‘เรียนออนไลน์’ ไปต่อหรือพอแค่นี้? หลังนักวิชาการเสนอหยุดเรียน 1 ปี 

เรียนมา1ปีแล้ว ไม่ได้อะไรเลยครับ กลัวจะจบไปแบบคนไร้คุณภาพมากๆ

สิ่งที่ต้องถกเถียงไม่ใช่การที่บอกว่าจะหยุดหรือไม่หยุด การเรียนออนไลน์มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการเรียนในห้องอยู่แล้ว รัฐบาลควรเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ แล้วจัดการปัญหาโควิดให้ได้โดยเร็วที่สุดเพื่อให้การศึกษากลับมาดำเนินการได้ปกติมากกว่า ทำไมรู้สึกว่าผู้ใหญ่ประเทศนี้ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการศึกษาเลยค่ะ

ควรฟังเสียงเด็กๆ เพราะเด็กเป็นคนเรียน

2:56 มันเหมาะกับนักเรียนม.ปลาย กุในฐานะที่เป็นนักเรียนม.ปลายขอบอกเลยว่า ไม่เหมาะกับกูแล้ว1และคนอื่นหลายๆคนก็น่าคิดแบบเรา คือบ้านอ่ะ บรรยากาศต่างๆที่บ้านมันไม่เหมาะกับการเรียนอยู่แล้ว มันไม่ใช่ที่ๆจะมานั้งเรียนจริงจังอ่ะ บ้านคือที่พักผ่อนอ่ะ เก็ทป่ะ;-;

เร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และฉีดเร็วให้ครอบคลุม ปชช.ทุกกลุ่มอายุ ทุกกลุ่มอาชีพ รวมทั้งต่างชาติ จะสามารถแก้ไขปัญหาทุกเรื่อง

พวกคนแก่บางคนก็ไม่อยากให้หยุดหรอกพวกเขาไม่รู้อะไร แต่เราน่ะคนเรียนเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าจะเรียนออนไลน์ต่อไปน่ะให้เรียนสะสมที่ละนิดเพราะถ้าเรียนเยอะต่อเนื่องคนเรียนก็จะสติหลุด เพราะเรียนที่บ้านน่ะมันมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เสียสมาธิได้ เช่น ที่นอน บางคนนอนเรียน เน็ตกระตุก จ้องหน้าจอนานไม่ได้ ปวดตา พ่อแม่เรียก อาจารสอนเร็วรวบรัดเนื้อหา ให้งานทุกครั้งที่เรียนจบคาบ บางครั้งงานชิ้นนึงมันก็ใช้เวลาในการทำนะ บางคนยังไม่เข้าใจเรื่องที่เรียนก็ต้องไปดูย้อนหลังเสียเวลาทำการบ้าน ทำธุระส่วนตัว บอกเลยว่าช่วงเรียนออนไลน์นี่ไม่มีวันไหนได้นอนเร็วเลย เวลาดูหนังเล่นเกมก็น้อยลงมันก็สมควรที่จะเป็นอย่างนี้แหล่ะแต่ขอเหอะสักครั้งให้ผมได้กลับไปดูการตูน ดูหนังที่ค้างคาไว้บางเถอะ เรียนทำการบ้านตลอดมันบั่นทอนจิตใจเราได้นะ ถ้าจะมาหาเรื่องผมว่า"ทำไมไม่ทำให้เสร็จก่อนแล้วค่อยทำอย่างอื่น" โอ้โห mindset, attitude, ego คุณนี่ไร้คำบรรยายจริงๆ ลองมาเรียนเองดูมั้ย ไม่รู้หรองานที่อาจารเขาสั่งมามันแทบจะทุกครั้งที่เรียนจบคาบเลยนะ และบางอันก็ใช้เวลาทำอีก ใครมันจะไปทำการบ้าน เรียนได้ทั้งวันทั้งคืน คนเราก็ต้องพักผ่อนบ้าง หันมาดูแลตัวเองบ้าง รักตัวเราเองบ้าง ตอนแก่ตายไปจะได้ไม่เสียดายเวลา เราไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ถูกฟังก์ชั่นมาเพื่อให้ทำแต่งานงานงาน "คนเราเป็นสัตว์ประเสิท" พูดแล้วดูตลกว่ะ ผมกลายเป็นคนที่ตะหวาดดุด่าพ่อแม่ง่ายมากครับเวลาเรียนออนไลนเพราะที่บ้านก็อยู่ด้วยกันกักตัว ที่จริงผมไม่อยากเป็นคนด่าพ่อแม่หรอก ผมเสียใจมากนะ คิดดูลูกเราด่าเราว่าให้ออกไปทั้งที่เราจะถามว่ามาช่วยทำนู้นนี่นั้นหน่อย ถ้าไปต่อจะไหวมั้ย ถ้าให้พวกผมเรียนออนไลน์ต่อไปผมก็เเรียนได้นะแต่พวกผมจะเหนื่อยกว่าเดิม ผมไม่อยากเป็นโรคซึมเศร้า ผมไม่อยากเครียดนะ มันไม่มีความสุขเลย โรคซึมเศร้ามันรักษาไม่หายนะ ดูสิการใช้ชีวิตประจำวันการเรียนออนไลน์ของเราก็ยากมากแค่ไหนแล้วจะมันยากเลวร้ายลงไปอีกแค่ไหน

