ประสบการณ์ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเอง
มาถึง สนามบิน สุวรรณภูมิ ก็เจอ พี่คนไทย จะไปทำงานที่อิสราเอล มานั่งคุยด่วย เราเรื่องราวไปทำงานที่ต่างแดน คอยส่งเงินมาให้ครอบครัว บอกไปทำงานที่อิสราเอล ยิ่งกว่าบวชอีก มีแต่ผู้ชาย และก็ฟาร์มไก่ ไปครั้งละ 3 ปี แต่เป็นหัวหน้าครอบครัว ก็ต้องทำให้คนในครอบครัวอยู่สุขสบาย สนทนากันเสร็จ เราก็เดินทางขึ้นเครื่องบินไปญี่ปุ่น ลงสนามบินมา หาตู้กดบัตร suica เลย เอ้า ใน youtube ดูแล้วมีตู้ เต็มเลย แต่ไปจริงๆ หาไม่เจอเลย เลยเดินเข้าไป ประชาสัมพันธ์ ขอซื้อบัตร พร้อมเติมเงินในบัตร เสร็จและเดินมาซื้อตั๋วรถไฟ เขาเมือง โตเกียว ผมพักกัน ย่าน Asuka กระเป๋าฝากโรงแรม ญี่ปุนจะขึ้นชื่อเรื่องตรงต่อเวลามาก เช็คอิน 4โมงเย็น เราเลยฝากกระเป๋าไว้ และไปเที่ยว อูเอโนะ และ ศาล้จ้าชินโชจิ นั่งรถไฟใต้ดิน ซึ่งขึ้นง่าย
เดินเที่ยวเสร็จก็กลับมาเช็คอิน ที่โรงแรม และเดินเล่น แถวๆโรงแรม
.
เช้าวันที่ 2
ทานอาหารเช้าที่โรงแรม และ
นั่งรถไฟใต้ดินไปชินจูกุ เราได้จองรถบัส ไป คาวากุจิโกะ 9.45น. นั่งรถไฟใต้ดินช่วงเวลาทำงาน ดูสารคดี แน่นอข่างไร จริงๆก็แน่น อย่างนั้น มีมือพลักเพื่อให้ตัวเองได้เข้าไป พอถึงสถานที่ ที่คนทำงานลง ชีวิตก็หลวมๆ หน่อย
ไปตรั่งนี้ นั่งรถไฟถูก แต่ตอนออกสถานี เลี้ยวผิด จากเลี้ยซ้ายเราเลี้ยวขวา เจอ google หลอกตอนเดิน 555 หรือเรา กะเหรี่ยงเข้าเมือง มึนๆ งง จนเดินไปถึงก่อนสถานีชุนจูกุ ไหวพริบเริ่มมา นี่มันไม่ใช่ หนิ เลี้ยวกลับทันคันเดินยาวไปต่อถึงท่ารถบัสจนได้ ถึงก่อนเวลาหน่อย ทีนี่เขาจะฟิกซ์เวลามาก ไม่มีหย่อน ตึงเปรี้ยะ
นั่งรถไปถึง คาวากุจิโกะ นำกระเป๋าไปฝากเรียวกัง
และด้วยเป็นคนญี่ปุ่น คุยภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ก็เลยไม่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ ได้แต่ฝากกระเป๋า และเราก็ไปเที่ยวต่อ หมู่บ้านน้ำใส วันที่2 ฝนตก ก็เลยเข้สไปเดินเที่ยวที่ศาลเจ้า ชินแจเมะ เที่ยวกลับมา 4โมงเย็น ไม่เจอเจ้าหน้าที่เลย แล้วกระเป๋าเจ้าหน้าที่ก็หวังดีเก็บล็อคห้องไว้ ให้อีก เช็คอินด้วยตัวเองไม่ได้อีก นั่งเซ็งมีไลน์ติดต่อ สแกน ไม่ติดอีก ไม่รู้จะทำอย่างไร งง ไปหมด มีวัยรุ่นนักท่องเที่ยวเกาหลี มาเช็คเอ้าท์พอดี เขามี whatapp ติดต่อกับเรีจวกังได้ เขาพยายามช่วย สุดความสามารถ เช็คอิน เลยใช้บัตรประชาชน เราแจ้งเขา เข้าพักกี่คน ก็เช็คอินเท่านั้น กว่าจะเขาห้องได้ จาก 4โมง เย็น 5โมงครึ่ง เข้าห้องได้ พักแปบ แล้วค่อยไปหาชองกิน โชคดีที่มีวัยรุ่นเกาหลี คอยช่วยเรา 2 คน
.
