หน้ากาก LG Puricare Mask GEN2 หน้ากากล้ำยุครุ่นล่าสุดจาก LG 

ไม่ค่อยแนะนำอ่าครับ คือผมลองแล้ว มันข่วยได้บ้าง แต่ถ้าต้องหายใจถี่ๆ ก็ลำบากเหมือนกันครับ

The 2nd generation is lighter, it could feel more comfortable when you're wearing it for a longer period of time. It also has internal microphone and external speakers so what you say when wearing will sound more audible to the person you're talking to. As for the details of what it does, have a look at the product page.

@@SUPERTOMMO thank you so much! ❤️

ใช้งานจริงต่อเนื่องประมาณ 6-8 ชั่วโมงครับ จากสเปคสูงสุด 8 ชั่วโมง ซึ่งระยะเวลาการใช้งานของแต่ละคนไม่เท่ากัน เพราะ มันขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและลักษณะการหายใจของแต่ละคน ฟังก์ชั่นที่ใช้งาน กับอายุและรอบของแบตเตอรี่ สภาพแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งตัว LG รุ่นที่ 2 มีการเพิ่มแบตมาเป็น 1, 000 มิลลิแอมป์ มากกว่ารุ่นที่ 1 เลยใช้งานได้นานกว่าเดิม ซึ่งระยะเวลาการใช้งานพวกหน้ากากไฮเทคของยี่ห้ออื่นๆก็อยู่ประมาณนี้ หรืออาจน้อยกว่านั้น

@@atomicheart6179 สอบถามครับ แล้วถ้าเปิดไมค์ตลอดเวลา กินแบตมากไหมครับพอดีใส่ทำงานพูดคุยกับลูกค้าเป็นหลัก หรือถ้าไม่ได้พูดก็ไห้ปิดไมค์ครับ

@@easyqew1888 ถ้าเปิดไมค์ตลอดเวลา น่าจะได้ 5 ชั่วโมงครับ ถ้าเปิด-ปิดของไมค์ใช้งานเป็นบางช่วง น่าจะได้ประมาณ 6 ชั่วโมง แต่อย่างที่บอกมันแล้วแต่คนด้วยนะครับ และ ตัวนี้ยังมีต่อ BT กับ APP อีก

LG เขาไม่แนะนำไม่ให้ใส่ตากฝนครับ เพราะ มีโอกาสที่น้ำหรือความชื้น จะเข้าไปโดนวงจร กับ ฟิลเตอร์เสียหายได้ แต่จากที่ผมทดลองลุยฝนตกหนักๆตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหา ใช้งานได้ปกติครับ ผมมีภาพและคลิปที่อัดลุยฝนตกหนักๆไว้อยู่ครับ ไปดูในเพจผมได้ครับ รุ่น 2 มีการอุดรูน้ำเข้าไว้บางจุด ที่เคยมีปัญหาในรุ่น 1

> ทาง LG จะไม่บอก หรือพูดว่าหน้ากากพวกนี้สามารถกันโควิดได้ ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากยี่ห้อไหนๆของเจ้าไหนก็ตาม ไม่มีใครมาบอกว่าหน้ากากของตนกันโควิดได้ 100% ครับ แต่ถ้าเราศึกษาเข้าใจเกี่ยวกับหน้ากาก จะทำให้รู้ว่าหน้ากากประสิทธิภาพสูงพวกนี้ส่วนใหญ่สามารถดักละอองพวกไวรัสได้เป็นอย่างดีครับ แต่เราต้องใช้ถูกวิธี + ระวังตัวร่วมด้วย ผมใช้ LG รุ่น 1 มา 7-8 เดือนแล้วครับ และรุ่น 2 ก็ใช้มาตั้งแต่พึ่งออกมาไม่กี่เดือนนี้ ไม่มีการติดโควิดใดๆทั้งสิ้น คอยตรวจ RT-PCR ตลอด อธิบายง่ายๆคร่าวๆให้ฟังครับ (สำหรับใครที่ยังไม่รู้) เรื่องการดักไวรัสนะครับ 1. ถ้ากันละอองไวรัสทางอากาศ = ได้ครับ ถ้าใส่แบบ Fit นะครับ เพราะ ไวรัสมันไม่ได้ปนมาเดี่ยวๆ "ส่วนใหญ่"ไวรัสมันจะปนมากับละอองหรือสารคัดหลั่งที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงชนิด N95 หรือเทียบเท่า N95 กับ HEPA สามารถดักละอองขนาดพวกนี้ได้ครับ ซึ่งหน้ากากตัวนี้ก็ใช้ HEPA Filter ประสิทธิภาพสูง H13 กรองได้ทั้งขาเข้าและขาออกครับ สามารถดักได้เหมือนกันครับ ค่าประมาณ 99% กว่าๆ ตามที่เขาบอก แต่ค่าพวกก็สามารถแปรผันไปตามการใช้งานของแต่ละคนได้ครับ เช่น ถ้าเราสวมหน้ากากไม่แน่น มีช่องว่างอากาศให้เล็ดรอดเข้าด้านข้างได้ ค่าประสิทธิการป้องกันก็ลดลงครับ ส่วนเรื่องละอองไอจามต่างๆจะกระเด็นเข้า"ตา"ได้หรือไม่ มันแล้วแต่ปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ให้ท่านหา Face Shield หรือ แว่นตา มากันอีกชั้นเพื่อความชัวร์ และสบายใจของตัวท่านเอง 2. แต่ถ้าเป็นไวรัสที่มาจากการสัมผัสพื้นผิว เช่น มือเราไปจับนู้นนี้ที่มีไวรัส แล้วติดมือมา แล้วเราไปแคะจมูก หรือ ขยี้ตา อันนั้นยังไงก็ไม่มีหน้ากากตัวไหนกันได้ครับ แม้ว่าจะใช้หน้ากากดีแค่ไหนก็ตาม เราต้องระวังตัวเองไม่ให้เอามือไปสัมผัสโดนตา จมูก ปาก กับไปจับโดนด้านในหน้ากากของเราด้วยครับ ถ้าจะไปจับด้านในหน้ากาก ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเบื้องต้นก่อนไปจับด้านในครับ ปล. ถึงเราใช้หน้ากากดีแค่ไหน มันก็ช่วย Safe ให้เราในระดับนึงครับ ซึ่งเราต้องระมัดระวังควบคู่ไปด้วยครับ อย่าประมาท อย่าการ์ดตก ซึ่งผมก็ใช้หน้ากากตัวที่มีฟิลเตอร์ดีๆนะครับ แต่ผมก็ต้องมีสติระมัดระวังไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เพราะ ปัจจัยการติดเชื้อโควิด มันสามารถติดได้หลายช่องทาง โดยที่เราอาจไม่ทันได้ฉุกคิดหรือไม่ทันได้ระวังตัวก็ได้ครับ เช่น เรื่องการสัมผัสไม่ให้ไปโดนหน้ากากด้านใน และคอยเช็ดคราบฝังแน่น+ฆ่าเชื้ออุปกรณ์สม่ำเสมอ(เช่น UVC) ใส่ Faceguard กันอีกชั้น และ เว้นระยะห่าง ลดการไปพื้นที่แออัด และลดการไปพื้นที่ที่อากาศไหลเวียนระบายไม่ดี และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นครับ

มีกัน 2 ชั้น คือ HEPA H13 กับ Inner Cover น่าจะเป็น KF94 ที่มี 3 Layer เป็นชนิดเคลือบสารกันของเหลด ดักละอองได้ครับ > อากาศเข้า ต้องผ่านฟิลเตอร์ HEPA เกรด H13 ซึ่งประสิทธิภาพการกรองมากกว่า N95 ในชั้นแรก แล้วก็ต้องเข้ามาผ่าน Inner Cover ที่ดักชั้นที่ 2 ก่อนมาถึงจมูกกับปากของเรา > อากาศออก ก็ต้องผ่านแผ่น Inner Cover ปิดตรงวาล์วออก ก่อนอากาศออกทางวาล์วออก ปล. รุ่น 1 ผมก็ใช้มา 6 เดือนกว่าแล้วครับและ รุ่น 2 ก็ได้มาใช้ตั้งแต่ 16 สิงหาคม 2564 แล้วครับ ก็ใช้ไปพื้นที่เสี่ยงอยู่ด้านหน้า ก็ไม่ติดโควิดนะครับ

อธิบายง่ายๆคร่าวๆให้ฟังครับ (สำหรับใครที่ยังไม่รู้) เรื่องการดักไวรัสนะครับ 1. ถ้ากัน"ละอองลอย"ไวรัสทางอากาศ = สามารถดักได้ครับ ถ้าใส่แบบ Fit นะครับ เพราะ ไวรัสมันไม่ได้ปนมาเดี่ยวๆ "ส่วนใหญ่"ไวรัสมันจะปนมากับละอองหรือสารคัดหลั่งที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงชนิด N95 หรือเทียบเท่า N95 กับ HEPA สามารถดักละอองขนาดพวกนี้ได้ครับ ซึ่งหน้ากากตัวนี้ก็ใช้ HEPA Filter ประสิทธิภาพสูง H13 กรองได้ทั้งขาเข้าและขาออกครับ สามารถดักได้เหมือนกันครับ ค่าประมาณ 99% กว่าๆ ตามที่เขาบอก แต่ค่าพวกก็สามารถแปรผันไปตามการใช้งานของแต่ละคนได้ครับ เช่น ถ้าเราสวมหน้ากากไม่แน่น มีช่องว่างอากาศให้เล็ดรอดเข้าด้านข้างได้ ค่าประสิทธิการป้องกันก็ลดลงครับ ส่วนเรื่องละอองไอจามต่างๆจะกระเด็นเข้า"ตา"ได้หรือไม่ มันแล้วแต่ปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ให้ท่านหา Face Shield หรือ แว่นตา มากันอีกชั้นเพื่อความชัวร์ และสบายใจของตัวท่านเอง 2. แต่ถ้าเป็นไวรัสที่มาจากการสัมผัสพื้นผิว เช่น มือเราไปจับนู้นนี้ที่มีไวรัส แล้วติดมือมา แล้วเราไปแคะจมูก หรือ ขยี้ตา อันนั้นยังไงก็ไม่มีหน้ากากตัวไหนกันได้ครับ แม้ว่าจะใช้หน้ากากดีแค่ไหนก็ตาม เราต้องระวังตัวเองไม่ให้เอามือไปสัมผัสโดนตา จมูก ปาก กับไปจับโดนด้านในหน้ากากของเราด้วยครับ ถ้าจะไปจับด้านในหน้ากาก ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเบื้องต้นก่อนไปจับด้านในครับ ปล. ถึงเราใช้หน้ากากดีแค่ไหน มันก็ช่วย Safe ให้เราในระดับนึงครับ ซึ่งเราต้องระมัดระวังควบคู่ไปด้วยครับ อย่าประมาท อย่าการ์ดตก ซึ่งผมก็ใช้หน้ากากตัวที่มีฟิลเตอร์ดีๆนะครับ แต่ผมก็ต้องมีสติระมัดระวังไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เพราะ ปัจจัยการติดเชื้อโควิด มันสามารถติดได้หลายช่องทาง โดยที่เราอาจไม่ทันได้ฉุกคิดหรือไม่ทันได้ระวังตัวก็ได้ครับ เช่น เรื่องการสัมผัสไม่ให้ไปโดนหน้ากากด้านใน และคอยเช็ดคราบฝังแน่น+ฆ่าเชื้ออุปกรณ์สม่ำเสมอ(เช่น UVC) ใส่ Faceguard กันอีกชั้น และ เว้นระยะห่าง ลดการไปพื้นที่แออัด และลดการไปพื้นที่ที่อากาศไหลเวียนระบายไม่ดี และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นครับ

ผมทำสรุปตัว LG รุ่นที่ 2 ปักหมุดไว้บนสุดของเพจ Freak Review - Thailand ครับ ถ้าคนไหนอ่านแล้วสงสัย สามารถสอบถามได้ครับ

ผมคิดว่าน่าจะใหญ่ไปครับ

คิดว่าใหญ่ไปครับ แต่ทาง LG เขากำลังจะวาง Face Guard - Size M ไม่รู้ว่าใส่ได้รึเปล่า ซึ่งไม่มี Size : S ด้วย

ไม่เป็นคร้าบ ลองดูรีวิวรุ่นแรกได้ครับ ผมทำไว้ละเอียดๆครับ

@@SUPERTOMMO ขอบคุณครับ

เสียดายที่ ตัวกล่อง gen 2 ไม่ได้มาพร้อมสีขาว (Creamy White)ครับ แต่จะมาพร้อมกับตัวสีดำ (Black Ocean) ในเดือนกันยายนนี้ครับ ซึ่งล่าสุดที่ผมทราบข่าวมา อาจจะดีเลย์ด้วยครับ ต้องถามเจ้าของช่องน่าจะรู้วันมาดีที่สุด เพราะ เขามีสปอนเซอร์ได้รับตัวสีดำมาก่อน