ควรเปิดให้เด็กโหวตค่ะ เพราะเด็กเป็นคนเรียนเอง ในฐานะที่เราเป็นเด็กที่ต้องเรียนออนไลน์แล้วมันไม่มีสมาธิเรียน,เครียด,ท้อ หยุดสักประมาณ2-3เดือนค่ะหรือเปลี่ยนเนื้อหาหลักสูตรใหม่ (***ความคิดเห็นส่วนตัว***)

ยอมเสียเวลา1ปี ถ้าคุณมั่นใจว่าในปีหน้าสถานการณ์ดีขึ้น แต่ถ้าหยุด1ปีแล้วไม่มีอะไรดีขอร้องอย่าหยุดเลย แค่นี้พวกเราก็เครียดอยู่แล้ว จากเด็กม.6ในระบบการศึกษาไทย

สงสารเด็กนักเรียนด้วยเถอะนะคะ ใส่ใจระบบการศึกษาหน่อยคือถ้าอยากให้มีบุคลากรที่มีคุณภาพมาพัฒนาประเทศก็ช่วยทำอะไรสักอย่างเถอะค่ะ อาจจะเป็นการลดนู่นนี่สักหน่อยก็ได้ เร่งการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง สงสารประชาชนตัวน้อยเถอะนะคะ ยอมรับว่าอยู่แค่ม.3 แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกหมดหวังกับทุกอย่างเลย นี่หนูจะโตมาในระบบนี้จริงๆหรอคะ ไม่ต้องไล่ให้หนูไปอยู่ที่อื่นนะคะ บ้านหนูจน

เรียนมาตั้งนาน ทำงานส่งก็เยอะ นอนตี2-3เพราะปั่นงาน หยุดกลางคันแบบนี้รู้สึกเสียเวลามากที่ทำไปทั้งหมดแล้วต้องมาหยุด มันควรใส่ใจกับการศึกษากว่านี้ ก่อนเรียนเราสายตาปกติ พอเรียนแล้วสายตาสั้น ไม่มีเงินไปตัดแว่นเพราะเศรษฐกิจแบบนี้ ยิ่งหยุดยิ่งเสียเวลามากจบช้าลง เราเป็นเด็กควรได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบเด็กประเทศอื่นเขา ไม่ควรมานั่งทำงานถึงตี2-4 การแก้ปัญหาคือเราขอวัคซีนดีๆ ให้กับทุกคน ที่กับทุกคนจริงๆ ทางรัฐบาลไม่เคยใส่ใจกับตรงนี้เลย ปกติการศึกษามันแย่อยู่แล้ว ดันแย่กว่าเดิม รู้สึกท้อมากๆ เรายกตัวอย่างคณิตศาสตร์ สอนเหมือนเด็กเป็นเอเลี่ยน ทำไมไม่สอนเท่าที่เราต้องใช้เหมือนเด็กนอกเขา สายตาเราไปแล้ว เรามองอะไรไม่ค่อยเห็นคุณจะรับผิดชอบให้เราได้ไหม เราไม่ติดโทรศัพท์เลย แต่เราต้องทำงานที่เยอะมากๆทางโทรศัพท์ เราเรียนเสริมจากยูทูปด้วยเพราะเราเรียนไม่รู้เรื่อง เรียนปกติก็แน่ เรียนออนไลน์ก็แค่แน่กว่า

ส่วนตัวคิดว่า สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือ ควรรีบๆควบคุมโรค ให้ได้และทำให้ทุกอย่างกลับมาปกติเท่าที่จะทำได้ ถ้าหยุดไปแต่ระบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็อย่าหยุดดีกว่าค่ะ ถ้าหยุด เรื่องที่น่าคิด เราว่ามี 1.เด็กที่กำลังจะจบ เช่น ม.6 ปี4 อะไรแบบนี้ จะต้องมาจบช้าไปอีก 1 ปีโดยที่ไม่ได้อะไรเลย บางคนที่เขาอาจจะมีแพลนไว้แล้ว ก็ต้องเสียโอกาสไป 2.ไม่มีอะไรมารับประกันว่าจะกลับมาได้ใน 1ปี 3.ต่างประเทศเขาไม่ได้หยุดกับเราด้วย 4.แล้วถ้าหยุดไปก็คงต้องมาคิดเรื่องการคงสภาพอีก ว่าต้องจ่ายค่าเทอมฟรี1ปีเพื่อให้ตัวเองยังอยู่ในระบบหรือเปล่า 5.โอกาสที่เสียไปเปล่าๆ1ปี สุขภาพจิตแย่ลงไปอีก ด้วยสถานการณ์​ตอนนี้ด้วย ทำให้เป็นgap year เพื่อทำอะไรซักอย่างก็ยิ่งเป็นเรื่องยาก หรือยกเว้นมีทุนทรัพย์มากพอ ก็อาจจะยังไหว เช่น ไปโครงการระยะสั้นนั่นนี่ ต่างประเทศ แต่ตอนนี้คงเป็นส่วนน้อย และยากมาก ประเด็นที่ว่าออนไลน์เหมาะกับเด็กโต เราว่าบางทีก็ไม่ทั้งหมด มันยังมีวิชาปฏิบัติ ต้องลงมือทำ บางอย่างต้องมีเครื่องมือ เช่นพวก หมอ พยาบาล ทันตะ สหเวช วิศวะ สัตวแพทย์ คณะพวกวิทยาศาสตร์ หรือวิศวะค่ะ