เช้าวันที่ 3
นั่งรถ เมล์ สายสีแดง เที่ยวรอบ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ
มาหมายเลข 9 ก่อนเลย ขึ้น เคเบิ้ล สวย อากาศดี บรรยากาศดี เดินเล่นบนเขา และนั่งลงมา
ไปสวนดอกไม้ oshi park 22 สวนใหญ่ บรรยากาศดี ไอติม อร่อยมาก แพงด้วย เดินเล่นดูสวนดอกไม้เสร็จ
มาหมายเลข16 เขาว่าซากุระ สวย เราไปเขียวเลย 555
เลยนั่งเล่นดู lake คาวาฟุจิโกะไป
เนานั่งกลับสถานี เพื่อไปเที่ยว ไอคอน ของญี่ปุ่น เจดีแดง ชูเรโต เดินขึ้นเขา เหนื่อย แต่ก็สนุก ขึ้นไปเมฆบังเขาหมดเลย เห็นนิดเดียว แต่เราไปเพื่อใช้ชีวิต ไม่เห็นไม่เป็นไร บ้านเมืองเขาสะอาดมาก อากาศดีกว่าเราเยอะ หายใจได้เต็มปอด ระหว่างทางนั่งกินโมจิ และไอติมร้านเล็กๆ และเดินกลับไปนั่งรถไฟ เพื่อมุ่งเข้าสู่ คาวากุจิโกะ กลับมาถึง จากเราตาม ลุงฟูจิ ทั้งวัน มาเจอแถวที่พัก นี่เอง อลังการ เลยเดินถ่ายรูปเล่น จนมืด และเข้าที่พัก
.
เช้าวันที่ 4
มาถ่ายรูปเล่น ลุงฟูจิ ใกล้ที่พัก ก่อนจะขึ้นรถบัสกลับ 10.55 มาถึงชินจูกุ 12.30 เราทำการฝากกระเป๋า นั่งรถไฟ jr ไปเดินเล่น shibuya มีเพลงอนิเมะเปิดตามถนนเร้า ให้เราสนุก ในการช็อปปิ้ง นิ หมดไปเยอะเลย 555 เห็น โกคาท มาริโอ แล้วมาทานอาหาร ซูชิ 100เยน แต่เดี๋ยวนี้ 150 เยนแล้ว ร้านอาหารเขาไฮเทค สั่งด้วยจอ นั่งรถไฟ jr มาลงชินจูกุ มาดองกี้ เห็นย่านที่ดู แล้ว อลังการมากๆ ภาพ 3 D แมวน่ารักๆ ย่านชินจูกุ
แสง สี ผู้คน ลายตาไปหมด และได้เวลาไปเอากระเป๋า ไม่รู้ new sout gate อยู่ส่วนใหน ของชินจูกุ เดินตามหาประชาสัมพันธ์ เดินไปเจอกระเป๋าจนได้ ดีใจมาก เราจะไปนอนที่นาริตะ เพราะเราขึ้นเครื่องเช้า
นั่งรถไฟ jr ไปลง นิโปริ และ ต่อรถไฟ ท้องถิ่น ks 02 เราลง ป้ายที่ ks40 นั่งกันจนเบื่อ จนโรงแรมส่งข้อความมา ให้เช็คอินก่อนเที่ยงคืนนะ ไม่ทันคือโมฆะ เราตอบกลับ น่าจะถึง 4ทุ่ม เราก็ลุ้น !! ดูป้ายตรงประตู น่าจะสุดทาง ks38 เราจะยังไงดี นั่งดื้อไปเรื่อยๆ พร้อมกับเปิดแมพ สุดท้ายสุดสาย ks38 ออกจากรถมา ถามเจ้าหน้าที่ ข้ามไปรอที่ชานชาลาที่ 3 ยังมีรถไฟวิ่งอยู่ ซึ่งสถานนี นี้เงียบมากๆ เหลือเนา และเด็กนักเรียน 1 คน ยืนคอย ตอนนี้ก็โล่งอก ถึงที่พักแน่ ถึงที่พัก เช็คอิน เข้านอน ตอนเช้ารถโรงแรมมาส่งที่สนามบิน.
.
สรุปไปเที่ยว
คนญี่ปุ่น ตรงเวลา ตรง ทุกอย่าง ไม่มีประนีประนอม เหมือนไม้บรรทัด
คนญี่ปุ่น บอกให้เรารอจุดใหน เราก็ต้องรอ จุดนั้น ถึงแม้ เรารู้ว่า รถบัสโรงแรมคันนี้จะไปส่ง ขึ้นก่อนเวลาไม่ได้ เขาจะให้เนาไปยืนรอที่ ที่เขาให้เรา
โรงแรม ห้องพักเหม็นบุหรี่ คนญี่ปุ่นน่าจะสูบบุหรี่ ในห้อง แต่ท้องถนน ไม่มี
บ้านเมืองเขาเรียบร้อยมาก สะอาด
เด็กๆญี่ปุ่น ช่วยเหลือตัวเอง นั่งรถไปเรียนเอง เดินไปเรียน ไม่เห็นพอแม่เขาไปส่ง แม้แต่เด็กๆที่พิการ เขาก็ไป ทำอะไรด้วยตัวเอง
ญี่ปุ่น ชอบให้เราทำอะไรเอง จัดการอะไรเอง โดยไม่ต้อเพิ่งใคร ช่วยเหลือตัวเอง
จ่ายเงินไม่ต้องกลัวโกง เป็นประเทศตรงไปตรงมา
เหรียญเยอะ จ่ายไม่ถูก ให้เขาจัดการเลย
ญี่ปุ่น เขาอำนวยความสะดวกคนพิการ เวลาจะขึ้นรถไฟ เขาจะมีเจ้าหน้าที่ คอยจัดการ ขึ้นรถไฟให้
.
ไปญี่ปุ่นครั้งนี้ เมื้อยมือ มาก เพราะคุยจนเมื้อยมือ เลย 555
13 июн 2024