@@atomicheart6179 ขอบคุณมากครับ รอจัดเลย

@@parinkhantahiran2123 ในกลุ่มมีเปิดให้จองสีดำแล้วครับ แต่ราคาต้องไปคุยเอง

@@atomicheart6179 วันจำหน่ายทางนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกันครับ ผมเองก็ลุ้นให้วางจำหน่ายตัวสีดำเร็วๆเหมือนกัน มีคนรออยู่เยอะเลยครับ

@@pongp.7122 ครับผม เพราะ ผมคุยกับ Sell ของ LG ตอนนี้ มันดีเลย์ครับ ไม่รู้ว่าจะทันปลายเดือนกันยายนรึเปล่า หรือเป็นเดือนหน้าแทนครับ แต่เห็นท่านได้มาก่อน เลยคิดว่าน่าจะรู้เกี่ยวกับวันจำหน่ายมากที่สุด

ตอนกำลังชาร์จไฟจะสีแดง ถ้าชาร์จเต็มแล้วไฟจะขึ้นสีเขียวค้าง

แต่ถ้าใส่วิ่งน่าจะได้เบา-กลางต้นๆครับ แล้วแต่คนด้วยครับ แต่ของผมใช้ขี่จักรยานๆหนัก ก็ยังไหวอยู่ครับ ส่วนเรื่องหายใจทันไหม ปริมาณหายใจพอไหม นอกจากตัวหน้ากากที่เราต้องคำนึง มันยังขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วยครับ 1. สภาพร่างกาย 2. ความแข็งแรงของปอด 3. ลักษณะการหายใจและปริมาณอากาศที่แต่ละคนต้องการ "ไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากันครับ"

@@atomicheart6179 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

เป็น HEPA เกรด H13 เหมือนกันครับ และขนาดเท่ากัน สามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ของรุ่น 2 จะเอาศรบนฟิลเตอร์ออก ส่วนเวลาใส่ก็ใส่แนวตั้งเหมือนเดิม และหันหน้าฟิลเตอร์ ด้านหน้า กับ ด้านหลัง เวลาใส่เข้าไปในหน้ากากให้ถูกต้อง

> หน้ากากกันไวรัสได้ครับ แต่เราต้องใช้ถูกวิธี + ระวังตัวร่วมด้วย อธิบายง่ายๆคร่าวๆให้ฟังครับ (สำหรับใครที่ยังไม่รู้) เรื่องการดักไวรัสนะครับ 1. ถ้ากันละอองไวรัสทางอากาศ = ได้ครับ ถ้าใส่แบบ Fit นะครับ เพราะ ไวรัสมันไม่ได้ปนมาเดี่ยวๆ "ส่วนใหญ่"ไวรัสมันจะปนมากับละอองหรือสารคัดหลั่งที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงชนิด N95 หรือเทียบเท่า N95 กับ HEPA สามารถดักละอองขนาดพวกนี้ได้ครับ ซึ่งหน้ากากตัวนี้ก็ใช้ HEPA Filter ประสิทธิภาพสูง H13 กรองได้ทั้งขาเข้าและขาออกครับ สามารถดักได้เหมือนกันครับ ค่าประมาณ 99% กว่าๆ ตามที่เขาบอก แต่ค่าพวกก็สามารถแปรผันไปตามการใช้งานของแต่ละคนได้ครับ เช่น ถ้าเราสวมหน้ากากไม่แน่น มีช่องว่างอากาศให้เล็ดรอดเข้าด้านข้างได้ ค่าประสิทธิการป้องกันก็ลดลงครับ ส่วนเรื่องละอองไอจามต่างๆจะกระเด็นเข้า"ตา"ได้หรือไม่ มันแล้วแต่ปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ให้ท่านหา Face Shield หรือ แว่นตา มากันอีกชั้นเพื่อความชัวร์ และสบายใจของตัวท่านเอง 2. แต่ถ้าเป็นไวรัสที่มาจากการสัมผัสพื้นผิว เช่น มือเราไปจับนู้นนี้ที่มีไวรัส แล้วติดมือมา แล้วเราไปแคะจมูก หรือ ขยี้ตา อันนั้นยังไงก็ไม่มีหน้ากากตัวไหนกันได้ครับ แม้ว่าจะใช้หน้ากากดีแค่ไหนก็ตาม เราต้องระวังตัวเองไม่ให้เอามือไปสัมผัสโดนตา จมูก ปาก กับไปจับโดนด้านในหน้ากากของเราด้วยครับ ถ้าจะไปจับด้านในหน้ากาก ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเบื้องต้นก่อนไปจับด้านในครับ ปล. ถึงเราใช้หน้ากากดีแค่ไหน มันก็ช่วย Safe ให้เราในระดับนึงครับ ซึ่งเราต้องระมัดระวังควบคู่ไปด้วยครับ อย่าประมาท อย่าการ์ดตก ซึ่งผมก็ใช้หน้ากากตัวที่มีฟิลเตอร์ดีๆนะครับ แต่ผมก็ต้องมีสติระมัดระวังไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เพราะ ปัจจัยการติดเชื้อโควิด มันสามารถติดได้หลายช่องทาง โดยที่เราอาจไม่ทันได้ฉุกคิดหรือไม่ทันได้ระวังตัวก็ได้ครับ เช่น เรื่องการสัมผัสไม่ให้ไปโดนหน้ากากด้านใน และคอยเช็ดคราบฝังแน่น+ฆ่าเชื้ออุปกรณ์สม่ำเสมอ(เช่น UVC) ใส่ Faceguard กันอีกชั้น และ เว้นระยะห่าง ลดการไปพื้นที่แออัด และลดการไปพื้นที่ที่อากาศไหลเวียนระบายไม่ดี และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นครับ

เอาขึ้นได้ครับ ผมพึ่งถาม Call Center ทางสายการบิน Air Asia ที่มีคนเขาบอกว่ามีกฎข้อห้าม เขาบอกขึ้นได้ปกติ ไม่มีปัญหาครับ แล้วลองเข้าไปดูในเพจผมครับ ผมพึ่งแปะภาพคนที่ใส่หน้ากาก LG ขึ้นเครื่องบินได้ตามปกติ

เสียใจด้วยครับ 🤣

รุ่น 1 จะมีมิติกว่าครับ แต่รุ่น 2 จะเน้น Mininal ลดขนาด ลดน้ำหนัก แอบพัดลมไว้ข้างใน เพื่อให้ใส่เบาสบาย และป้องกันปัญหาจากที่พัดลมเคยอยู่ด้านนอกด้วยครับ เน้นประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ดีไซน์เรียบๆมากเกินไป บางคนอาจไม่ชอบ

รุ่นที่ 2 มีระบบปิดอัตโนมัติเหมือนรุ่นที่ 1 หลังที่เราเปิดเครื่องแล้วไม่ใส่หน้ากาก วางทิ้งไว้ แต่ใช้ระยะเวลาในการปิดไม่เท่ากัน รุ่นที่ 2 ตามในคลิปนี้ ใช้เวลาประมาณ 2-5 นาที ถึงจะดับ ผมเคยอัดจับเวลาไว้แล้ว รุ่นที่ 1 จะใช้เวลา 1-2 นาที ถึงจะดับครับ --------------------------------- เรื่องทำความสะอาด มันแบ่งเป็นหลายส่วน ให้ดูที่ผมเขียนไว้ด้านล่างนี้ แต่ถ้าเอาทำความสะอาดบนพื้นผิวหน้ากากง่ายสุด ก็แอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70% ใช้เช็ดบนผิวหน้ากาก โดยใช้ไม้ฟองอ่อนๆ หรือ ผ้าที่เรียบเวลาเช็ดจะได้ไม่เป็นรอย หรือ ใช้สารทำความสะอาดอื่นที่ความเข้มข้นน้อยๆ เอาไปลองทีละน้อยๆ

@@atomicheart6179 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ 🙏🏻🙏🏻

เรื่องทำความสะอาด ตอนที่เรายังไม่มีกล่องอบ UV หรือ Case สำหรับใส่หน้ากากนะครับ แบ่งเป็น 4 ส่วนหลักๆ ดังนี้ครับ (แนะนำอ่านให้ละเอียดครับ) -------------------------------- *** การทำความสะอาดให้ระวังเรื่อง น้ำ - ความชื้น - ฝุ่น - สิ่งสกปรก เข้าไปข้างในหน้ากากด้วยนะครับ -------------------------------- 1. ส่วนพลาสติกตัวหน้ากาก - ทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ และน้ำอุ่นบนผ้าชุบน้ำหมาดๆ เท่านั้น เอาน้ำสบู่อ่อนๆปาดเช็ดรอบแรกครับ แล้วเอาน้ำเปล่าหรือน้ำอุ่นปาดซ้ำเช็ดคราบออกสบู่ออก (ระวังอย่าให้น้ำเข้าไปในเครื่องข้างใน) และอย่าไปถูตรงตัวอักษรแรงจนตัวอักษรขาด - หรือ ใช้แอลกอฮอล์ เช็ดด้านในด้านนอกได้ครับ แต่ก็มีข้อควรระวัง ที่ผมบอกไว้ท้ายๆโพสต์นี้ครับ ลองไปอ่านดูครับ - (ถ้ามี)ใช้ร่วมกับกล่องหรือแท่ง UV ทั่วไปที่ขนาดใหญ่ได้ครับ เอามาใส่ตัวหน้ากากแทนชั่วคราวได้ครับ ใช้ได้เหมือนกันครับ แนะนำให้ซื้อเป็นแบบกล่อง UV ในระบบปิดจะดีกว่าแบบแท่งครับ และ แบบกล่อง UV ใหญ่ มันจะดีตรงที่เวลากลับบ้าน ท่านเอาพวกอุปกรณ์ต่างๆไปใส่ได้เลยทั้งหมดทีเดียว มันมีหลายประเภท หลายแบบ ดูหลายอย่างๆให้ดีนะครับ -------------------------------- 2. ส่วน Face Guard ซิลิโคน - แนะนำให้ถอดแยกออกมาถูสบู่ แล้วล้างน้ำเปล่า แล้วเอาผ้ามาเช็ดมาดๆ แล้วเอาไดร์เปล่าให้แห้งครับ ถ้ามีฝุ่นติดเล็กน้อยก็ใช้สก็อตเทปแปะรูดออกได้ครับ -------------------------------- 3. สายหน้ากาก - สามารถถอดแยกมาทำความสะอาดได้นะครับ เมื่อเราใช้ไปนานๆแล้วอย่างในรูปที่โดนพวกคราบเหงื่อความมันจากใบหน้าเราสะสมจนคล้ำดำ เราสามารถถอดมาแช่น้ำผงซักฟองอ่อนๆ และผสมไฮเตอร์ซักผ้าขาว 1 ฝาได้ครับ ซัก 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง แล้วค่อยล้างน้ำเปล่า เอาไปตากให้แห้ง หรือ เอาไดร์เป่า >>> ถ้าเริ่มคล้ำควรรีบเอาไปทำความสะอาดครับ 2-3 อาทิตย์ ก็ควรซักแล้วครับ ถ้าปล่อยสะสมไว้นานไป บางทีจะซักไม่ออกครับ -------------------------------- 4. ***สำคัญ บริเวณรอบๆด้านหน้าพัดลมดูดอากาศ ที่อยู่หลัง Filter HEPA - H13 ให้เราเช็ดทำความสะอาดพวกฝุ่นผงต่างๆ แล้วเช็ดให้แห้งสนิท ก่อนประกบฝา เพราะ แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter มักจะทำมาจากวัสดุไฟเบอร์กลาส (Fibeglass) ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยการซักล้างและใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ เพราะ มันอาจจะทำลายเส้นใยของแผ่นกรองได้ แต่คุณสามารถทำความสะอาดได้โดยการใช้แปรงปัดฝุ่นที่อยู่ตามร่อง และเคาะเบาๆให้ฝุ่นหลุดออกมาจากแผ่นกรอง แต่ถ้าคุณเห็นว่าฟิลเตอร์ HEPA - H13 เริ่มดำจนแทบจะไม่มีพื้นที่ที่เป็นสีขาวแล้ว ก็ควรที่จะเปลี่ยน ส่วนใหญ่เฉลี่ยประมาณ 1 เดือนก็เริ่มดำครับ มันก็ขึ้นปริมาณฝุ่นแต่ละพื้นที่ที่เราไป และ เวลาที่เราใช้งานในแต่ละวัน ถ้าเอาแบบดูง่ายๆ ถ้าฟิลเตอร์ HEPA - H13 "เริ่มดำ" มากๆเมื่อไหร่ ก็ควรเปลี่ยนครับ ไม่จำเป็นต้อง 1 เดือน "เปะ"เสมอไป *** ระยะการใช้งาน 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณฝุ่นแต่ละพื้นที่ที่เราไป และ เวลาที่เราใช้งานครับ ผมเคยใช้มากสุดก็เกือบ 3 เดือนนะครับ ใช้แบบจนฟิลเตอร์ตัน อากาศแทบไม่ไหลผ่านเลย แต่เขาแนะนำให้เปลี่ยนทุก 1 เดือน เพราะ เฉลี่ยที่ผมใช้มันเริ่มจะดำแล้วครับ แต่ถ้าจะใช้ต่อไปได้ แต่ก็ต้องคอยดูด้วยครับ ถ้ามันสะสมมาก มันจะเป็นฝุ่นผงดำๆหลุดร่วงมาจากฟิลเตอร์ HEPA ติดรอบๆบริเวณนั้นได้ครับ ไม่งั้นเดี๋ยวพัดลมดูดเข้าไปครับ สรุป คือ ถ้าเริ่มหายใจไม่สะดวกก็เปลี่ยน หรือ ถ้าแผ่นฟิลเตอร์เริ่มดำเยอะแล้วก็ควรเปลี่ยน ไม่งั้นผงฝุ่นจะหลุดมารอบๆด้านใน