เรียนออนไลน์ ลดวิชาบางวิชาที่ไม่จำเป็น เอาแค่ ช่วงเช้าก็พอ เพราะถ้าหยุดเรียน ก็จบเลยค่ะ

อยากเสนอเพียงให้หยุดพัก 3-4 เดือน หลังจากจบภาคเรียนนี้เพื่อให้สถานการณ์คงตัวเเละแก้ไขโควิดได้ให้นร.เจอกันที่ห้องเรียนในปีหน้า เพราะคนที่จะเสียประโยชน์นอกจากนักเรียน ยังเป็นนักศึกษาฝึกสอนอย่างผมด้วยครับ แค่ยืดระยะปิดเทอมนี้ไปน่าจะเหมาะกว่าครับ

ผู้ใหญ่เรียนออนไลน์ยังสติหลุดเลย เเล้วเด็กปฐมวัย นั่งเรียนทั้งวัน มันเป็นไปได้ที่ไหนล่ะคะ? ลูกหลาน หน้าเบลอ เหนื่อยกันมากๆ ในตอนเย็นแต่ละวัน แนะนำปรับเวลาเถอะค่ะ วันละ 2-3 ชม. ก็พอ เด็กปฐมวัยไม่ไหวหรอก

คนที่ไม่รู้ ลองมานั่งเรียนด้วยกันวันนึงไหมคะ นั่งอยู่หน้าจอเป็นชั่วโมงๆ ทำได้แค่นั่งฟังแทนที่จะได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันอีก

เรียนวันละ 1-2 ชั่วโมงพอครับ ให้มีอะไรที่เด็กได้ทำ

เรียนออนไลน์​เครียดกว่าเดิม​ งานเยอะกว่าเดิม​ ไม่ได้อะไรจากการเรียนเลย​ เข้าทุกคาบ​แต่เราพยายามแล้วจริงๆ​ เพื่อนเราที่ไม่มีอุปกรณ์​คุณครู​ไล่ให้ไปซื้อ​ คือเพื่อนบางคนไม่มีเงินพอ​ ค่าเทอมก็เท่าเดิม​ ยิ่งเราต้องลงช็อป​ เสียเปล่าสุดๆ

หนูเป็นนักเรียน ม.2 นะ งานเยอะมาก เรียนไม่รู้เรื่องเลย อยากเรียนตามที่ตัวเองชอบมากกว่า อยากหยุดไปหาความฝันของตัวเองค่ะ

เห็นด้วยค่ะ ว่าต้องปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับช่วงนี้ค่ะ

การเรียนออนไลน์ทำให้เด็กเครียด กลายเป็นเด็กติดโทรศัพท์ติดคอมพิวเตอร์ติดเกม ติดเกมจนไม่สนใจอะไรแล้วค่ะ

ควรทำตั้งแต่ต้นปีแล้ว มันไม่ไหวแล้วตอนนี้

ที่โรงเรียนก็แจ้งไม่มีสอบตั้งแต่เร่ิมมีออนไลน์นะ เก็บจากใบงาน แต่ความจริงนักเรียนไม่สามารถเรียนออนไลน์ไได้100% เพราะความพร้อมเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน

ให้ทำกิจกรรมที่ต้องใช้จริงในชีวิต ไม่ใช่วิชาการ เพราะมันไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยวิชาที่เรียน

ควรพอครับ ถึงจะดรอป1ปี แต่ผมมองว่าคุ้ม เรียน​ซ้ำ1ปี ดีกว่าเรียนแล้วไม่รู้ถึงอะไรเลยครับเพราะฉนั้นควรพอครับ

คนส่วนใหญ่จะหยุดก็ได้ครับ แต่เด็กที่พร้อมก็มี เราจะเรียนเอง ไม่สนระบบแล้ว มันห่วยแตกเกินไป เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่าเรียนให้ผ่านตัวชี้วัด ของคุณก็เพียงพอแล้ว เราจะเรียนที่ไหน กับใคร เมื่อไหร่ ก็เรื่องเรา แต่เราเรียนแน่นอน

คุณพูดถึงคนรวยนะ เด็กคนจนโควิดทำให้รู้ว่า เค้ารวมตัวกันอยู่ในห้องแคบๆกันทั้งครอบครัว ไม่มีออนไลน์ให้เรียน บางคนพลัดไปรพ.สนาม

