อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม มีส่วนที่เกียวข้องกับพุทธวจน อย่างไร? 

ไม่มีการเพ่งโทษ เรากล่าวถึง เบียร์เสื่อมจากธรรม เป็นการเตือนไม่ให้ประมาท แม้จะมีหนังสือพุทธวจน อยู่ในมือ แต่ไม่อ่าน กลับเอาไปฟาดคน เรานึกถึงเบียร์ เช่นที่นึกถึง เทวทัต องคุลีมาล อชาตศัตรู ฯลฯ แล้วนำมาเตือนตน เตือนผู้อื่น จึงเป็นการปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว แม้ความผิดของเบียร์ เราคิดเหมือน หรือต่างกับ ญาติธรรม ก็สนทนากันในที่นี้ เพื่อไม่ให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ

ผมเคยวิจารณ์แกนะครับ (ไม่เคยใช้คำหยาบ วิจารณ์แบบ นักวิจารณ์อภิปรัชญาสายตะวันตก เช่น ลีโอ ตอลสตอย, นิทเช่, อิมมานูเอล คานซ์, ฯลฯ) ผมอยากดูว่า อ.เบียร์ จะทนต่อกิเลสตัวเองได้มั้ย! ขอดูยาวๆ ครับ ยิ่งแสง สี เสียง เข้าหามาก มันก็คือดาบสองคมนั่นเอง... ถ้าผ่านเหตุ-ปัจจัย ที่ อ.เบียร์สร้างขึ้นเอง แล้วกระโดดลงเวทีอย่าง สง่าผ่าเผย ผมจะยอมรับ ว่าคือ... คนจริง! คนหนึ่งของโลกใบนี้!! 😂😂😂😂😂😂 ขำๆ นะครับ! อย่าซีเรียส!!!!!!!!!

@@dkmaesot340 ไม่เห็นเบียร์ ทนอะไรได้ วันนี้ เห็นเบียร์โพสท์ด่า คนที่มาว่าเขา ด่าอย่างเดียว ไม่แสดงปัญญา เลย ผมไม่เห็นว่า ต้องพิสูจน์ ต้องทดสอบอะไร กับคนประเภทนี้ แค่ในยูทูป ก็มีคนลักษณะนี้ หลายคน อย่าให้พวกนี้ มาทำให้เราเสียเวลา มันไม่มีค่าพอ

ท่านอ่านพระไตรปิฎก ภาษาบาลี แล้วแปลเองเลยรึป่าว ถ้าใช่ก็นับว่าท่านศึกษาจากพระโอษฐ์โดยแท้

👍👍👍👍👍🌹

คนที่ถ่ายทอดคำตถาคต ถูก 100% คุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณประเมิน ปัญญาของพระพุทธองค์ "ต่ำ" พระพุทธเจ้า บำเพ็ญบารมี 16+4 อสงไขย +แสนมหากัล์ป จบที่การแสดงธรรม 45 พรรษา พระพุทธเจ้าทรงสอน สิ่งที่ สามารถสืบทอดไปได้ โดยพุทธบริษัท ทรงพิจารณา ไม่ใช่สอนให้แค่คนที่ฟังต่อหน้าพระพักตร์เข้าใจ แต่บอกต่อไม่ได้ถ้าไม่ใช่สัพพัญญู ถ้าได้แค่นั้น พระองค์ไม่ปราถนาพุทธภูมิ ให้เสียเวลา แต่เพราะทรงกลั่นกรองคำสอน จนสามารถถ่ายทอดได้ โดยรัตนะห้า

ถ้าพูดการเดินมรรค สิ่งที่คุณคิดก็ถูก แต่นี้เรากำลังพูดถึงความถูกต้องและเหมาะสมในการแสดงธรรมะ มันคนละประเด็น คนสอนยังเดินมรรคไม่ถูกแล้วจะพาคนอื่นบรรลุธรรม ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้ ยังพอใจใช้คำหยาบ มึงๆกูๆ แล้วคนที่รับคำสอนของคุณเบียร์ไป ใช้คำว่า มึงไงกูๆ ไม่ต้องถามถึง ว่าจะได้โสดาบันไหม เพราะว่าโสดาบัน เป็นผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยอริยมรรคมีองค์แปด พระศาสดาก็บอกเป็นมรรคแปด ของสัมมาวาจา