@@ginghandsome1003 ครับผม แต่ถ้าติดตรงไหน inbox ผ่านเพจนะครับ เพราะ comment ใน youtube มันแปะลิงค์และภาพอธิบายให้ดูไม่ได้ ยินดีช่วยเหลือครับ

@@atomicheart6179 ขอบคุณมากๆอีกครั้งนะครับ

กล่อง UV ใช้ด้วยกันไม่ได้ครับ ส่วนตัวสถาณะแบต ตำแหน่งไฟย้ายมาอยู่ด้านล่างหน้ากากแทนต้องสังเกตุเอาตอนถอดครับ

1. มีไฟ LED แจ้งสถานะแบตเตอรี่ และ ไฟแจ้งสถานะ Bluetooth อยู่ใกล้สวิตซ์หน้ากาก ด้านล่างหน้ากาก ทางขวา - สถานะไฟสีเขียว คือ ช่วงแบต 100-60% - สถานะไฟสีส้ม คือ ช่วงแบต 60-15% - สถานะไฟสีแดงกระพริบ คือ ช่วงแบตต่ำหว่า 15% - สถานะไฟสีขาว จะเป็นของการเชื่อมต่อ BT ของหน้ากาก กับ Application บนมือถือครับ ส่วนถ้า Application ของหน้ากาก LG รุ่นที่ 2 นี้มาแล้ว น่าจะมาช่วงปลายตุลาคม มันสามารถเช็คปริมาณ Battery บอกเป็น % แบบ Real Time ดูใน App บนมือถือได้เลยครับ -------------------------------------------- 2. LG รุ่นที่ 2 ใช้กับกล่องอบของรุ่นที่ 1 ได้แค่บางฟังก์ชั่น แต่ไม่แนะนำเด็ดขาดครับ เพราะ - ร่องวางหน้ากากไม่ตรงรุ่นกันครับ ต้องหามุมวาง ขยับให้มันสามารถวางได้ ซึ่งบางครั้งก็อาจปิดฝาไม่สนิท และมันไม่ Center และ มันจะส่งผลต่แสง UV-C ที่ตกกระทบตัวหน้ากาก กับ การไหลเวียนอากาศการอบแห้งลมร้อน - ตำแหน่งรูชาร์จไม่เหมือนกัน ชาร์จด้วยกันไม่ได้ - ฟังก์ชั่นบางอย่างมันไม่เตือนกับหน้ากากรุ่นที่ 2 ว่าทำงานเสร็จแล้ว เป็นไฟแดงไปเรื่อยๆ เคยมีคนเจออาการนี้ ถ้าจะใช้ชั่วคราวก็ใช้ได้ครับ แต่ใช้ระยะยาวผมไม่แนะนำครับ ก่อนที่กล่องอบรุ่น 2 จะมา ผมแนะนำให้ไปหากล่อง uv sterilizer ยี่ห้ออื่นมาใช้ดีกว่า แต่เรื่องการใช้งาน เวลาการอบ อาจแตกต่างจากกล่องอบ UV-C ของ LG เพราะ ของ LG จะเป็นแบบหลอด LED 6 ดวง ถ้าไปซื้อกล่อง uv sterilizer เบื้องต้นก็ดูว่าเป็นแบบ หลอด หรือ LED และกำลังไฟเท่าไหร่ เราควรวางห่างจากหลอดเท่าไหร่ และเวลาตำแหน่งไหนให้มันโดนทั่วถึง เวลาเราใส่ของอบ UV-C ทีละหลายๆอย่างในกล่อง

@@atomicheart6179 อ่อ โอเค ขอบคุณมากเลยค่า

คร่าวๆเรื่อง Application 1. ตัวหน้ากากสามารถเชื่อมต่อกับ App บนมือถือได้โดยตรงผ่าน BT ใน Andriod 5.0 หรือสูงกว่า และ IOS 11.0 หรือสูงกว่า 2. ตัวแอปอยู่ช่วงพัฒนา คาดว่าจะมาปลายปีนี้ น่าจะปลายตุลาคม 3. ตัวแอปจะแสดงค่าแบบ Real Time และตั้งค่าบางอย่างได้ครับ (ตามด้านล่างนี้) - เปิดปิดเครื่อง - ตั้งค่าปรับระดับพัดลมแบบ Auto หรือ Manual บน App ได้ ซึ่งถ้ากดปุ่มเฉพาะบนตัวหน้าจะเป็น Auto - ตั้งค่าปรับระดับเสียงออกลำโพงได้ ซึ่งถ้ากดบนหน้ากากไม่ผ่านแอปมันจะปรับระดับเสียงไม่ได้ - Real-Time Battery information = เช็คสถานะ Battery แบบ Real Time บอกอย่างละเอียด - Filter management = เช็คบอกระยะเวลาการใช้งานของ Filter และแจ้งเตือนหมดอายุให้เปลี่ยน - ดูข้อมูลการหายใจ Respiratory Data แสดงค่าปริมาณอากาศไหลเข้า Air Intake ต่างๆ แยกเป็น วัน อาทิตย์ เดือน - Activity log ติดตามกิจกรรมของคุณ แสดงค่าต่างๆ และ แสดงเส้นทางที่คุณเดินทางไปมาในแต่ละวันบนแผนที่ 4. ตอนนี้ถ้าจะลองเปิด BT หน้ากาก เชื่อมกับมือถือ ตัว Andriod จะสแกนเห็นชื่อ Puricare Mask ครับ เชื่อมต่อได้ แต่เดี๋ยวก็หลุด เพราะ ไม่ได้ผ่านแอป แอปมันยังไม่มี ส่วนตอนนี้ IOS สแกนเชื่อมหาหน้ากากยังไม่เจอครับ เป็นกันหลายคน

ใส่ได้นะครับ แน่หาเวลาถอดพักบ้างก็ดีครับ

1. ชาร์จไม่ได้ เพราะ ตำแหน่งรูชาร์จไม่เหมือนกัน แต่มีคนพลิกแพลงซื้อสายต่อมาอีก ถึงจะชาร์จได้ แต่จะวางหน้ากากตรงๆไม่ได้ และต้องหลายต่อ 2. ใช้อบ UV-C และ อบแห้งได้ แต่ต้องหามุมจัดวางหน้ากากในกล่องให้ดี ไม่งั้นจะปิดฝากล่องไม่ได้สนิท และ ที่เห็นคนลองมา บางฟังชั่นก็ปัญหาไม่ตัดไฟให้ 3. พอเอา Gen 2 ไปใส่ ในกล่องอบของ Gen 1 มันจะวางไม่ค่อยเข้าล็อค เพราะ กล่องเขาทำมารองรับเฉพาะรุ่นนั้น สรุป ผมแนะให้ใช้ตัวของรุ่นมันเองจะดีที่สุดครับ หรือ ใช้กล่องอบ UV Sterilizer ตัวอื่นมันจะเวิร์คกว่าครับ

ของผมใช้ทั้งใส่รุ่น 1 และ รุ่น 2 และใส่แว่นหลายแบบ ลมไม่มีรั่วไหลตีขึ้นข้างบนโดนแว่นจนเป็นฝ้านะครับ ยกเว้นเราไปที่อากาศเย็นๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงอุณภูมิฉับพลัน เกิดฝ้าได้ครับ สรุป ถ้าใส่ปกติ ไม่มีขึ้นครับ

ลิงค์ที่เขาแปะไว้ใต้คลิปเลยครับ ของ Shopee

@@atomicheart6179 รบกวนอีก 1 คำถามน่ะค่ะ ที่ชาร์จแบตเป็นไฟบ้านหรือ USB ค่ะ เพราะอยู่อเมริกาใช้ไฟไม่เท่ากัน ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ🙏🏻🙏🏻

@@miumay3544 เดี๋ยวผมมาบอกเพิ่มครับ

รบกวนด้วยน่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

@@miumay3544 1. ให้ดู Adapter ครับ ถ้ามันเขียน รองรับ 100-240V และ 50-60hz ก็ใช้งานได้ครับ แต่ถ้าให้ชัวร์ ใช้ได้แน่นอน ก็ให้เตรียมซึ้อพวกปลั๊กแปลงไฟแบบ Universal มาครับ 2. แล้วก็ดู Output ครับว่า 5V กี่ Amp อย่างหน้ากากของ LG เขาระบุว่าหน้ากากใช้ 5V 1.8A หรือ สูงกว่า ซึ่งผมแนะนำให้ใช้ ตัวหัวชาร์จ 5V 2A แบบไม่ชาร์จเร็วจะใกล้เคียงมากสุดครับ 3. ถ้าจะเอาสบายใจเลย ก็ซื้อในประเทศนั้นครับ

เรื่องการไหลเวียนอากาศ ถ้าอิงจากค่า Spec ถือว่าพอๆกัน ไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าจะถามว่าตัวไหน "หายใจสะดวกกว่า" มันแล้วแต่คนครับ เพราะ เห็นบางคนก็บอกรุ่น 1 สะดวกกว่า บางคนก็บอกรุ่น 2 สะดวกกว่า มันแล้วแต่คน เพราะ 1. สภาพร่างกาย 2. ความแข็งแรงของปอด 3. ลักษณะการหายใจและปริมาณอากาศที่แต่ละคนต้องการ "ไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากันครับ" แต่ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัวผม ที่ผมได้ใช้มา ของผมรู้สึกว่า Gen 2 หายใจสะดวกกว่าครับ เพราะ ผมใช้ออกกำลังกาย วิ่ง+ขี่จักรยาน เลยรู้สึกถึงความแตกต่างตอนใช้งานระหว่าง 2 รุ่นนี้