ผมเป็นอาจารย์ การเรียนออนไลน์มันไม่ใช่ปัญหา​ใหญ่ ปัญหามันอยู่ที่ความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ซึ่งมันเป็นไปตามวัย ป.ตรีเรียนได้สบายๆ รับผิดชอบสูง ปวช. ปวส. ความรับผิดชอบก็ลดลงมา ไม่เข้าเรียน ไม่ส่งงาน ระดับต่ำกว่านี้ความรับผิดชอบก็ลดลงอีก อยู่โรงเรียน กับอยู่บ้านความสนใจก็ต่างกัน แต่ไม่ควรหยุดเรียนเป็นปีๆ อะไรก็ตามที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ มักจะลืม คุณคิดหรอว่าเด็กจะทำได้แบบผู้ใหญ่ ลองกลับไปนึกถึงตอนเราเป็นนักเรียนสิ

กระทรวงหาคนเก่งๆมาปรับหลักสูตรให้ทันสมัยน่าจะดีกว่าค่ะ ออนไลน์หรือไม่มันเป็นปลายเหตุ ที่ไม่ยอมรับความจริงว่าหลักสูตรไม่พัฒนาตามสังคมใหม่ เด็กๆเราเรียนรู้เชิงวิชาการแบบท่องจำและเสียเวลากับวิชาที่ไม่ได้มีประโยชน์ในการใช้ชีวิตอย่างมากมาย

คำเดียวค่ะ พอ… บั่นทอนจิตใจเหลือเกิน อยู่ปี1ไม่ได้เจอเพื่อนไม่ได้ไปมหาลัย ต้องทำงานกลุ่มพรีเซ็นต์งานแบบผ่านหน้าจอ ประสิทธิภาพน้อยนิด ได้เพียงความเครียดที่เกิดขึ้น ความไม่สบายใจ อึดอัด ไม่อยากทำ ไม่มีความสุข ไม่มีความอยากเรียนเลยสักนิด จบการรีวิวค่ะ ยังคิดเลยว่า เราผ่านมาได้นี่โคตรเก่งเลยนะ เห้อค่ะ นี่มันไม่ปกติสักนิดเดียว

ผมว่ากระทรวงมองข้ามนักเรียนที่ไม่มีอุปกรณ์การเรียน เช่น โทรศัพท์ แล้วการให้เงินเยียวยาสุดท้ายเงินไม่ได้ตกไปที่การเรียนหรอกส่วนน้อยมากที่จะถึงการเรียนจริงๆครับ

ขอเป็นอีกหนึ่งความคิดเห็นที่น่านำมาคิดนะคะ คือ ในเด็กที่มีปัญหาสุขภาพจิตอยู่เเล้ว ไม่ว่าจะเป็น ซึมเศร้า หรือ ไบโพล่า หรือใดๆก็ตาม จะมีผลต่อจิตใจมากเป็นพิเศษนะคะ ซึ่งการเเค่ตื่นมาเเล้วต้องมานั่งฟังอาจารย์สอน วนลูปไปทุกวันเเบบเดิม ไหนจะนั่งเครียดเรื่องสอบเก็บคะเเนน ไหนจะงานที่เยอะขึ้น เพราะอ้างว่ามีเวลาเยอะขึ้น มันน่าจิตตกมากๆเลยนะคะ เเถมยังมีตัวเเปรอีกมากมายที่เเตกต่างกันออกไปเเต่ละด้าน สภาพเเวดล้อมบ้าง อุปกรณ์บ้าง หรือผปค.บางคนมีปัญหาการเงินการงานบ้าง เเละต้องบอกจริงๆว่าการศึกษาที่ว่าไม่มีประสิทธิภาพอยู่เเล้ว พอเปลี่ยนมาเป็นออนไลน์เเบบไม่คำนึงถึงเด็กเลย ยิ่งเเย่เข้าไปใหญ่

บอกเลยว่าเรียนออนไลน์ทำให้สุขภาพจิตเสียมากๆ ยิ่งช่วงเป็นประจำเดือน เหมือนชีวิตดิ่งมาก ร้องไห้เอาดื้อๆ เครียดจริง ขนาดเราอยู่มหาลัยแล้วยังรู้สึกแทบจะไม่ไหวเลย ถามว่าเรียนออนไลน์ดีไหมก็ดีแต่ดีแค่บางอย่าง

ในฐานะที่เป็นครูสอนภาษารร.เอกชนนะ ยอมรับว่าเด็กหลายคนโดดเรียนเยอะพอควรในคาบ จะสอนสดเด็กบางคนก็อุปกรณ์ไม่พร้อม สอนแบบคลิปก็ไม่เข้าใจกันอีก ก็เลยพยายามปรับให้ทำทุกอย่างได้ย้อนหลังได้ สอนสดผสมสอนแบบคลิปสลับกัน ครูเองก็เครียดเหมือนกัน เพราะระบบมันไม่เอื้อ เพราะฉะนั้นคิดว่ากระทรวงควรออกนโยบายหลักสูตรที่เหมาะกับออนไลน์