@@User_ub3ts9mh5x แค่คำบริกรรม มันคือคำแต่งใหม่ แต่ทำแล้วกุศลเจริญ ก้อไม่ผิด เพียงแต่ในทางเทคนิคปฏิบัติ มันจะยากง่ายตามอินทรีแต่ละคน ในอานาปานสติข้อสาม ทรงตรัสว่า ภิกษุพึงศึกษาว่าเราจักทำจิตสังขารให้ระงับ หายใจเข้า-ออก คำว่าจิตสังขารนี่แหละคือเทคนิค

แล้วการรู้ลมต้องคิดไหม​ ถ้าหากกล่าวว่า​ พุธโธ​ ต้องคิดแล้วรู้ลมไม่คิดหรอ​ พระพุทธ​พจน์​ กล่าว​ ดูลม​ แล้วต้องเห็นตามความเป็นจริงไปด้วย​ ไม่ใช่รู้แต่ลมเข้าลมออกเฉยๆ​ มันคือ​ อานาปานสติ​เช่นกัน สมถะ​สมาธิ ไม่ได้มาจากพุทธเป็นที่แรก​ มันมีมาก่อนพระพุทธ​เจ้า​จะเกิดซะอีก

@@somsina2378 การรู้ลมคือการที่เราเอาจิตมาตั้งไว้ที่กาย พระพุทธเจ้าตรัสว่า ลมหายใจคือกายอันหนึ่งในกายทั้งหลาย กายก็คือรูป แต่ถ้าคิดจะเป็น สัญญา กับ สังขารขันธ์ครับ ดังนั้นคำตอบคือไม่คิดครับ แต่เราจะมีวิญญาณเป็นตัวผู้รู้เฉยๆ สังเกตุการทำงานของขันธ์ เช่นเราทำสติปัฐฐาน4 กาย เวทนา จิต ธรรม

***จากกรณีของ"พระจูฬปันถก"...ถามว่าทำไมพระพุทธเจ้าฯ ไม่ให้เจริญอานาปาฯ เพื่อการบรรลุธรรมละคะ...ทำไมจึงให้บริกรรมคำว่า "รโชหรณํ รโชหรณํ" จนพระจูฬปันถกเจริญภาวนาบรรลุพระอรหัตผลในที่สุดละคะ??? ‐------------------------------------ พระศาสดาตรัสว่า “จูฬปันถก เธอชื่อว่าบรรพชาในสำนักของเรา, แม้ถูกพี่ชายขับไล่ ทำไม จึงไม่มาสู่สำนักของเรา? มาเถิด, เธอจะต้องการอะไรด้วยความเป็นคฤหัสถ์ เธอต้องอยู่ (ต่อไป) ในสำนักของเรา” ดังนี้แล้ว ทรงเอาฝ่าพระหัตถ์อันมีพื้นวิจิตรไปด้วยจักร ลูบเธอที่ศีรษะแล้ว พาไปให้นั่งที่หน้ามุขพระคันธกุฎี ประทานท่อนผ้าที่สะอาด ซึ่งทรงบันดาลขึ้นด้วยฤทธิ์ ด้วยตรัสสั่งว่า “จูฬปันถก” เธอจงผินหน้าไปทางทิศตะวันออก ลูบท่อนผ้านี้ ด้วยบริกรรมว่า ‘รโชหรณํ. รโชหรณํ.” (ผ้าเช็ดธุลี) อยู่ที่นี้แหละ ครั้นเมื่อเขากราบทูลเวลาแล้ว, มีภิกษุสงฆ์แวดล้อม เสด็จไปเรือนของหมอชีวก ประทับนั่งบนอาสนะที่เขาตกแต่งไว้. พระจูฬปันถกเจริญภาวนาบรรลุพระอรหัต ฝ่ายพระจูฬปันถกนั่งแลดูพระอาทิตย์ พลางลูบผ้าท่อนนั้น บริกรรมว่า “รโชหรณํ รโชหรณํ” เมื่อท่านลูบท่อนผ้านั้นอยู่, ท่อนผ้าได้เศร้าหมองแล้ว. ลำดับนั้น จึงคิดว่า “ท่อนผ้านี้สะอาดแท้ๆ แต่อาศัยอัตภาพนี้จึงละปกติเดิมเสีย กลายเป็นของเศร้าหมองอย่างนี้ไปได้, สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ? (ครั้นแล้ว) เริ่มตั้งความสิ้นและความเสื่อม เจริญวิปัสสนา. ***ref : 84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=12&p=3