เห็นมีคนถามผมมาว่า จะซื้อตัวไหนดีระหว่าง LG ตัว Gen 1 กับ Gen 2 ผมเลยบอกให้"คร่าวๆ"นะครับ ให้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจส่วนนึง ซึ่งใครจะซื้อรุ่นไหน ก็แล้วแต่ความชอบ ความพึงพอใจ ความสะดวกของแต่ละคนนะครับ อันนี้ผมจะพูดให้ดูคร่าวๆ ว่ามีการอัปเกรด-แก้ไขปัญหา-แตกต่าง กันอย่างไรบ้าง "ไม่ได้บังคับ" นะครับ ซึ่ง LG - Gen 2 ที่พึ่งเข้ามาได้ไม่นาน มันแก้ปัญหาของรุ่นที่ 1 และ Upgrade เพิ่ม > แต่ทั้ง 2 รุ่นต่างมีทั้งข้อดีข้อเสียนะครับ ไม่มีหน้ากากตัวไหนที่ "สมบูรณ์แบบ" ซึ่งรุ่น 2 ผมต้องลองใช้งานไป 3-4 เดือนก่อน ถึงจะบอกเพิ่มได้มากกว่านี้อีก ส่วนรุ่น 1 ใช้มา 6 เดือนกว่าแล้วครับ เลยรู้เกือบทุกซอกทุกมุม > ถ้าอยากรู้รายละเอียด"เต็มๆ" ก็ถามผมโดยตรงได้ หรือ ไปอ่านในอัลบั้มที่ผมทำสรุปไว้ - ผมพูดตามความจริง ไม่มีอวย ดีก็บอกว่าดี ไม่ดีก็บอกไม่ดี ส่วนไหนสรุปได้ ไม่ได้ ก็บอกตามตรง ----------------------------- > GEN 1 - GEN 2 1. แก้ปัญหาเสียงอู้อี้ใน Gen 1 ที่คนรอบข้างฟังเราไม่ค่อยชัด ไม่ค่อยได้ยิน โดยการเพิ่มไมโครโฟนและลำโพง ในรุ่น Gen 2 > ตัว Gen 2 ถึงไม่เปิดไมค์พูด จากที่ถามคนรอบข้าง เขาก็บอกว่าฟังรู้เรื่องชัดมากกว่าตัว Gen 1 และ Gen 2 สามารถปรับระดับเสียง Output ได้ ใน App ที่กำลังจะมา ----------------- 2. Gen 1 มีขนาดใหญ่ จะมีปัญหาเรื่องการแนบหูคุยโทรศัพท์ - การใช้พื้นที่จัดเก็บ การวาง การพกพา "มาก" - และ มุมสายตาการก้มหยิบของติดตัวจะลำบากมากกว่า > ตัว Gen 2 เลยปรับให้มีขนาดเล็กลง ----------------- 3. ตัว Gen 1 จะมีน้ำหนักมากกว่า ซึ่งเห็นผู้หญิงบางคน ตอนที่ใช้รุ่น 1 ก็บอกว่าหนักหน้า หนักคอ > ตัว Gen 2 เลยปรับให้มีขนาดเล็กลง ใช้พื้นที่ได้เต็มที่ และน้ำหนักเบาลงตาม ผู้หญิงหลายคนน่าจะถูกใจ ----------------- 4. Gen 1 ระบบพัดลม จะเป็นแบบ Manual จากที่ใช้มานาน มันจะมีปัญหาเรื่องการกดเปลี่ยนระดับ ที่ต้อง"กดเรียง" ไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่สามารถกดย้อนถอยหลังได้ ทำให้คนใช้งาน ต้องกดปุ่มโดยไม่จำเป็น"เพิ่มขึ้น" และการกดแต่ละครั้งมันก็ใช้พลังงาน ทำให้หน้ากากเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็นมากขึ้น > ตัว Gen 2 เลยทำให้มี 2 ระบบ คือ Auto และ Manual แต่แบบ Manual ต้องไปปรับตั้งค่า ใน Application เท่านั้น (App มาปลายเดือนตุลาคมนี้ หรือ ปลายปีนี้) ----------------- 5. ตัว Gen 1 จะมีช่องตรงรูสายหน้ากาก 4 รู ซึ่งน้ำ-ความชื้น-ฝุ่นผง ต่างๆสามารถของไปสะสม หมักมม จนเครื่องอาจซ็อตเสียหาย หรือ ทำงานผิดปกติได้ อันนี้ยังไม่นับเรื่องรอบประกบไม่สนิท ที่บางคนเจอในรุ่น 1 ด้วยนะ > ตัว Gen 2 มีการเอาฟองน้ำคาร์บอน มาอุดปิดรูด้านในเรียบร้อย ----------------- 6. ตัว Gen 1 เรื่องการเชื่อมต่อ Application เช็คค่าสถานะการทำงานต่างๆ อายุไส้กรอง ..... ต้องเชื่อม Wireless ผ่านกล่องอบ UV ของรุ่นที่ 1 เท่านั้น > ตัว Gen 2 สามารถเชื่อมต่อ App ตัวหน้ากากกับมือถือได้โดยตรง ผ่าน BT และรองรับ BT 5.0 ทั้ง ios และ Andriod และ App ตัว Gen 2 สามารถเช็คและตั้งค่าสถานะต่างๆได้มากกว่ารุ่นที่ 1 และเป็นแบบ Real Time ----------------- 7. ตัว Gen 1 แบต Built in จะมีความจุ 820 mAh > ตัว Gen 2 เพิ่มแบตเป็น 1,000 mAh เนื่องจากมีฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้นมาด้วย มีต่อ

ต่อ 8. ตัว Gen 1 ต้องปรับระดับพัดลมแบบ Low ถึงจะอยู่ได้ใกล้เคียง 8 ชั่วโมงตามที่เขาบอก ถ้าปรับ Medium - High เวลาการใช้งานจะลดลงมาเหลือเฉลี่ยประมาณ 3-5 ชั่วโมงตามการใช้งานจริง *** ซึ่งแต่ละคนจะมีระยะเวลาที่ใช้งานได้แตกต่างกัน ตามปัจจัยและตัวแปรต่างๆ เช่น ลักษณะการหายใจ กับ ลักษณะการใช้งานของแต่ละคน ในการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันด้วย จึงทำให้จำนวนเวลาของแต่ละกันเลยไม่เท่ากัน > ตัว Gen 2 ที่ผมใช้มา 6 วันตอนนี้ แบบระบบ Auto เฉลี่ยได้ประมาณ 6 ชั่วโมงกว่าๆ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ถ้าเทียบกับหน้ากาก Hi Tech ยี่ห้ออื่นๆก็อยู่ประมาณนี้ ----------------- 9. เรื่องการไหลเวียนอากาศ ถ้าอิงจากค่า Spec ถือว่าพอๆกัน ไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าจะถามว่าตัวไหน "หายใจสะดวกกว่า" มันแล้วแต่คนครับ เพราะ เห็นบางคนก็บอกรุ่น 1 สะดวกกว่า บางคนก็บอกรุ่น 2 สะดวกกว่า มันแล้วแต่คน เพราะ 1. สภาพร่างกาย 2. ความแข็งแรงของปอด 3. ลักษณะการหายใจและปริมาณอากาศที่แต่ละคนต้องการ "ไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากันครับ" แต่ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัวผม ที่ผมได้ใช้มา ของผมรู้สึกว่า Gen 2 หายใจสะดวกกว่าครับ เพราะ ผมใช้ออกกำลังกาย วิ่ง+ขี่จักรยาน เลยรู้สึกถึงความแตกต่างตอนใช้งานระหว่าง 2 รุ่นนี้ ----------------- 10. ตัว Gen 1 จะมี Face Guard ซิลิโคนทางการแพทย์ ที่มีความหยืดหยุ่น ปรับตามโครงหน้า เหมือนกับรุ่น 2 แต่ต่างกันที่ ขนาด-รูปทรง ซึ่ง Gen 1 จะมีแค่ Size เดียว 2 รุ่น .ATT กับ .ABAE > ตัว Face Guard ของ Gen 2 จะหนากว่า ด้วยเหตุผลที่ผมเคยเขียนไว้ และ มี 2 Size คือ M กับ L ซึ่งที่เขาให้มาในกล่อง คือ Size L ส่วน Size M ที่มีขนาดเล็กกว่า น่าจะวางขายแยก ช่วงเดือนกันยายน ----------------- 11. ตัว Gen 1 มีหน้ากากแค่สีเดียว คือ สีขาว > ตัว Gen 2 ตอนนี้ที่บอกมา จะมี 2 สี คือ สีขาวครีม(Creamy White) กับ มหาสมุทรสีดำ(Black Ocean) และคาดว่าจะมีอีกสีตามมาแน่ ----------------- 12. และตัว Gen 2 จะมีอุปกรณ์เสริมเพิ่มอีก ----------------- 13. ส่วนเรื่องประสิทธิภาพการกรองของ Filter ดีทั้งคู่ครับ

@@atomicheart6179 ATT กับ ABAE แตกต่างอย่างไรครับ ต้องเลือกแยกเวลาซื้อด้วยไหมครับ แล้วหากไปออกกำลังกายเลอะเหงื่อการทำความสะอาดอย่างไรครับ

@@alkalinew.8545 LG รุ่นที่ 1 มันจะมี 2 รหัสท้ายสุด คือ .ATT กับ .ABAE มันจะแตกต่างบางส่วน เช่น สี-แพ๊คเกจ-Face Guard ประมาณนี้... และ Inner ของรุ่นที่ 1 จะมี 2 Type = A,B ส่วน LG รุ่นที่ 2 มันจะเป็นรหัส .ABAE อย่างเดียว ซึ่งแตกต่างกับรุ่นที่ 1 มาก ตามที่ผมบอกไว้ด้านบน แต่ถ้าอยากรู้ทั้งหมด ให้ลองไปอ่านอัลบั้มที่ผมปักหมุดไว้บนสุดของเพจผมครับ

UV case ต้องใช้คนละรุ่นกับ Gen1 ครับ ตำแหน่งชาร์จไม่เหมือนกันน่ะครับ

ฟิลเตอร์ตัวหน้ากาก LG รุ่นที่ 2 จะใช้ 2 ชนิดร่วมกันครับ ราคากลางตกกล่องละประมาณ 390 บาทครับ ส่วนสูงหรือต่ำกว่าราคานี้ก็แล้วแต่ร้านครับ 1. ใช้ HEPA เกรด H13 ใช้จำนวน 2 ชิ้นในหน้ากาก กล่องที่ขายแยกก็จะให้ 2 ชิ้นในกล่องพอดี อายุฟิลเตอร์เปลี่ยนทุก 1-2 เดือน ตามสภาพการใช้งานของเรา 2. Inner Cover ที่น่าจะเป็น KF94 จากสเปคที่เว็บบอก มี 3 layer กล่องที่ขายแยกจะให้มา 30 ชิ้น ในกล่อง ซึ่งแผ่นกรองนี้ต้องเปลี่ยนทุก 1-3 วัน ตามสภาพการใช้งานของเรา แต่แนะนำให้เปลี่ยนทุกวันจะดีที่สุด

> กันได้ครับ ถ้าเราใช้ถูกวิธี + ระวังตัวด้วย อธิบายง่ายๆคร่าวๆให้ฟังครับ (สำหรับใครที่ยังไม่รู้) เรื่องการดักไวรัสนะครับ 1. ถ้ากันละอองไวรัสทางอากาศ = ได้ครับ ถ้าใส่แบบ Fit นะครับ เพราะ ไวรัสมันไม่ได้ปนมาเดี่ยวๆ "ส่วนใหญ่"ไวรัสมันจะปนมากับละอองหรือสารคัดหลั่งที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงชนิด N95 หรือเทียบเท่า N95 กับ HEPA สามารถดักละอองขนาดพวกนี้ได้ครับ ซึ่งหน้ากากตัวนี้ก็ใช้ HEPA Filter ประสิทธิภาพสูง H13 กรองได้ทั้งขาเข้าและขาออกครับ สามารถดักได้เหมือนกันครับ ค่าประมาณ 99% กว่าๆ ตามที่เขาบอก แต่ค่าพวกก็สามารถแปรผันไปตามการใช้งานของแต่ละคนได้ครับ เช่น ถ้าเราสวมหน้ากากไม่แน่น มีช่องว่างอากาศให้เล็ดรอดเข้าด้านข้างได้ ค่าประสิทธิการป้องกันก็ลดลงครับ ส่วนเรื่องละอองไอจามต่างๆจะกระเด็นเข้า"ตา"ได้หรือไม่ มันแล้วแต่ปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ให้ท่านหา Face Shield หรือ แว่นตา มากันอีกชั้นเพื่อความชัวร์ และสบายใจของตัวท่านเอง 2. แต่ถ้าเป็นไวรัสที่มาจากการสัมผัสพื้นผิว เช่น มือเราไปจับนู้นนี้ที่มีไวรัส แล้วติดมือมา แล้วเราไปแคะจมูก หรือ ขยี้ตา อันนั้นยังไงก็ไม่มีหน้ากากตัวไหนกันได้ครับ แม้ว่าจะใช้หน้ากากดีแค่ไหนก็ตาม เราต้องระวังตัวเองไม่ให้เอามือไปสัมผัสโดนตา จมูก ปาก กับไปจับโดนด้านในหน้ากากของเราด้วยครับ ถ้าจะไปจับด้านในหน้ากาก ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเบื้องต้นก่อนไปจับด้านในครับ ปล. ถึงเราใช้หน้ากากดีแค่ไหน มันก็ช่วย Safe ให้เราในระดับนึงครับ ซึ่งเราต้องระมัดระวังควบคู่ไปด้วยครับ อย่าประมาท อย่าการ์ดตก ซึ่งผมก็ใช้หน้ากากตัวที่มีฟิลเตอร์ดีๆนะครับ แต่ผมก็ต้องมีสติระมัดระวังไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เพราะ ปัจจัยการติดเชื้อโควิด มันสามารถติดได้หลายช่องทาง โดยที่เราอาจไม่ทันได้ฉุกคิดหรือไม่ทันได้ระวังตัวก็ได้ครับ เช่น เรื่องการสัมผัสไม่ให้ไปโดนหน้ากากด้านใน และคอยเช็ดคราบฝังแน่น+ฆ่าเชื้ออุปกรณ์สม่ำเสมอ(เช่น UVC) ใส่ Faceguard กันอีกชั้น และ เว้นระยะห่าง ลดการไปพื้นที่แออัด และลดการไปพื้นที่ที่อากาศไหลเวียนระบายไม่ดี และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นครับ