คือตอนนี้ที่นักเรียนไปไม่ไหว คือการเรียนการสอนมันแน่นเกิน คือมันเก็บคะแนนทั้ง จากงาน และสอบย่อย แล้วไม่ใช่แค่วิชาเดียยอะคะเกือบทุกวิชาแล้วเรียน5วัน แล้ววันหยุดต้องเคลียร์งานอีก อยากให้เร่งแก้หลักสูตร อยากให้นโยบายว่าเวิร์คให้ใช้กันทุกโรงเรียนอะคะ

การเรียนออนไลน์สำหรับ เรานะ มันมีประสิทธิภาพมากกว่าการเรียนในห้องเรียนนะ เเต่ต้องบวกกับสภาพ เเวดล้อม ผู้ปกครอง ให้ทำงานบ้างไรบ้าง เสียงทีวีบ้างไรบ้าง เเล้วต้องมาจ้องมือถืออีก8ชม อีกเเล้วครูไม่เคยปรับตัวที่จะสอนเอาเเต่รูปเเบบการสอนในห้องมาสอน เอาตรงๆคือเรียนไม่รู้เรื่อง เเต่มันจะมีประสิทธิภาพ มากกว่ายังไง 1เลยท้า สภาพเเวดล้อมเราดี ห้องเงียบห้องอะไร การเรียนเเบบนี้ท้าเด็ก โฟกัสในการเรีนนได้มากขึ้น ห้องเรีนนจะเงียบเด็กจะไม่คุยเเข่งกัน มันจะสามรถโฟกัสการเรียนได้ดีขึ้น เเต่การเรียนออนไลน์ ผมอย่ากให้มันเป็นการ เรียนเเบบ เราจะเลือกเรียนได้ไม่เลือกเรัยนได้ การบ้านการไรก็ไม่ต้องทำ การสอบอะไรก็ไม่ต้องสอบ ก็มีการโกงสอบการโกงอะไรบ้าง ก็เท่ากับว่ามันไม่ใช้การดึงความรู้เข้ามาเลย

แก้ปัญหาแค้มเรียน ทั้งครูนักเรียน ผู้ปกครองแวะไปได้เวลาไหน ก็ตามเหมาะสม และจัดการตรวจทุกครั้งที่มีคนเข้าออกแค้มเรียน

ผม WFH และดูแลลูก(อนุบาล3)เรียนออนไลน์ด้วย รู้สึกเครียดและประชุมไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ สำหรับงานเอกสารทำช่วงลูกหลับ ส่วนตัวมองเป็นปัญหาใหม่ที่ต้องจัดการให้ได้ และคิดว่าการเรียนออนไลน์ดีกว่าไม่ได้เรียนครับ

ถ้าฝืนเรียนต่อไปทั้งที่ไม่มีประสิทธิภาพจะได้ประโยชน์อะไรล่ะคะ การเรียนขั้นสูงๆขึ้นไปก็ต้องใช้ความรู้พื้นฐานให้แน่นก่อนจึงจะสามารถต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนนักศึกษาชั้นสูงๆก็ต้องการประสบการณ์ตรงเพื่อใช้ในการทำงานจริง เช่น lab ฝึกงาน กิจกรรม ส่วนตัวยังมองว่าไม่ต้องหยุดถึง1ปี แต่ช่วยต้องปรับหลักสูตร จะมาใช้หลักสูตรเก่าแต่วิธีการเรียนใหม่เราว่าไม่เหมาะค่ะ

ไม่​ต้อง​หยุด​เรียน​ขอแค่หยุด​สอบก็พอ คิดดูดิ​ให้สอบไปด้วย​เปิด​กล่อง​ไปด้วยโทรศัพท์​ผมเนี่ย​ค้างจนสอบไม่เสร็จ​ตามเวลาแล้ว​ยังแบตลดไวมากไวจนระบบปฏิบัติการ​ของ​โทรศัพท์มือถือ​อยู่​ๆก็ปิดเครื่อง​ไปเองแล้ว​ก็​สอบ​ไม่ทันไม่มีคะแนนต้อง​มา​เขียน​แก้เป็น​กระดาษ​เป็น​ปึกๆ คิดแล้ว​ท้อ ใครเจอเหมือนกัน​บ้าง​😭

เห็นด้วยที่ต้องให้มีหลักสูตรที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ จริงๆควรมีมาตรการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆไว้ด้วย

สำหรับเรา เรียนได้แต่ต้องลดวิชาเอาวิชาที่ไม่จำเป็นออกก่อน ลดคาบเรียนเรียนวันละ 3 ชั่วโมงก็พอและลดเนื้อหาวิชาเรียนเอาเฉพาะที่สำคัญก่อนมาเรียนเพื่อให้เหมาะสมกับเวลา และที่สำคัญลดการบ้านด้วย

