว้ยืนยันรับส่งคล้ายๆการเข้ารหัสและถอดรหัสในระบบบnetwork ถ้าเครื่องพังเครื่องหายระหว่างการขนส่งก็เท่ากับสัญญาณlosในระบบnetwork apple ก็จะส่งเครื่องใหม่มาให้เราในnetworkก็เป็นเช่นนั้น และเราก็จะได้ iphone ที่คุณภาพเหมือนๆกันทุกเครื่อง ไม่มีเจ้าไหนที่ส่งมาแล้วเครื่องจะกลายเป็นแรงเป็นพิเศษคุณภาพดีกว่าเจ้าอื่น ไม่ว่าจะ ปณ. เคอรี่ แฟรช DHL บลาๆๆ จะต่างก็แค่เรื่องความเร็วช้าในการขนส่งแค่นั้น ไม่ต่างอะไรกับสายแลน ยกตัวอย่างอีกถ้าของที่ส่งโดนโขมยโดนสับเปลี่ยนก็เท่ากับเราโดนHACK คล้ายๆกันไหมหละ แต่มันจะซับซ้อนกว่านี้นิดหน่อยเพราะมันมีระบบบป้องกันที่ดีกว่าเยอะ

ผมเอาสายแลนมาทำสายลำโพง

ถ้าเอาสายแลนมาทำสายลำโพงอันนั้นเป็นอีกเรื่องฝั่งอนาล็อกมิอาจเอื้อมถึง@@theripperrdx8167

หูเทพ จะตอบได้ว่า สายไหนห่วย สายไหนเทพ เมือเขา เสียบสายด้วยตัวเอง อวดนักอวดหนา ว่า เนียนะ เขาฟังออกตรงนี้ เบสแน่น ตรงนั้นเบสอ่อน แต่ถ้า ปิดตา แล้วให้คนอื่นเสียบ ตัวเองนั่งฟัง ต่อให้หูเทพแค่ไหน ก็ตอบผิด ซึ่งพอ ๆ กับ ตาเทพ ถ้าเสียบด้วยตัวเอง จะออกมาพูดได้นะว่า สายนี้ภาพสวย เล่นเกมลื่น ๆ HDR แจ๋ม ๆ สายนั้นภาพไม่สวย มีกระตุก สีไม่ตรง แต่ถ้าลองไม่ให้เสียบเอง ให้คนอื่นเสียบ แล้วมาให้นั่งเดาว่า ตอนนี้ใช้สายอะไรอยู่ ตาเทพ เดาผิดทุกราย

มุกนี้ข้าน้อยขอคาราวะ

แกเคยทำไว้อยุ่นะครับลองหาดู

มันเป็นการตัดต่อตามมาตรฐาน ซึ่ง ถ้าทำตาม standard จริงๆ เราจะมีตัดต่อตามมาตรฐาน เต็มที่แค่ 2 จุด คือต้นทาง ฝั่งสาย -> Patch Panel (ซึ่งตรงนี้ก็ต้องทำให้ถูกต้อง) และปลายทาง ที่ตัวสาย เข้า Outlet ทั้ง 2 ข้างจะเชื่อมด้วยสาย Patch ที่ทำ Standard มาเป็นอย่างดีครับ ไม่มีตัวแปรรบกวนจากภายนอกครับ

จากต้นทางมีสิ่งที่เรียกว่าบัฟเฟอร์ครับ ข้อมูลทุกอย่างถูกต้องทั้งหมดไม่มีผิดเพี้ยน จนมาถึงมือถือ คอมพิวเตอร์ เครื่องสตรีมมิ่ง มันก็ยังมีบัฟเฟอร์ และการทวนสัญญาณ แต่จากมือถือผ่านไวไฟเข้า DAC AMP คอมพิวเตอร์ผ่านสายยูเอสบีเข้า DAC AMP เครื่องสตรีมมิ่งผ่านสายแลนเข้า DAC AMP ทางฝั่ง DAC AMP มันไม่มีบัฟเฟอร์ส่งมาแล้วแปลงเลย แต่โดยปกติจะเจอเสียงเพี้ยนก็ตอนงานเวทีขนาดใหญ่ จากการเชื่อมต่อเข้าออกดิจิตอลมิกเซอร์ ระดับที่ใช้สายยาวเกินมาตราฐาน เช่น งานในเมืองทอง งานบิ๊กเมาเทน แต่ถึงแม้จะเพี้ยนมากๆ ก็สามารถแก้ไขเสียงได้ด้วยดิจิตอลมิกเซอร์ผ่านมือของซาวน์เอ็นอยู่ดี จะมีที่ต้องใช้สายเทพๆ สายแพงๆ ระบบดีๆ ก็เรื่องการแก้การดีเลย์ แก้สัญญาณขาดหาย มากกว่าการแก้เสียงเพี้ยน ตัวอย่างเสียงเพี้ยนเสียงดีเลย์ก็งานคอนเสิร์ตน้องๆ บีเอ็นเครุ่นแรก สมัยนั้นมีความเชื่อว่าสายอะไรก็ได้ ขนาดหูฟังที่เป็นอนาล็อกก็ยังอะไรก็ได้ ใช้ kz ตัวละ 390บาทเลย จนคนด่าว่าดีเลย์ เสียงเพี้ยน

ดูว่า ปลายทางใช้กับอุปกรณ์อะไร และอุปกรณ์นั้นจำเป็นที่จะต้อง associate ความเร็วได้เต็ม Bandwidth หรือเปล่า บางครั้ง ปลายทางเป็นกล้อง IPCAM ที่ใช้ bandwidth ไม่เยอะ เราอาจจะปรับความเร็วการ associate จาก 1gbps ให้เหลิอแค่ 100Mbps หรือ 10Mbps เพื่อให้มันยังสามารถส่ง data ได้เสถียร ในระยะที่เกิน 100 เมตรก็ได้ครับ

ขึ้นอยู่กับขนาดบ้าน ความหนากำแพงแต่ละบ้านด้วย อย่างเรา ระบบ WiFi ในบ้าน จะเปลี่ยน router แพงขึ้น ใช้ repeater/extender หรือ powerline ก็ไม่จบ bandwidth ตกกระจาย ใช้ mesh ที่โฆษณาดิบดีว่า แรง ครอบคลุมได้เท่านั้นเท่านี้ triband bandsteering บลาๆๆ สุดท้ายเจอกำแพงหนาไป แค่ node 1 ไป 2 ความเร็วก็ตกไป 30-40% ได้ สุดท้ายเอา node ต่อทำ lan backbone อยู่ดี … จบจริง ความเร็วไม่ตก แค่ลำบากเพิ่มหน่อย ปล. จริงๆ ในเคสส่วนตัวที่ว่าไป ไม่ไปรื้อระบบทำนั่นนี่ … ต่อแค่ usb WiFi มันก็ “ใช้ได้” แหละ แต่ไม่ได้ใช้ดีสำหรับเรา … อย่างที่อาจารย์แกว่าในคลิปเลยว่า ขึ้นกับกิเลสในใจเรา 😂 ซึ่งกิเลสเราคือ bandwidth ต้องลดไม่เยอะเกิน 10%