ผมทำสรุปการทดลองของรุ่นที่ 1 และ 2 ไว้หมดแล้วครับ ปักหมุดไว้บนสุดของเพจผมตามชื่อผมเลย 200 กว่าหน้า ถ้าท่านอ่านหมดโดยไม่ข้าม ท่านจะเข้าใจหมดแน่นอน ถ้าสงสัยทัก Inbox ทางเพจผมได้ ผมจะส่งรูปและรายละเอียดให้ดู แต่ขอบอกก่อนว่าผมไม่ได้ขายนะครับ แต่ช่วยเหลือให้คำแนะนำได้ เพราะ ผมใช้ทั้ง 2 รุ่น

1. Filter HEPA - H13 ใน LG รุ่นที่ 2 เขาจะให้มา 1 คู่ หรือ จำนวน 2 ชิ้น จำนวนเท่ากับ LG รุ่นที่ 1 ครับ เราสามารถใช้ตัว HEPA ของตัวรุ่นที่ 1 ร่วมกันได้ในยามฉุกเฉินครับ แต่ HEPA ตัวรุ่นที่ 2 เขาจะเอาลูกศรที่เคยปั้มไว้ออก > ถ้าซื้อแยก 1 กล่อง ก็มี 2 ชิ้นเท่ากันครับ 2. Inner Cover หรือแผ่นกรองด้านในของ LG รุ่นที่ 2 เขาจะให้มาในกล่อง 15 ชิ้นครับ ซึ่งมากกว่าตัว LG รุ่นที่ 1 5 ชิ้น แล้วตัวแผ่นกรองตัวรุ่นที่ 2 ไม่สามารถใช้ร่วมกับรุ่นที่ 1 ได้ครับ ต้องใช้ตรงรุ่น > ถ้าซื้อแยก กล่องนึงมันจะมี 30 ชิ้น(โดยข้างในกล่องแบ่งออกเป็น 2 ซอง ซองละ 15 ชิ้น) ตอนนี้มีบางคนเอามาขายแยกเป็นชุด Filter อยู่ครับ แต่ถ้าท่านซื้อหน้ากากมาตอนนี้ ทาง LG เขาแจก Inner Cover ให้ 1 กล่องฟรีๆ มูลค่า 390 บาท จำนวน 30 ชิ้น ถ้าคุณลงทะเบียนตามเวลาที่เขากำหนด ก็จะแจกตามช่วงเวลานั้นครับ

@@atomicheart6179 inner filter 1กล่องมี30ชิ้นๆกล่องละ390เหรอครับ

อธิบายง่ายๆให้ฟังครับ (เผื่อใครไม่รู้) เรื่องการดักไวรัสนะครับ 1. ถ้ากันละอองไวรัสทางอากาศ = ได้ครับ ถ้าใส่แบบ Fit นะครับ เพราะ ไวรัสมันไม่ได้ปนมาเดี่ยวๆ "ส่วนใหญ่"ไวรัสมันจะปนมากับละอองหรือสารคัดหลั่งที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงชนิด N95 หรือเทียบเท่า N95 กับ HEPA สามารถดักละอองขนาดพวกนี้ได้ครับ ซึ่งหน้ากากตัวนี้ก็ใช้ HEPA Filter ประสิทธิภาพสูง H13 กรองได้ทั้งขาเข้าและขาออกครับ สามารถดักได้เหมือนกันครับ ค่าประมาณ 99% กว่าๆ ตามที่เขาบอก แต่ค่าพวกก็สามารถแปรผันไปตามการใช้งานของแต่ละคนได้ครับ เช่น ถ้าเราสวมหน้ากากไม่แน่น มีช่องว่างอากาศให้เล็ดรอดเข้าด้านข้างได้ ค่าประสิทธิการป้องกันก็ลดลงครับ ส่วนเรื่องละอองไอจามต่างๆจะกระเด็นเข้า"ตา"ได้หรือไม่ มันแล้วแต่ปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ให้ท่านหา Face Shield หรือ แว่นตา มากันอีกชั้นเพื่อความชัวร์ และสบายใจของตัวท่านเอง 2. แต่ถ้าเป็นไวรัสที่มาจากการสัมผัสพื้นผิว เช่น มือเราไปจับนู้นนี้ที่มีไวรัส แล้วติดมือมา แล้วเราไปแคะจมูก หรือ ขยี้ตา อันนั้นยังไงก็ไม่มีหน้ากากตัวไหนกันได้ครับ แม้ว่าจะใช้หน้ากากดีแค่ไหนก็ตาม เราต้องระวังตัวเองไม่ให้เอามือไปสัมผัสโดนตา จมูก ปาก กับไปจับโดนด้านในหน้ากากของเราด้วยครับ ถ้าจะไปจับด้านในหน้ากาก ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเบื้องต้นก่อนไปจับด้านในครับ ปล. ถึงเราใช้หน้ากากดีแค่ไหน มันก็ช่วย Safe ให้เราในระดับนึงครับ ซึ่งเราต้องระมัดระวังควบคู่ไปด้วยครับ อย่าประมาท อย่าการ์ดตก ซึ่งผมก็ใช้หน้ากากตัวที่มีฟิลเตอร์ดีๆนะครับ แต่ผมก็ต้องมีสติระมัดระวังไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เพราะ ปัจจัยการติดเชื้อโควิด มันสามารถติดได้หลายช่องทาง โดยที่เราอาจไม่ทันได้ฉุกคิดหรือไม่ทันได้ระวังตัวก็ได้ครับ เช่น เรื่องการสัมผัสไม่ให้ไปโดนหน้ากากด้านใน และคอยเช็ดคราบฝังแน่น+ฆ่าเชื้ออุปกรณ์สม่ำเสมอ(เช่น UVC) ใส่ Faceguard กันอีกชั้น และ เว้นระยะห่าง ลดการไปพื้นที่แออัด และลดการไปพื้นที่ที่อากาศไหลเวียนระบายไม่ดี และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นครับ

@@atomicheart6179 ขอบพระคุณมากครับ 🥰

ใช้ได้ปกติครับ มีกัน 2 ชั้น คือ HEPA H13 กับ Inner Cover น่าจะเป็น KF94 ที่มี 3 Layer เป็นชนิดเคลือบสารกันของเหลว ดักละอองได้ครับ > อากาศเข้า ต้องผ่านฟิลเตอร์ HEPA เกรด H13 ซึ่งประสิทธิภาพการกรองมากกว่า N95 ในชั้นแรก แล้วก็ต้องเข้ามาผ่าน Inner Cover ที่ดักชั้นที่ 2 ก่อนมาถึงจมูกกับปากของเรา > อากาศออก ก็ต้องผ่านแผ่น Inner Cover ปิดตรงวาล์วออก ก่อนอากาศออกทางวาล์วออก ปล. รุ่น 1 ผมก็ใช้มา 6 เดือนกว่าแล้วครับและ รุ่น 2 ก็ได้มาใช้ตั้งแต่ 16 สิงหาคม 2564 แล้วครับ ก็ใช้ไปพื้นที่เสี่ยงอยู่ด้านหน้า ก็ไม่ติดโควิดนะครับ

ภาพหลักการทำงานครับ (ผมเว้นวักไว้นะครับ ไปขยับเข้า แล้วแก้ตรง .คอม ถึงจะเปิดได้ครับ ) >>> drive "ขยับเข้า" .google "ขยับเข้า" .คอม/file/d/1WjV6OBWn86CARfMUeioW9fFv2P7QQC_E/view?usp=sharing

ล่าสุดผมโทรไปเช็ค กับสายการบิน Air Asia แล้วครับ เขาบอกใส่ขึ้นได้ครับ ลองโทรไปเช็คดูได้ครับ เบอร์ Call Center ครับ ปล. และผมมีภาพคนใส่หน้ากาก LG รุ่น 2 ขึ้นสายการบินบืนยันอีกทีด้วยนะครับ เดี๋ยวผมรีบโพสต์ในเพจให้ดู

ตัวน่ผ่าน อย. ในประเทศแล้วครับ ถึงเอามาขายได้ เพราะ เขาขอตั้งแต่รุ่นที่ 1 แล้ว ส่วนมาตราฐานการรับรองต่างๆให้ไปดูในเว็บ LG นะครับ > หน้ากากกันไวรัสได้ครับ แต่เราต้องใช้ถูกวิธี + ระวังตัวร่วมด้วย อธิบายง่ายๆคร่าวๆให้ฟังครับ (สำหรับใครที่ยังไม่รู้) เรื่องการดักไวรัสนะครับ 1. ถ้ากันละอองไวรัสทางอากาศ = ได้ครับ ถ้าใส่แบบ Fit นะครับ เพราะ ไวรัสมันไม่ได้ปนมาเดี่ยวๆ "ส่วนใหญ่"ไวรัสมันจะปนมากับละอองหรือสารคัดหลั่งที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงชนิด N95 หรือเทียบเท่า N95 กับ HEPA สามารถดักละอองขนาดพวกนี้ได้ครับ ซึ่งหน้ากากตัวนี้ก็ใช้ HEPA Filter ประสิทธิภาพสูง H13 กรองได้ทั้งขาเข้าและขาออกครับ สามารถดักได้เหมือนกันครับ ค่าประมาณ 99% กว่าๆ ตามที่เขาบอก แต่ค่าพวกก็สามารถแปรผันไปตามการใช้งานของแต่ละคนได้ครับ เช่น ถ้าเราสวมหน้ากากไม่แน่น มีช่องว่างอากาศให้เล็ดรอดเข้าด้านข้างได้ ค่าประสิทธิการป้องกันก็ลดลงครับ ส่วนเรื่องละอองไอจามต่างๆจะกระเด็นเข้า"ตา"ได้หรือไม่ มันแล้วแต่ปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ให้ท่านหา Face Shield หรือ แว่นตา มากันอีกชั้นเพื่อความชัวร์ และสบายใจของตัวท่านเอง 2. แต่ถ้าเป็นไวรัสที่มาจากการสัมผัสพื้นผิว เช่น มือเราไปจับนู้นนี้ที่มีไวรัส แล้วติดมือมา แล้วเราไปแคะจมูก หรือ ขยี้ตา อันนั้นยังไงก็ไม่มีหน้ากากตัวไหนกันได้ครับ แม้ว่าจะใช้หน้ากากดีแค่ไหนก็ตาม เราต้องระวังตัวเองไม่ให้เอามือไปสัมผัสโดนตา จมูก ปาก กับไปจับโดนด้านในหน้ากากของเราด้วยครับ ถ้าจะไปจับด้านในหน้ากาก ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเบื้องต้นก่อนไปจับด้านในครับ ปล. ถึงเราใช้หน้ากากดีแค่ไหน มันก็ช่วย Safe ให้เราในระดับนึงครับ ซึ่งเราต้องระมัดระวังควบคู่ไปด้วยครับ อย่าประมาท อย่าการ์ดตก ซึ่งผมก็ใช้หน้ากากตัวที่มีฟิลเตอร์ดีๆนะครับ แต่ผมก็ต้องมีสติระมัดระวังไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เพราะ ปัจจัยการติดเชื้อโควิด มันสามารถติดได้หลายช่องทาง โดยที่เราอาจไม่ทันได้ฉุกคิดหรือไม่ทันได้ระวังตัวก็ได้ครับ เช่น เรื่องการสัมผัสไม่ให้ไปโดนหน้ากากด้านใน และคอยเช็ดคราบฝังแน่น+ฆ่าเชื้ออุปกรณ์สม่ำเสมอ(เช่น UVC) ใส่ Faceguard กันอีกชั้น และ เว้นระยะห่าง ลดการไปพื้นที่แออัด และลดการไปพื้นที่ที่อากาศไหลเวียนระบายไม่ดี และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นครับ