ตอนนี้ท้อแท้มากค่ะ อยู่ม.4 มันเหมือนเป็นการเริ่มต้นความรู้ใหม่จาก0เลย ท้อแท้และเหนื่อยใจมาก สอบตกมา2วิชาแล้ว ที่เรียนก็ไม่เข้าใจเลยซักนิด เน็ตก็ไม่ค่อยดี บางทีมาเรียน แต่ไมค์เปิดไม่ได้ ก็ขาดไป

เรียนวันละ4ชม. ก็ดีนะ เด็กได้ทำในสิ่งที่สนใจ

เรียนไปก็ไม่ได้อะไรเข้าหัวเลยครับ เรียนไปก็ไม่ได้อะไรเข้าหัว

เห็นด้วยกับอาจารย์สุมิตรครับ หยุดก่อน

อย่างน้อยปรับหลักสูตรก็คงช่วยได้ระดับนึงเลยครับ อยากให้ทำจริงๆ

มาเรียนปกติผมว่าน่าจะทำได้นะครับแต่ต้องมีมาตรการในการป้องกันโรค ไม่ควรที่จะเรียนออนไลน์ โรงงาน บริษัทเขายังมาทำงานปกติได้เลย แล้วคนที่ไม่เห็นด้วยผมอยากจะบอกพวกเขาว่าคนเรียน คนที่เจอกับตัวเขารู้ดีว่ามันเป็นยังไง หากพวกคุณไม่เจอกับตัวจะไม่เข้าใจเลยครับ

หนูเรียนออนไลน์เก่งกว่าในโรงเรียนเยอะเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ตกงาน เฝ้าหนูทุกวัน ตอนนี้กลายเป็นรอบรู้ทุกอย่างสิ่งที่ไม่รู้หรือเรียนตามเพื่อนไม่ทันสมัยเรียนที่โรงเรียน ตอนนี้ศึกษาหาข้อมูลได้หมดค่ะ

การที่เด็กได้เล่น ได้ทำสิ่งที่เขาชอบ มันคือ การเรียนรู้ของเด็ก🧐🧐🧐

เราโดนเรียนชดเชย ทุกวัน เสาร์กับอาทิตย์ ก็ต้องเรียนค่ะ เครียดมาก ตอนนี้ม.6แล้ว เครียดคูณล้านไปเลยค่ะ เริ่มต้นอาทิตย์นี้ค่ะ ยาวนานนับเดือนค่ะที่ต้องเรียนทุกวันไม่มีเวลาพักเลย

เรียนออนไลน์ ก็เรียนรู้เรื่อง เเต่เครียด สำหรับผมปรับเเค่เวลาเรียนกับงานที่สั่งพอ เเค่นี้ก็อยู่สบายละ

ถ้าให้หยุดเรียน1ปี​ จะให้ผมทำอะไรตลอด1ปีดี ระหว่าง1 ทำแล็ป 2.หาอาชีพเสริม​ 3.นอนกลางวัน​ 4.ไปเรียนพิเศษ

เป็นเด็กมหาลัยค่ะ มีน้องสาวอยู่ประถม ตอนนี้เป็นการเรียนแบบคอมโบมากมั้งเนื้อหาขั้นสูงและเบสิกสลับกันไปมา คือปวดหัวมาก ที่แนะนำเลยคือโรงเรียนควรมีระบบรับรองการเรียนรูปแบบนี้ ตอนนี้คือใช้ไลน์ ห้องนึง 200 กว่าคน กลุ่มย่อยแต่ละวิชาคือเป็น 10 การบ้านก็เป็นแบบเขียนลงสมุดถ่ายรูป คือ ทำไปแบบที่ไม่รู้ว่าจะได้ส่งเล่มจริงหรือเปล่า ถูกหรือผิดเละหรือสวย คือ ขอแค่ส่งก็เต็ม 10 =_= คุณภาพอยู่ตรงไหน?

คณิตศาสตร์ให้เรียนยากเกินเหตุ.แต่ชีวิตจริง แค่มึงทอนตังค์เป็นก็จบละ

ลูกผมนี้นอนเรียนเลยครับ ถ้าบังคับมากเด็กก็เครียดอีก งานก็เยอะ พ่อแม่ก็ไม่ใช่ว่าจะสอนได้ทุกคนกลายเป็นว่ากลับจากที่ทำงานจะต้องมาศึกษาเองเพื่อที่จะต้องมาสอนการบ้านลูกอีก ไม่รู้ได้อะไรการเรียนออนไลน์ พ่อแม่ก็ต้องมาสอนอยู่ดี

พวกเราเรียนออนไลน์นั่งจ้องหน้าจอวันละ6ชั่วโมงฟังเสียงอื้อๆอึงๆทั้งวันปัจจุยันนี้พวกเราเสียสุขภาพกันมากบางคยเครียดจนเป็นโรคซึมดศร้าไปเลย ให้เราพักบ้างเถอค่ะ พวกเราเรียนพวกเรารู้ บางคนอาจเห็นว่าดีแต่สำหรับตัวเราเราไม่ไหวแล้วหลักสูตรก็เท่าเดิมเกรดที่ต้องใช้ต่อโรงเรียนเดิมก็เพิ่มขึ้นจากเดิม สอบก็สอบครบตั้งแต่กลางภาคปลายภาคสอบย่อยสอบทึกอย่าง

