ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ในเรื่องการอ้างสิทธิ์การเป็นเจ้าของศิลปะวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม หรือสิ่งอื่นใด ที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของความเป็นชาติ ซึ่งไทยตกเป็นฝ่ายเสียหายแต่เพียงฝ่ายเดียวมาโดยตลอด จากการเป็นต้นฉบับในแทบจะทุกอย่าง ที่กัมพูชามีในตอนนี้ แม้แต่ทรัพย์สินทางปัญญาในยุคใหม่ เช่น เพลง ละคร ภาพยนตร์ การแต่งกาย ที่ถูกลอกเลียนแบบ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งปัญหานี้ ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่ทำให้เกิดความสนใจระดับประเทศ จนมาถึงกรณีของการสวมสิทธิ์มวยไทย ในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมา จนทำให้เกิดความสนใจจากชาวไทยอย่างกว้างขวาง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนด้วย และที่ผ่านมา เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่มองว่า เรื่องนี้จำเป็นจะต้องได้รับการยกระดับ ไปสู่ภาครัฐหรือระดับประเทศ เพราะในท้ายที่สุด ไทยเองก็อาจจะเสียหาย ในแง่ของชื่อเสียง อัตลักษณ์ เศรษฐกิจ จากการที่สินค้าถูกลอกเลียนแบบ ที่สำคัญ ก็อาจจะกลายเป็นจำเลยเอง ว่าเป็นคนลอกเลียนแบบโดยไม่รู้ตัว จากการกล่าวหาลอยๆของบางประเทศ ตามที่เราได้เห็นกันมาโดยตลอด แต่เชื่อว่า การนำเสนอหรือรณรงค์ให้เห็นปัญหาเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่อง ไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน แม้ว่าหน่วยงานระดับประเทศหลายแห่ง ไม่สามารถออกตัวได้อย่างเปืดเผย หรือแสดงท่าทีต่อต้านชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบกับส่วนอื่นโดยไม่จำเป็น แต่เชื่อว่า หลายหน่วยงาน ได้ตระหนักถึงปัญหาการถูกอ้างสิทธิ์จากประเทศข้างบ้าน ส่งผลให้มีการตอบสนอง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นการตอบโต้ ดังที่เราเห็นได้จากกรณีของนักชกมวยชาวบราซิลคนหนึ่ง ที่ถูกยึดแชมป์มวยไทย จากการไม่ให้ความเคารพศิลปะการต่อสู้ ที่ตัวเองใช้ในการแข่งขัน แถมยังนำเอาชื่อศิลปะการต่อสู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง มาโฆษณาประชาสัมพันธ์บนเวทีอย่างไม่เหมาะสม ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ล่าสุด ทางการไทย เตรียมขอขึ้นทะเบียนสมบัติของชาติอีก 3 รายการ ต่อยูเนสโก ซึ่งได้แก่ “ชุดไทยพระราชนิยม” “ประเพณีลอยกระทง” และ “มวยไทย” ที่ล้วนแต่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทย ที่มักจะถูกเคลม หรืออ้างสิทธิ์กันแทบจะรายวัน บนโลกออนไลน์
ติดตามช่องของเราได้ที่นี่ FaceBook / thailand.theworld
10 сен 2024