ชัดเจนเลยคับ ขอบคุณคับ

> หน้ากากกันไวรัสได้ครับ แต่เราต้องใช้ถูกวิธี + ระวังตัวร่วมด้วย อธิบายง่ายๆคร่าวๆให้ฟังครับ (สำหรับใครที่ยังไม่รู้) เรื่องการดักไวรัสนะครับ 1. ถ้ากันละอองไวรัสทางอากาศ = ได้ครับ ถ้าใส่แบบ Fit นะครับ เพราะ ไวรัสมันไม่ได้ปนมาเดี่ยวๆ "ส่วนใหญ่"ไวรัสมันจะปนมากับละอองหรือสารคัดหลั่งที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงชนิด N95 หรือเทียบเท่า N95 กับ HEPA สามารถดักละอองขนาดพวกนี้ได้ครับ ซึ่งหน้ากากตัวนี้ก็ใช้ HEPA Filter ประสิทธิภาพสูง H13 กรองได้ทั้งขาเข้าและขาออกครับ สามารถดักได้เหมือนกันครับ ค่าประมาณ 99% กว่าๆ ตามที่เขาบอก แต่ค่าพวกก็สามารถแปรผันไปตามการใช้งานของแต่ละคนได้ครับ เช่น ถ้าเราสวมหน้ากากไม่แน่น มีช่องว่างอากาศให้เล็ดรอดเข้าด้านข้างได้ ค่าประสิทธิการป้องกันก็ลดลงครับ ส่วนเรื่องละอองไอจามต่างๆจะกระเด็นเข้า"ตา"ได้หรือไม่ มันแล้วแต่ปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ให้ท่านหา Face Shield หรือ แว่นตา มากันอีกชั้นเพื่อความชัวร์ และสบายใจของตัวท่านเอง 2. แต่ถ้าเป็นไวรัสที่มาจากการสัมผัสพื้นผิว เช่น มือเราไปจับนู้นนี้ที่มีไวรัส แล้วติดมือมา แล้วเราไปแคะจมูก หรือ ขยี้ตา อันนั้นยังไงก็ไม่มีหน้ากากตัวไหนกันได้ครับ แม้ว่าจะใช้หน้ากากดีแค่ไหนก็ตาม เราต้องระวังตัวเองไม่ให้เอามือไปสัมผัสโดนตา จมูก ปาก กับไปจับโดนด้านในหน้ากากของเราด้วยครับ ถ้าจะไปจับด้านในหน้ากาก ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเบื้องต้นก่อนไปจับด้านในครับ ปล. ถึงเราใช้หน้ากากดีแค่ไหน มันก็ช่วย Safe ให้เราในระดับนึงครับ ซึ่งเราต้องระมัดระวังควบคู่ไปด้วยครับ อย่าประมาท อย่าการ์ดตก ซึ่งผมก็ใช้หน้ากากตัวที่มีฟิลเตอร์ดีๆนะครับ แต่ผมก็ต้องมีสติระมัดระวังไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เพราะ ปัจจัยการติดเชื้อโควิด มันสามารถติดได้หลายช่องทาง โดยที่เราอาจไม่ทันได้ฉุกคิดหรือไม่ทันได้ระวังตัวก็ได้ครับ เช่น เรื่องการสัมผัสไม่ให้ไปโดนหน้ากากด้านใน และคอยเช็ดคราบฝังแน่น+ฆ่าเชื้ออุปกรณ์สม่ำเสมอ(เช่น UVC) ใส่ Faceguard กันอีกชั้น และ เว้นระยะห่าง ลดการไปพื้นที่แออัด และลดการไปพื้นที่ที่อากาศไหลเวียนระบายไม่ดี และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นครับ

ผมทำสรุปการทดลองของรุ่นที่ 1 และ 2 ไว้หมดแล้วครับ ปักหมุดไว้บนสุดของเพจผมตามชื่อผมเลย 200 กว่าหน้า ถ้าท่านอ่านหมดโดยไม่ข้าม ท่านจะเข้าใจหมดแน่นอน ถ้าสงสัยทัก Inbox ทางเพจผมได้ ผมจะส่งรูปและรายละเอียดให้ดู แต่ขอบอกก่อนว่าผมไม่ได้ขายนะครับ แต่ช่วยเหลือให้คำแนะนำได้ เพราะ ผมใช้ทั้ง 2 รุ่น

สนใจทักมาได้นะค่ะ anchalee-nuchza ราคา 6,200 บาท พร้อมส่ง

ที่จริง Gen 1 มันออกมาตั้งแต่ปีก่อนแล้วครับ แต่มันเข้าไทยช้า แล้วพอ Gen 2 ออกมาหลัง Gen 1 เข้าไทยมาไม่กี่เดือน คนส่วนใหญ่เลยคิดว่า Gen 2 ออกไว

อธิบายง่ายๆให้ฟังครับ 1. ถ้ากันละอองไวรัสทางอากาศ = ได้ครับ ถ้าใส่แบบ Fit นะครับ เพราะ ไวรัสมันไม่ได้ปนมาเดี่ยวๆ "ส่วนใหญ่"ไวรัสมันจะปนมากับละอองหรือสารคัดหลั่งที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงชนิด N95 หรือเทียบเท่า N95 กับ HEPA สามารถดักละอองขนาดพวกนี้ได้ครับ ซึ่งหน้ากากตัวนี้ก็ใช้ HEPA Filter ประสิทธิภาพสูง H13 กรองได้ทั้งขาเข้าและขาออกครับ สามารถดักได้เหมือนกันครับ ค่าประมาณ 99% กว่าๆ ตามที่เขาบอก แต่ค่าพวกก็สามารถแปรผันไปตามการใช้งานของแต่ละคนได้ครับ เช่น ถ้าเราสวมหน้ากากไม่แน่น มีช่องว่างอากาศให้เล็ดรอดเข้าด้านข้างได้ ค่าประสิทธิการป้องกันก็ลดลงครับ ส่วนเรื่องละอองไอจามต่างๆจะกระเด็นเข้า"ตา"ได้หรือไม่ มันแล้วแต่ปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ให้ท่านหา Face Shield หรือ แว่นตา มากันอีกชั้นเพื่อความชัวร์ และสบายใจของตัวท่านเอง 2. แต่ถ้าเป็นไวรัสที่มาจากการสัมผัสพื้นผิว เช่น มือเราไปจับนู้นนี้ที่มีไวรัส แล้วติดมือมา แล้วเราไปแคะจมูก หรือ ขยี้ตา อันนั้นยังไงก็ไม่มีหน้ากากตัวไหนกันได้ครับ แม้ว่าจะใช้หน้ากากดีแค่ไหนก็ตาม เราต้องระวังตัวเองไม่ให้เอามือไปสัมผัสโดนตา จมูก ปาก กับไปจับโดนด้านในหน้ากากของเราด้วยครับ ถ้าจะไปจับด้านในหน้ากาก ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเบื้องต้นก่อนไปจับด้านในครับ ปล. ถึงเราใช้หน้ากากดีแค่ไหน มันก็ช่วย Safe ให้เราในระดับนึงครับ ซึ่งเราต้องระมัดระวังควบคู่ไปด้วยครับ อย่าประมาท อย่าการ์ดตก ซึ่งผมก็ใช้หน้ากากตัวที่มีฟิลเตอร์ดีๆนะครับ แต่ผมก็ต้องมีสติระมัดระวังไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เพราะ ปัจจัยการติดเชื้อโควิด มันสามารถติดได้หลายช่องทาง โดยที่เราอาจไม่ทันได้ฉุกคิดหรือไม่ทันได้ระวังตัวก็ได้ครับ เช่น เรื่องการสัมผัสไม่ให้ไปโดนหน้ากากด้านใน และคอยเช็ดคราบฝังแน่น+ฆ่าเชื้ออุปกรณ์สม่ำเสมอ(เช่น UVC) ใส่ Faceguard กันอีกชั้น และ เว้นระยะห่าง ลดการไปพื้นที่แออัด และลดการไปพื้นที่ที่อากาศไหลเวียนระบายไม่ดี และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นครับ

มี Respiratory Sensor เหมือนรุ่นที่ 1 ครับ และสามารเช็คค่าตัวเลขผ่านทาง App ได้โดยตรงแบบ Real Time ซึ่ง App น่าจะมาปลายตุลาคม

หน้ากากตัวนี้มันจะเชื่อมต่อกับ Application บนมือถือผ่าน BT โดยตรงครับ ทั้ง IOS และ Android บน Application ตัวใหม่ที่กำลังพัฒนาครับ กำลังจะออกมา ปลายปีนี้ครับ น่าจะปลายตุลาคม 64 นี้

HEPA H13 = YES Inner Cover = No

@@atomicheart6179 yes the HEPA filters are the ones I am referring to thanks. That’s good to know. Yeah!

@@TheePrettyGirlSwag The difference between the LG 1st generation and 2nd generation (HEPA filters) LG Gen 1 - There will be an arrow symbol on the HEPA filter. LG Gen 2 - no symbol on the HEPA filter. but the same size can be used together

@@atomicheart6179 thank you. Good to know.

หน้ากาก LG Puricare Gen2 ราคา 6,490 บาท - Inner Cover ราคา 390 บาท (30ชิ้น) - HEPA H13 ก็น่าจะราคาเท่ากัน ใช้ร่วมกับรุ่นที่ 1 ได้

แล้วราคาแผ่น HEPA 4เหลี่ยม ล่ะครับ

เริ่มจำหน่ายรึยังครับ

ที่ผมใช้งานหลายๆวันแบบต่อเนื่องจะเฉลี่ยอยู่ประมาณ 6 ชั่วโมงกว่าครับ แต่ระยะเวลาที่ใช้งานของแต่ละคนอาจไม่เท่ากันนะครับ บางคนก็ได้ 5-7 ชั่วโมง ถ้าเอาคร่าวๆมันขึ้นอยู่กับ 1. ลักษะการหายใจเข้าออกของเรา มันเร็ว มันช้า ความเร็วคงที่หรือไม่ ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ซึ่ง Respiratory Sensor ก็จะตอบสนองต่อการหายใจ ให้ใช้พลังงานไปเร่งความพัดลมตอนที่เราหายใจเข้า 2. การเปิดปิดไมค์ กับ BT เชื่อมต่อกับมือถือตลอดเวลารึเปล่า เปิดบ่อยแค่ไหน ใช้นานแค่ไหน 3. รอบของแบตเตอรี่ - การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่จากตัวมันเอง และจากการใช้งานของคนใช้ เช่น ชาร์จไปใช้ไป หรือ เอาไปชาร์จตอนแบตหมดเกลี้ยง 4. สภาพแวดล้อม อุณภูมิในการชาร์จ 5. การถอดเข้าถอดออกของแต่ละคน ซึ่งหน้ากากสามารถเชื่อมต่อกับ App ได้โดยตรงแต่ App มาปลายปี

คร่าวๆเรื่อง Application 1. ตัวหน้ากากสามารถเชื่อมต่อกับ App บนมือถือได้โดยตรงผ่าน BT ใน Andriod 5.0 หรือสูงกว่า และ IOS 11.0 หรือสูงกว่า 2. ตัวแอปอยู่ช่วงพัฒนา คาดว่าจะมาปลายปีนี้ น่าจะปลายตุลาคม 3. ตัวแอปจะแสดงค่าแบบ Real Time และตั้งค่าบางอย่างได้ครับ (ตามด้านล่างนี้) - เปิดปิดเครื่อง - ตั้งค่าปรับระดับพัดลมแบบ Auto หรือ Manual บน App ได้ ซึ่งถ้ากดปุ่มเฉพาะบนตัวหน้าจะเป็น Auto - ตั้งค่าปรับระดับเสียงออกลำโพงได้ ซึ่งถ้ากดบนหน้ากากไม่ผ่านแอปมันจะปรับระดับเสียงไม่ได้ - Real-Time Battery information = เช็คสถานะ Battery แบบ Real Time บอกอย่างละเอียด - Filter management = เช็คบอกระยะเวลาการใช้งานของ Filter และแจ้งเตือนหมดอายุให้เปลี่ยน - ดูข้อมูลการหายใจ Respiratory Data แสดงค่าปริมาณอากาศไหลเข้า Air Intake ต่างๆ แยกเป็น วัน อาทิตย์ เดือน - Activity log ติดตามกิจกรรมของคุณ แสดงค่าต่างๆ และ แสดงเส้นทางที่คุณเดินทางไปมาในแต่ละวันบนแผนที่

1. ถ้าเอาแบบอธิบายสั้นๆ ที่ผมทดลอง Fast Charge มาหลายแบบทั้ง QC + PD + GAN ก็ไม่มีปัญหานะครับ แต่ถ้าจะให้แนะนำ Safeๆ ไม่ให้แบตเสื่อมเร็ว ก็ควรใช้แบบธรรมดา ซึ่งตามสเปคเขาบอกให้ใช้ 5V 1.8A หรือ สูงกว่า ก็ให้เราใช้ Adapter 5V 2A แบบธรรมดา ก็จะชัวร์สุด และ ปลอดภัยสุดครับ เพราะ ทางช่าง LG เขาก็ไม่แนะนำ Fast Charge หรือ ต่ำกว่าสเปค ส่วนเหตุผลเดี๋ยวผมอธิบายเพิ่ม 2. ตอนหายใจออก พัดลมจะวิ่งเบาๆโหมด Stanby ไม่ได้หยุดวิ่งนะครับ ช่อง RU-vid อีกช่องเขาบอกข้อมูลผิดมาครับ