พอเถอะครับเหนื่อยทั้ง 3 ฝ่าย 1.ฝ่ายนักเรียน เรียนไม่รู้เรื่อง งานโคตรเยอะ ไม่มีประสบการณ์ในการเรียนรู้ แถมยังเสียสายตาด้วย 2.ฝ่ายครู วันๆไม่ทำไรนอกจากประชุม สั่งงานเด็ก ตรวจงาน ทำคลิปสไลด์ ไม่มีเวลาพักผ่อน ต้องคอยมานั้งตอบคำถามจากเด็กและผู้ปกครอง 3.ฝ่ายผู้ปกครอง มีงานยุ่งทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น รวมเวลาที่ผู้ปกครองจะกลับบ้าน และทำกิจอื่นๆ กลับมาต้องมานั่งสอนลูก 4 วิชาจนถึงดึก ไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเหนื่อย คูณสอง จ่ายค่าเน็ตค่าไฟอีก *ผมในฐานะเด็กมหาลัยผมไม่มีปัญหานะที่เรียนที่บ้านเพราะผมเรียนดิจิตัลอาร์ท แต่ คุณคิดสภาพดิ ผมขึ้นปี1 มาไม่มีประสบการณ์ไม่เคยเจออาจารย์ ไม่เคยเจอเพื่อนไม่เคยสัมผัสชีวิต เหมือนเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ผมก็ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าการตัดสินของผู้ใหญ่ไม่มีหัวสมองกลุ่มๆนึงจะทำให้ผมและเด็กอีกหลายๆคนขาดชีวิตช่วงวัยนึงไป ก็ขอให้ตอนคุณแก่ตัวลงเจอช่วงเวลาแบบพวกผมบ้างละกัน *บางบ้านไม่ได้น่าอยู่สุขสันต์ขนาดนั้น เด็กบางคนกดดันเครียดจากที่บ้านก็มี บ้านทะเลาะกัน ใช้ความรุนแรงทั้งทางกายจิตใจ ก็มี ทำไมพวกผู้ใหญ่ที่มีอำนางทางการศึกษาไม่สังเกตถึงปัญหาให้กว้างกว่านี้ ไม่คิดให้รอบคอบกว่านี้จะให้ฝืนไปทำไม *ผมมีสิทธิที่จะพูดเพราะมันคืออาชีพๆนึงเหมือนอาชีพอื่นๆที่ได้รับความเดือดร้อน ข้อเสนอ - ผมคิดว่าควรจะให้หยุดเรียน 1 ปีแต่ว่าระหว่าง 1 ปีอาจจะไม่ได้ให้เด็กอยู่เฉยๆอาจจะจัดงานหรือกิจกรรมที่ สามารถทำที่บ้านได้ สัก 4ครั้ง/เดือนเพื่อไม่ให้เด็กห่างหายจากการเรียนรู้มากเกินไป อาจจะจัดวิดีโอคอลมิตติ้งทุกๆวันอาทิตย์ เพื่อทำกิจกรรมออนไลน์กับเด็กแทนการให้งาน 8-10 วิชาเพื่อให้เด็กเครียดมากกว่า อันนี้คือความคิดเห็นของผมนะ ผมคิดว่าระหว่าง 1 ปีนี้ถ้าเด็กอยู่เฉยๆเบื่อตายเพราะอยู่แต่บ่าน

กูบอกเลยนะกูไม่ชอบไอ้เรียนออนไลน์โง่ๆนี้ไร้ประสิทธภาพเหี้ยๆถามกูบ้างมึงควรจะถามนักเรียนอย่างกูนี่!!!มึงต้องถามกูว่ากูชอบไหม ไม่ เว้ย ไม่ น่าเบื่อกูจะหลับคาโต๊ะอยู่เเล้ว

เป็นอะไรที่เหนื่อยมากกก การศึกษาควรเข้าใจเด็กด้วย

พ่อแม่ต้องทำงานยังต้องมาสอนลูกอีก..

ส่วนตัวชอบนะคะแบบการเรียนออนไลน์ แต่เป็นออนไลน์ที่อัดคลิปไว้แล้วให้เราไปดูทีหลังน่ะค่ะ แบบระบบของรามงี้ เพราะเราทำงานไปเรียนไป เลยไม่ว่างเข้าเรียน เราคิดว่าถ้าอยากจะให้เรียนออนไลน์ให้ดีคือการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเรียนเวลาไหนก็ได้ที่เค้าอยากเรียนน่ะค่ะ

น่าจะไปต่อนะ ได้แค่ไหนก็ยังดีดีกว่าเสียเวลาไปเปล่าๆ1ปี การประเมินผลควรลดหย่อนไปตามสภาพการณ์อย่างน้อยก็นังได้ติดต่อกับครูและเพื่อนๆได้ทำกิจกรรมเท่าที่ทำได้

