หลักความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติของจิต 

พระธรรมเทศนานี้ บ่งชี้ว่า "ธรรมชาติของจิต" นั้น มีความ "ประภัสสร" โดยมี "สติและสัมปชัญญะ" คือ ความระลึกและรู้ตัวทั่วพร้อมเป็น "อายตนะ" เชื่อมต่อการ "เกิดดับ" ของจิตตลอดเวลา แต่เศร้าหมองได้เมื่อถูก "อุปกิเลส ๑๖" จรเข้ามาครอบงำเพราะกำลังแห่ง "สติและสัมปชัญญะ" โดยปกติยังมีไม่เพียงพอ จึงต้อง "บำเพ็ญจิตภาวนา" เจริญ "สมาธฺิ" ให้เกิด "สติ" เป็นความระลึกได้ที่ "ฉับไว" และเจริญ "ปัญญา" ให้เกิด "สัมปชัญญะ" เป็นความรู้แจ้งเท่าทัน "อุปกิเลส ๑๖" ที่จรเข้ามารบกวนจิตได้อย่าง "เฉียบคม" ในแต่ละขณะจิตเป็นสำคัญ เมื่อบำเพ็ญ "จิตภา่วนา" เจริญ "สติและสัมปชัญญะ" อย่างสม่ำเสมอ ย่อมทำให้ "จิต" มี "กำลังเข้มแข็ง" ยิ่งๆขึ้นไปจนกระทั่ง "อุปกิเลส ๑๖" ไม่สามารถ "กล้ำกราย" จิตได้ ก็จะส่งผลให้ "จิต" เจริญตั้งมั่นอยู่ใน มรรค ผล นิพพาน เป็นลำดับ.

ขอนอบน้อมพระธรรมบรรยาย ไพเราะจับใจ ฟังแล้วเบากาย เบาใจ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

สาธุสาธุสาธุ

กราบนมัสการหลวงพ่อ

🙏🏻🙏🏻🙏🏻

🙏🙏🙏

สาธุธรรมครับผม😊

กราบสาธุ.ๆๆเจ้าค่ะ

สาธุ อนุโมทามิ 🙏🙏🙏

กราบสาธุๆๆครับ

ในน้อมกราบบริสุทธิ์ในน้อมกราบบริสุทธิ์ในน้อมกราบบริสุทธิ์ในน้อมอนุโมทนาสาธุบริสุทธิ์ด้วยเทอญก็ดี

กราบ.สาธุ.สาธุ.สาธุ

๔ ๑๒ ๖๖ กราบเท้าท่านอาจารย์พุทธทาส 🙏

สาธุ.สาธุ.สาธุ. 💐🙏🙏🙏💐

🌠😇🌌🥰🌈⚜ กราบสาธุฯ ครับผม ปัญญา : ศีล สมาธิ ปัญญา 🌈สุตตามยปัญญา : ปัญญาที่ได้มาด้วยการเรียน 🌈จินตามยปัญญา : ปัญญาที่เกิดจากการคิด 🌈ภาวนามยปัญญา : ปัญญาที่ได้มาด้วยการภาวนา ⚜ปริญฺญา (ความกำหนดรู้) ๓ ๑.ญาตปริญฺญา ความกำหนดรู้ด้วย ความรู้ ๒.ตีรณปริญฺญา ความกำหนดรู้ด้วยการเทียบเคียง ๓.ปหานปริญฺญา ความกำหนดรู้ด้วยการละ (ธมฺมปทฏฺฐกถา ภาค ๔ เพฬฏฺฐสีสตฺเถร)

🙏🙏🙏

🤍🤍🤍🙏🙏🙏🤍🤍🤍

🙏🙏🙏