อธิบาย A ถ้ากระแส A "มากกว่า"เดิม เช่น 2-4 A อาจชาร์จได้เร็วกว่าเดิม หรือ "เท่าเดิม" ขี้นอยู่กับระบบควบคุมการชาร์จของรุ่นนั้นๆ ซึ่งในอุปกรณ์ที่มีแบตทุกชนิด เดี๋ยวนี้จะมีวงจรหม้อแปลงอยู่แล้ว มันจะปรับกระแส(A) และแรงดัน(V) ให้เหมาะกับแบตในอุปกรณ์เองเอง ตามที่ผมเคยเอา USB Meter เช็คดูคร่าวๆ ***ดังนั้น ใช้ตามที่ LG บอกได้ ไม่มีปัญหาครับ ที่ 5V 1.8A หรือ"สูงกว่า" พวกหัวชาร์จทั่วไปที่ได้"มาตราฐาน"ก็ใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องของ LG โดยเฉพาะ แต่ถ้าใช้ตัวไม่มาตราฐานอาจทำให้วงจร IC เสียหายได้ > ส่วนบางคนที่กลัวว่า ถ้าไม่ได้ใช้หัวชาร์จแบบธรรมดา แต่เอาหัวชาร์จแบบ Fast Charge+สายชาร์จเร็ว มาชาร์จกับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ Fast Charge จะมีปัญหาหรือไม่ ทำให้แบตเสื่อมเร็วกว่าเดิมไหม ??? = Fast Charge จะมีการจ่ายไฟแรงดันที่มีหลายค่า ทั้ง 5V และมากกว่า 5V จะมีเขียนบอกไว้ที่หัวชาร์จทุกตัว โดยทั่วไปแล้ว Fast Charge จะมีแรงดันขั้นต่ำอยู่ที่ 5V ตามมาตรฐานจะรองรับแรงดันไฟฟ้าพื้นฐานที่ 5V ทุกตัว และสามารถเพิ่มแรงดันกับกระแสไปได้อีกตามที่ระบุไว้ > ในตัว Adapter มันมี IC ที่ควบคุมแรงดันไฟให้เหมาะกับตัวเครื่องอยู่แล้วครับ ถ้าตัวอุปกรณ์ไม่รองรับแบบ Fast Charge การจ่ายไฟก็ปรับลดลงตามปกติ *** มันจะมีวงจรไว้คุยกัน ของวงจรฝั่งตัว Charge กับวงจรฝั่งแบตเตอรี่ ว่าจะใช้ไฟมากน้อยเท่าไหร่ หากฝั่งอุปกรณ์ไม่รองรับการ Fast charge ตัว Charge ก็จะปล่อยไฟ ออกมาที่ 5V (ด้วยกระแสสูงสุดที่จ่ายได้ เช่น 2 แอมป์) เพื่อชาร์จอุปกรณ์ตัวนั้น (ซึ่งก็แล้วแต่ว่าอุปกรณ์ตัวนั้นจะ "ดึง" ไฟ 5V ไปใช้กี่แอมป์) > ทั้งอุปกรณ์ชาร์จเร็วและแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน จำเป็นต้องมีมาตรฐานเดียวกันเท่านั้น ถึงจะสามารถเริ่มชาร์จด้วยความเร็วสูงได้ครับ แต่ถ้าหากทั้งสองอุปกรณ์ของคุณ มีมาตรฐานที่ไม่ตรงกัน ก็จะมีการจ่ายไฟขั้นต่ำสุดเหมือนการชาร์จแบตเตอรี่แบบทั่วไปแทน เรียกว่าทำให้แบตของเรา"ทำงานหนักโดยเปล่าประโยชน์" > จากที่ผมลองมากับ LG 1และรุ่น 2 ใช้หัวชาร์จ 5V 2A ธรรมดา กับ Fast Charge ก็ใช้ได้ปกติไม่มีปัญหาครับ ชาร์จตอนที่หน้ากากขึ้นสถานะไฟแดงใกล้หมด ไฟก็เข้าอยู่ประมาณ 5V 0.8-0.6 แอมป์ แต่อย่างไร ถ้าใครอยาก Safe ผมก็แนะนำให้ใช้ตามที่ตามที่คู่มือบอกดีกว่าครับ แต่เขาต้องคิดคำนึงมารองรับพวกอุปกรณ์ทั่วไปด้วยอยู่แล้ว > ส่วนเรื่องทำให้แบตเสื่อม ถ้าเราใช้หัวชาร์จเร็ว+สายชาร์จเร็ว+อุปกรณ์ที่รองรับชาร์จเร็ว ระบบชาร์จเร็วจะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่แบต ด้วยการเพิ่มแรงดันไฟฟ้า (V) และกระแสไฟฟ้า (I) มากขึ้น ทำให้สมาร์ทโฟนมี"ความร้อนสูงกว่าปกติ" รวมทั้งเทคโนโลยีชาร์จเร็วก็ไม่ได้เหมาะกับสมาร์ทโฟนทุกเครื่องด้วยนะครับ มันจะค่อย ๆ ทำลายและลดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลง โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย ซึ่งก็ยังมีเรื่องการเสื่อมจากวิธีการชาร์จของเรากับอายุแบตของมันอีกด้วยนะครับ เช่น บางคนเอาไปชาร์จตอนแบตหมดเกลี้ยงเลย ซึ่งที่จริงเราควรชาร์จตอนแบตใกล้หมด ไม่ใช่เอาไปใช้จนหมดแล้วค่อยเอาไปชาร์จ Battery มี Circle Life ทุกครั้งที่ Charge คือ 1 Circle (1 รอบ) ข้อแนะนำการ Charge ไม่ควรให้มีกระแสไหลผ่านมากกว่า 20 % ของความจุ เช่น 3,000 mA ก็ไม่ควร Charge เกิน 20% หรือ 600 mA เพราะจะทำให้อุณหภูมิ Battery สูง เสื่อมไว โดยเกิดการบวมครับ เนื่องจากการขยายตัว จากความร้อนสะสม ขณะ Charge หากใช้งานพร้อมกับชาร์จ Battery ไปด้วย Adapter จะเกิดการ Overload และเกิดความร้อนสูงเกินกำหนดได้ ขณะชาร์จ เรื่องการเสื่อมอาจมีปัจจัยและตัวแปรที่เกี่ยวข้องอันอื่นอีกครับ

อธิบาย A(ต่อ) แต่ถ้าใช้หัวชาร์จ ที่กระแส A น้อยกว่าเดิม ไฟก็เข้าช้าตัวหัวชาร์จมันจะร้อนครับ โดยถ้าเราเสียบแช่ไว้นานๆ เพราะ กระแสไฟวิ่งเข้าแบตเท่าเดิม แต่"ทางผ่านตัวแอมป์เล็กกว่าเดิมทำ"ให้เกิดความร้อนสูง ปรกติเขาจะซื้อ A เท่ากันหรือมากกว่า มันจะต้องไม่น้อยกว่ากำลังไฟฟ้าสูงสุดที่เครื่องต้องการ หากน้อยกว่าจะมีปัญหา ระบบควบคุมการชาร์จอาจทำงานหรือไม่ทำงานขึ้นอยู่กับการออกแบบของรุ่นนั้น > ถ้าลองเปรียบไฟฟ้าเป็นน้ำ โวลต์ก็คือแรงดันน้ำ แอมป์ก็คือปริมาณน้ำที่สามารถไหลผ่านท่อได้ ส่วนวัตต์ก็ คือปริมาณน้ำทั้งหมดที่ถูกส่งออกมาด้วยโวลต์และแอมป์ หรือก็คือการนำโวลต์และแอมป์มาคูณกันนั่นเอง ดังนั้นเครื่องชาร์จ ต้องมี โวลต์สูงกว่าแบตเตอรี่ที่ชาร์จ ถึงจะชาร์จเข้า แต่ถ้าโวลต์สูงเกินไป แบตเตอรี่ก็อาจร้อนมากจนพังหรือเสื่อมเร็วได้ แอมป์ ยิ่งมาก ก็จ่ายกระแสได้มาก เหมือน กะท่อน้ำยิ่งมีขนาดใหญ่ น้ำก็ยิ่งไหลได้มาก แต่ถ้าจ่ายแอมป์มากไป แบตเตอรี่ก็เสื่อมเร็ว หรืออาจพังได้

ของผมได้ทำการศึกษาทดลองวิเคราะห์เจาะลึกของหน้ากากยี่ห้อทั้ง 2 รุ่น ไว้เกือบหมดแล้วครับ ท่านสามารถเข้าไปดูที่อัลบั้มปักหมุด บนเพจชื่อผมได้ครับ ผมมีภาพและวีดิโอทดลองครบหมด ยืนยันรับประกันได้

เห็นว่าเป็นแบบนั้นนะครับ แต่ยังไม่ได้เปิดให้โหลดมาใช้ ผมเลยยังไม่ได้ลองครับ

มีครับ ผมทำสรุปปักหมุดไว้บนสุดของเพจผมแล้วครับ 200 กว่าหน้า(ตามชื่อผมเลย) แต่เนื่องในช่อง Comment มันแปะลิงค์และภาพที่ผมสรุปไม่ได้ เลยจะบอกคร่าวๆให้ครับ 1. ตัวหน้ากากสามารถเชื่อมต่อกับ App บนมือถือได้โดยตรงผ่าน BT ใน Andriod 5.0 หรือสูงกว่า และ IOS 11.0 หรือสูงกว่า 2. ตัวแอปอยู่ช่วงพัฒนา คาดว่าจะมาปลายปีนี้ น่าจะปลายตุลาคม 3. ตัวแอปจะแสดงค่าแบบ Real Time และตั้งค่าบางอย่างได้ครับ (ตามด้านล่างนี้) - เปิดปิดเครื่อง - ตั้งค่าปรับระดับพัดลมแบบ Auto หรือ Manual บน App ได้ ซึ่งถ้ากดปุ่มเฉพาะบนตัวหน้าจะเป็น Auto - ตั้งค่าปรับระดับเสียงออกลำโพงได้ ซึ่งถ้ากดบนหน้ากากไม่ผ่านแอปมันจะปรับระดับเสียงไม่ได้ - Real-Time Battery information = เช็คสถานะ Battery แบบ Real Time บอกอย่างละเอียด - Filter management = เช็คบอกระยะเวลาการใช้งานของ Filter และแจ้งเตือนหมดอายุให้เปลี่ยน - ดูข้อมูลการหายใจ Respiratory Data แสดงค่าปริมาณอากาศไหลเข้า Air Intake ต่างๆ แยกเป็น วัน อาทิตย์ เดือน - Activity log ติดตามกิจกรรมของคุณ แสดงค่าต่างๆ และ แสดงเส้นทางที่คุณเดินทางไปมาในแต่ละวันบนแผนที่ 4. ตอนนี้ถ้าจะลองเปิด BT หน้ากาก เชื่อมกับมือถือ ตัว Andriod จะสแกนเห็นชื่อ Puricare Mask ครับ เชื่อมต่อได้ แต่เดี๋ยวก็หลุด เพราะ ไม่ได้ผ่านแอป แอปมันยังไม่มี ส่วนตอนนี้ IOS สแกนเชื่อมหาหน้ากากยังไม่เจอครับ เป็นกันหลายคน

ทักผมมาที่เพจก็ได้ เดี๋ยวผมจะส่งภาพที่สรุปทั้งหมดให้ดูครับ

ข้อมูลนี้มีบอกในคู่มือการใช้งานของหน้ากาก LG 2 ครับ และ มีบอกในวีดิโอของทาง LG ด้วยครับ

อยู่ช่วงราคา 6,490 ครับ

ราคาจะอยู่ช่วง 6,490 บาทครับ

lindberg ครับผม

ใส่ออกกำลังกายกลาง ถึง หนักต้นๆได้ครับ ที่ผมใช้วิ่งและขี่จักรยาน

ไส่ออกกำลังกายได้ในระดับนึงครับ เช่นวิ่งเบาๆกับขี่จัรยานแบบปกติครับ

ถ้าพูดตรงๆมันขึ้นอยู่กับปอดและร่างกายแต่ละคนครับ

ขอบคุณนะครับ

@@oyster3027 ครับผม ติดตรงไหนถามได้ครับ

shp.ee/myz7vh7 นี่เลยครับ

ผมใส่ร่วมกับแว่นประจำครับ ไม่มีปัญหา ไม่มีลมตีขึ้นแว่นจนเป็นฝ้า ไปดูที่เพจผมได้ครับ ผมทดลองใส่แว่นมาหลายแบบ