เราก็ชาวพุทธวจน ชอบฟังธรรมด้วยคำพูดสุภาพ แต่อย่างอ.เบียร์สอนไปด่าไปเราก็เฉยๆนะ นึกถึงคำสอนของตถาคตที่ว่า คนบางประเภทต้องใช้ปฏักปักลึกให้ถึงกระดูกจึงจะเริ่มปฏิบัติธรรม ค่ะ

@@djdarthzman ไม่ได้ด่าหลอกครับ แค่พูดแรงๆให้กระตุ้นสันดาน

+1

ใช่ครับ

มืดมา มืดไป

เขาก็ปฏิบัตกัน ใครบอกไม่ปฏิบัติ สาธุกับพอ.คึกฤทธิ์ที่นำคำตถาคตมาบอกสอน 🙏🏼และก็ฟัง อ.เบียร์ ถ้าเปนคำพูดในพระสูตรที่เปนพุทธวจน ไม่เพ่งที่ที่ตัวผู้พูดฟังที่เนื้อธรรม เรื่องคำบริกรรมจะยึดหลักพุทธเจ้าเท่านั้น🙏🏼

เขาปฏิบัติกันจนไม่รู้กี่สิบปีแล้ว

รู้ได้ไงว่าไม่ปฎิบัติ

@@กระต่ายป่าผ้าเช็ดธุลี และคุณสายไหนติดอะไร

คำภาวนา พุท โธ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านสอนมาตั้งแต่หลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่น ท่านให้ทำเพราะคนปฏิบัติใหม่ๆ ยังดูลมไม่ได้ ท่านก็ให้มีคำบริกรรมกำกับ ไม่งั้นจิตมันฟุ้งซ่าน ถ้าสงบแล้วก็ดูลมต่อได้ มันไม่ผิดอะไร ศึกษากรรมฐานบ้าง มีตั้งหลายกรรมฐานที่่ท่านให้ยึด

จะถามกี่คำ ซัก 1000+ คำมั้ย ไม่ศึกษาเอง ให้เหล่าพระโอษ มาตอบให้ทั้งหมด รึเปล่า

0:06 ใช่ ครับ แต่เอาจริงๆนะ ในมุม ของ อ.เบียเนี้ย ผมเข้าใจว่า เค้าน่าจะ คิดเอาเองครับ ว่ามัน ได้ผล และเขาก็เลยพูดว่า เข้ากันได้ลงกันได้ เพราะทำแล้ว มันได้สมาธิจริง มันสงบจริง แต่อันแบบเนี้ย พุทโธ อ่ะ มันยังสร้างภพสร้างชาติอยู่ อย่างว่าแหละครับ ธรรมมะ ของพระตถาคต เป็นของลุ่มลึก มันต้อง เรียนรู้ไป ตามลำดับ ถ้า อ.เบีย แกเข้าใจการละนันทิ เข้าใจเรื่อง พุทโธ ยังสร้างภพสร้างชาติอยู่ วันนึง แกอาจจะเปลี่ยนวิธี ปฏิบัติก็ได้นะ แต่แค่ตอนนี้ คนที่ ศึกษามานานๆ ก็จะหาข้อผิดของ อ.เบีย ข้อผิดมันมีอยู่ทุกคนแหละ ผมว่า แต่อย่างน้อยๆ อ.เบีย ก็ถือได้ว่า เป็นแก้ว5ประการที่หาได้ยากในโลกแล้วครับ ประกาศพระธรรมคำสอน เป็นเรื่องที่ดีมากนะครับ แต่ก็เข้าใจอีกนั้นแหละครับ พระพุทธเจ้าก็บอกไว้ เหมือนในพระสูตร กลองศึก #พุทธวจน

พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน แต่ไม่ได้ห้ามในสิ่งที่ทำแล้วเป็นกุศล ถ้าทำแล้วดึงคนมาศึกษาหรือสนใจธรรมะกันเพิ่มขึ้นก็สมควรทำครับ แล้วส่วนเรื่องถูกหรือผิดก็คอยมาบอกสอนกันภายหลังตามลำดับ

ติดตรงบริกรรม พุทโธ นี่แหละ นิดเดียวจริงๆ

@@samart9012 เอาแต่พอดีน่ะครับ ไม่ตึงเกินไปไม่หย่อนเกินไป คำบริกรรมมีขึ้นภายหลัง ในสมัยพระพุทธเจ้าไม่มี บอกกันตรงๆเลย แต่ใครถือคำบริกรรมแล้วได้ผล ก้ออย่าไปว่ากันเลยครับ อย่างผมนี่ใช้ยุบหนอพองหนอโอ้ววทรมานครับ กลับมาพุทโธ ได้บรรลุถึงปฐมฌานเลย ส่วนไม่มีคำบริกรรมยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติเูจึงไม่ทราบครับ

@@dcb1083 เห็นด้วยกับคอมเม้นนี้ครับ แม้ไม่ได้บัญญัติแต่ทำแล้วกุศลเกิด ก้อทำได้ต่อไปน่ะครับ นี่ก้อเป็นหลักการหนึ่งที่พระศาสดาตรัสบอกไว้

ปรุงครับ ดูจากเวลาหลวงพ่อสอนลูกศิษย์ จะถามว่า "เจอพระเจ้าตาก มั้ย" เป็นการสะกดจิต แทนที่จะถามว่า "เจอใคร/อะไร" แล้วลูกศิษย์ตอบ ว่าเจอพระเจ้าตาก ถ้าอย่างงี้ จึงจะ "ของจริง"

ไม่มีในพระสูตรครับมันมั่วครับ

@@samart9012 ส่วนตัวผมเคยฟังหลวงตามหาบัว หลวงพ่อพุฒ ฐานิโย ซึ่งเป้นศิษย์ของหลวงปุมั่น ภูริทัตโต ท่านก็บอกว่า ท่องคำบริกรรมพุต โท ได้ ผมทราบว่าไม่มีในพระสูตร แต่ผมสับสน เพราะในอีกแง่ หลวงตาบัว กับ หลวงพ่อพุฒ ก็เป็นพระสายปฏิบัติ ที่น่าจะบรรลุธรรม น่ะครับ

มันทำให้มีสมาธิได้ครับ แต่จะกลายเป็นว่าเราไปบัญญัติเพิ่ม ซึ่งพระุทธเจ้าสั่งห้ามไว้ครับ

ถ้ามันดี...พระพุทธเจ้า ท่านต้องบอกออกมาแล้วครับ สารีบุตรจงใช้คำภาวนานะ เวลาทำอนาปานะสติ ใช้ชื่อตถาตคหรือคำใดๆ แต่ในความเป็นจริงคือ การกล่าวถึงอนาปนะสติมีพระสูตรเยอะมากกก แต่ไม่มีพระสูตรไหนเลย...ที่บอกให้ใช้คำภาวนา...

เลือกเส้นทางเดิน กันเอาเอง... จะทำตาม สาวก หรือ จะทำตาม พระศาสดา.

พระพุทธเจ้า ไม่รู้หรือ ว่าจิตของคนสอดส่ายมาก วิธีปฏิบัติของพระศาสดา บกพร่องหรือ ถึงต้องให้คนรุ่นหลัง มาเพิ่มคำบริกรรมให้

สิ่งไหนที่จำเป็นและไม่จำเป็นเราแยกแยะได้ต้องฟังให้เข้าใจถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปคอมเม้น😅😮❤🎉