1. Filter HEPA - H13 ใน LG รุ่นที่ 2 เขาจะให้มา 1 คู่ หรือ จำนวน 2 ชิ้น จำนวนเท่ากับ LG รุ่นที่ 1 ครับ เราสามารถใช้ตัว HEPA ของตัวรุ่นที่ 1 ร่วมกันได้ในยามฉุกเฉินครับ แต่ HEPA ตัวรุ่นที่ 2 เขาจะเอาลูกศรที่เคยปั้มไว้ออก > ถ้าซื้อแยก 1 กล่อง ก็มี 2 ชิ้นเท่ากันครับ 2. Inner Cover หรือแผ่นกรองด้านในของ LG รุ่นที่ 2 เขาจะให้มาในกล่อง 15 ชิ้นครับ ซึ่งมากกว่าตัว LG รุ่นที่ 1 5 ชิ้น แล้วตัวแผ่นกรองตัวรุ่นที่ 2 ไม่สามารถใช้ร่วมกับรุ่นที่ 1 ได้ครับ ต้องใช้ตรงรุ่น > ถ้าซื้อแยก กล่องนึงมันจะมี 30 ชิ้น(โดยข้างในกล่องแบ่งออกเป็น 2 ซอง ซองละ 15 ชิ้น) ตอนนี้มีบางคนเอามาขายแยกเป็นชุด Filter อยู่ครับ แต่ถ้าท่านซื้อหน้ากากมาตอนนี้ ทาง LG เขาแจก Inner Cover ให้ 1 กล่องฟรีๆ มูลค่า 390 บาท จำนวน 30 ชิ้น ถ้าคุณลงทะเบียนตามเวลาที่เขากำหนด ก็จะแจกตามช่วงเวลานั้นครับ

ที่ LG บอกนะครับ ว่าจะแจก Inner Cover ให้ 1 กล่องฟรีๆ มูลค่า 390 บาท จำนวน 30 ชิ้น ถ้าคุณลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ตามเวลาที่เขากำหนด *หมายเหตุ - สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนตั้งแต่ 17-31 ส.ค. 2564 บริษัทฯจะจัดส่งให้ตั้งแต่วันที่ 11-20 ก.ย. 2564 - สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนตั้งแต่ 1-10 ก.ย.2564 บริษัทฯจะจัดส่งให้ตั้งแต่วันที่ 21-30 ก.ย. 2564 - สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนตั้งแต่ 11-20 ก.ย.2564 บริษัทฯจะจัดส่งให้ตั้งแต่วันที่ 1-10 ต.ค. 2564 - สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนตั้งแต่ 21-30 ก.ย.2564 บริษัทฯจะจัดส่งให้ตั้งแต่วันที่ 11-20 ต.ค. 2564 - สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนตั้งแต่ 1-10 ต.ค.2564 บริษัทฯจะจัดส่งให้ตั้งแต่วันที่ 21-31 ต.ค. 2564

ใช้ได้ปกติครับ มีกัน 2 ชั้น คือ HEPA H13 กับ Inner Cover น่าจะเป็น KF94 ที่มี 3 Layer เป็นชนิดเคลือบสารกันของเหลว ดักละอองได้ครับ > อากาศเข้า ต้องผ่านฟิลเตอร์ HEPA เกรด H13 ซึ่งประสิทธิภาพการกรองมากกว่า N95 ในชั้นแรก แล้วก็ต้องเข้ามาผ่าน Inner Cover ที่ดักชั้นที่ 2 ก่อนมาถึงจมูกกับปากของเรา > อากาศออก ก็ต้องผ่านแผ่น Inner Cover ปิดตรงวาล์วออก ก่อนอากาศออกทางวาล์วออก ปล. รุ่น 1 ผมก็ใช้มา 6 เดือนกว่าแล้วครับและ รุ่น 2 ก็ได้มาใช้ตั้งแต่ 16 สิงหาคม 2564 แล้วครับ ก็ใช้ไปพื้นที่เสี่ยงอยู่ด้านหน้า ก็ไม่ติดโควิดนะครับ

1. HEPA เกรด H13 ตัวนอก ที่มีประสิทธิภาพการกรองสูง 99.95% ถ้าเรื่องดักพวกละอองน้ำ-ไอจาม-ฝุ่น ที่มีไวรัสปนมา มันดักได้อยู่แล้วครับ แต่ห้ามเอาไปตากฝน โดนน้ำเม็ดใหญ่ๆนานๆ ทำให้เสื่อมสภาพได้ครับ ถ้าละอองกันได้อยู่แล้วครับ HEPA Filter สามารถดักจับฝุ่นที่มีอนุภาคเล็ก 0.3,0.1 ไมครอน ได้ดี (ที่เล็กกว่าฝุ่น PM 2.5) ตามคุณสมบัติของมัน 2. Inner Cover ที่คาดว่าเป็น KF94 มันมี 3 layer ชั้นนอกมันดักพวกละอองน้ำ ฝุ่น ความชื้นได้ทั้ง 2 ด้านปกติครับ ตัวแผ่นกรองด้านในทาง LG ระบุว่ากัน"ละอองน้ำ"ได้ 93% ด้วยขนาดของอนภาคน้ำ 1-3 ไมโครเมตร และขนาดปกติของหยดน้ำ 5 ไมโครเมตร ซึ่งในเพจผม "มีการทดลองเอาน้ำราดทดสอบการดักละอองด้วยครับ" ไปดูคลิปในเพจผมได้ สรุป คือ พวกละอองดักได้ครับ แต่อย่าเอาไปตากโดนฝนตกก็พอครับ

เรื่องการดักไวรัสนะครับ 1. ถ้ากันละอองไวรัสทางอากาศ = ได้ครับ ถ้าใส่แบบ Fit นะครับ เพราะ ไวรัสมันไม่ได้ปนมาเดี่ยวๆ "ส่วนใหญ่"ไวรัสมันจะปนมากับละอองหรือสารคัดหลั่งที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงชนิด N95 หรือเทียบเท่า N95 กับ HEPA สามารถดักละอองขนาดพวกนี้ได้ครับ ซึ่งหน้ากากตัวนี้ก็ใช้ HEPA Filter ประสิทธิภาพสูง H13 กรองได้ทั้งขาเข้าและขาออกครับ สามารถดักได้เหมือนกันครับ ค่าประมาณ 99% กว่าๆ ตามที่เขาบอก แต่ค่าพวกก็สามารถแปรผันไปตามการใช้งานของแต่ละคนได้ครับ เช่น ถ้าเราสวมหน้ากากไม่แน่น มีช่องว่างอากาศให้เล็ดรอดเข้าด้านข้างได้ ค่าประสิทธิการป้องกันก็ลดลงครับ ส่วนเรื่องละอองไอจามต่างๆจะกระเด็นเข้า"ตา"ได้หรือไม่ มันแล้วแต่ปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ให้ท่านหา Face Shield หรือ แว่นตา มากันอีกชั้นเพื่อความชัวร์ และสบายใจของตัวท่านเอง 2. แต่ถ้าเป็นไวรัสที่มาจากการสัมผัสพื้นผิว เช่น มือเราไปจับนู้นนี้ที่มีไวรัส แล้วติดมือมา แล้วเราไปแคะจมูก หรือ ขยี้ตา อันนั้นยังไงก็ไม่มีหน้ากากตัวไหนกันได้ครับ แม้ว่าจะใช้หน้ากากดีแค่ไหนก็ตาม เราต้องระวังตัวเองไม่ให้เอามือไปสัมผัสโดนตา จมูก ปาก กับไปจับโดนด้านในหน้ากากของเราด้วยครับ ถ้าจะไปจับด้านในหน้ากาก ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเบื้องต้นก่อนไปจับด้านในครับ ปล. ถึงเราใช้หน้ากากดีแค่ไหน มันก็ช่วย Safe ให้เราในระดับนึงครับ ซึ่งเราต้องระมัดระวังควบคู่ไปด้วยครับ อย่าประมาท อย่าการ์ดตก ซึ่งผมก็ใช้หน้ากากตัวที่มีฟิลเตอร์ดีๆนะครับ แต่ผมก็ต้องมีสติระมัดระวังไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เพราะ ปัจจัยการติดเชื้อโควิด มันสามารถติดได้หลายช่องทาง โดยที่เราอาจไม่ทันได้ฉุกคิดหรือไม่ทันได้ระวังตัวก็ได้ครับ เช่น เรื่องการสัมผัสไม่ให้ไปโดนหน้ากากด้านใน และคอยเช็ดคราบฝังแน่น+ฆ่าเชื้ออุปกรณ์สม่ำเสมอ(เช่น UVC) ใส่ Faceguard กันอีกชั้น และ เว้นระยะห่าง ลดการไปพื้นที่แออัด และลดการไปพื้นที่ที่อากาศไหลเวียนระบายไม่ดี และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นครับ

เรื่องการดักไวรัสนะครับ 1. ถ้ากันละอองไวรัสทางอากาศ = ได้ครับ ถ้าใส่แบบ Fit นะครับ เพราะ ไวรัสมันไม่ได้ปนมาเดี่ยวๆ "ส่วนใหญ่"ไวรัสมันจะปนมากับละอองหรือสารคัดหลั่งที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงชนิด N95 หรือเทียบเท่า N95 กับ HEPA สามารถดักละอองขนาดพวกนี้ได้ครับ ซึ่งหน้ากากตัวนี้ก็ใช้ HEPA Filter ประสิทธิภาพสูง H13 กรองได้ทั้งขาเข้าและขาออกครับ สามารถดักได้เหมือนกันครับ ค่าประมาณ 99% กว่าๆ ตามที่เขาบอก แต่ค่าพวกก็สามารถแปรผันไปตามการใช้งานของแต่ละคนได้ครับ เช่น ถ้าเราสวมหน้ากากไม่แน่น มีช่องว่างอากาศให้เล็ดรอดเข้าด้านข้างได้ ค่าประสิทธิการป้องกันก็ลดลงครับ ส่วนเรื่องละอองไอจามต่างๆจะกระเด็นเข้า"ตา"ได้หรือไม่ มันแล้วแต่ปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ให้ท่านหา Face Shield หรือ แว่นตา มากันอีกชั้นเพื่อความชัวร์ และสบายใจของตัวท่านเอง 2. แต่ถ้าเป็นไวรัสที่มาจากการสัมผัสพื้นผิว เช่น มือเราไปจับนู้นนี้ที่มีไวรัส แล้วติดมือมา แล้วเราไปแคะจมูก หรือ ขยี้ตา อันนั้นยังไงก็ไม่มีหน้ากากตัวไหนกันได้ครับ แม้ว่าจะใช้หน้ากากดีแค่ไหนก็ตาม เราต้องระวังตัวเองไม่ให้เอามือไปสัมผัสโดนตา จมูก ปาก กับไปจับโดนด้านในหน้ากากของเราด้วยครับ ถ้าจะไปจับด้านในหน้ากาก ก็ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเบื้องต้นก่อนไปจับด้านในครับ ปล. ถึงเราใช้หน้ากากดีแค่ไหน มันก็ช่วย Safe ให้เราในระดับนึงครับ ซึ่งเราต้องระมัดระวังควบคู่ไปด้วยครับ อย่าประมาท อย่าการ์ดตก ซึ่งผมก็ใช้หน้ากากตัวที่มีฟิลเตอร์ดีๆนะครับ แต่ผมก็ต้องมีสติระมัดระวังไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา เพราะ ปัจจัยการติดเชื้อโควิด มันสามารถติดได้หลายช่องทาง โดยที่เราอาจไม่ทันได้ฉุกคิดหรือไม่ทันได้ระวังตัวก็ได้ครับ เช่น เรื่องการสัมผัสไม่ให้ไปโดนหน้ากากด้านใน และคอยเช็ดคราบฝังแน่น+ฆ่าเชื้ออุปกรณ์สม่ำเสมอ(เช่น UVC) ใส่ Faceguard กันอีกชั้น และ เว้นระยะห่าง ลดการไปพื้นที่แออัด และลดการไปพื้นที่ที่อากาศไหลเวียนระบายไม่ดี และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นครับ

ตัวเก่าจะมีมิติกว่าครับ แต่ตัวใหม่จะ minimal ย้ายพัดลมไปซ่อนด้านใน มีขนาดเล็กกว่า และน้ำหนักเบากว่า มันช่วยเรื่องพื้นที่การเก็บ การแนบหูโทรศัพท์ และหนักหน้าน้อยลงครับ

May the force be with you!

ไมค์ต้องเปิด-ปิด Manual เองครับ เมื่อเราเปิดเครื่องแล้ว แล้วกด 1 ครั้ง ได้ยินเสียง ติ้ด 2 ครั้ง คือ เปิดไมค์ กดอีกครั้ง มันจะติ้ด 3 ครั้ง คือ ปิดไมค์

@@atomicheart6179 ขอบคุณครับ