สมมุติ เด็กอยู่หอพัก ถ้าหยุด 1 ปี ก็คือต้องกลับบ้านแบบเลิกเช่าหอ (นศ บางคนกลับบ้านไม่ได้เพราะ ไม่ได้ฉีดวัคซีน จังหวัดไม่เปิดให้เข้า) หรือไม่ก็จ่ายค่าหอพักทิ้ง 1 ปี เพื่อรอการกลับมาเรียน คิดว่าถ้าเป็นวิชาบรรยาย ยังพอสามารถเรียนออนไลน์ได้อยู่ แต่ต้องเปลี่ยนวิธีการสอน ติวเตอร์ไทยที่สอนจากวิดีโอคือสอนเก่งมาก แต่วิชาแนวปฏิบัติเนี้ยะต้องใช้อุปกรณ์เยอะมาก ลำบากเลย

ดิฉันอยู่ฮอกไกโด เด็กอนุบาล จนถึง ม.6 ไปเรียนตามปกติ เพียงแต่ใส่แมสตลอดเวลา ยกเว้นตอนทานข้าว ห้ามพูด กินอย่างเดียว แล้วรีบปิดแมส ส่วน มหาลัย เรียนออนไลน์ แล้วทำให้นักศึกษาเลิกเรียนกันไปเยอะเลยค่ะ

ตอนนี้จิตใจเราตกต่ำมากเลยค่ะ ต้องสอบเข้าม.ปลายแล้วเป็นโรงเรียนการแข่งขันสูง เรียนพิเศษก็ไม่ได้พ่อแม่ไม่มีตังค์เนื้อหาที่โรงเรียนสอนก็ล่าช้า ยังไม่ถึงไหน ไม่ได้เจอเพื่อนเป็นปีๆ ตอนนี้เราแย่มากเลยค่ะ เศร้าถึงขั้นร้องไห้ทุกวันเลย

โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ต่อไปเรียนออนไลน์ได้ทั่วโลก ต่อไปจะเรียน Oxford ก็เรียนที่ไทยได้ มีระบบแปลภาษา มีระบบสอบ ต่อไปคุณนั่งทำงานที่ไทยก็ได้ ช่วงนี้แทนที่จะบ่นไปหาเรียนภาษานะ ปรับตัวเถอะคนไทยอย่าล้าหลัง ตามรัฐบาล

หยุดไปเลย 1 ปี เด็กมันจะเก่งมันเก่งของมันเอง

เป็นไปได้ ให้ลดความสนใจเรื่องเกรดและการให้คะแนนของนักเรียนบ้าง แต่ควรเน้นเรื่องการเรียนแบบไม่ให้เครียดและไม่สั่งการบ้านเลยจะยิ่งดี เพราะการเรียนที่ดีที่สุดคือการเรียนที่ทำให้ผู้เรียนมีความสุขและผ่อนคลายกับการเรียนด้วยครับ ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ ต่อให้เรียนออนไลน์ยังไงก็ลดปัญหาลงได้มากบ้างแหละ

หนูคือนักเรียนม.ต้นคนนึง ที่เรียนไม่ค่อยเข้าใจ หรือไม่เข้าใจเลย คือความรู้สึกของหนูมันแบบ เรียนจากคุณครูที่รร.มันรู้เรื่องกว่าเรียนออนไลน์อ่ะค่ะ แบบหนูคงจะชินที่มีคนมาคอยจี้แล้วมั้งคะ555 ส่วนใหญ่ก็คือถ้าไม่เข้าใจ คือหนีไปดูยูทูปเลยค่ะ เพราะถ้ายังฝืนเรียนต่อไปคงปวดหัวแน่ๆ ส่วนใหญ่ที่ดูๆ ก็จะเกี่ยวกับช่องให้ความรู้รอบตัวอ่ะค่ะ มันแบบ มันใช่ คือมันไม่ได้อยู่ในหลักสูตรก็จริง แต่แบบเราก็เข้าใจแล้วก็รู้เรื่องรอบตัวไปด้วย ถ้าสมมติได้หยุดเรียน ในช่วงที่หยุดก็ควรหาคลิปที่มีสาระจากยูทูปดูไปด้วย จะได้ไม่ให้สมองโล่งอ่ะค่ะ (ที่หนูคิดแล้วก็ทำๆ ดูนะคะ ความคิดส่วนตัวค่ะ🤕)

ต่อให้หยุดเรียนออนไลน์ 1 ปี แต่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลยเหมือนเดิม ก็ไม่มีประโยชน์

ตอนเรียนออนไลน์ไม่ค่อยเข้าใจเลยค่ะ ส่วนมากต้องมาค้นหาคำตอบในกูเกิลตลอดเลยการบ้านก็เยอะมากๆเเล้วคุณครูยังจะเก็บคะเเนนจากการบ้านอย่างเดียวอีกทำให้เครียดมากเลยค่ะกลัวทำการบ้านไม่เสร็จเเล้วไม่ได้คะเเนน กลัวคะเเนนจะไม่ถึงเกณฑ์เเล้วเรียนไม่จบค่ะ ยิ่งวิชาภาคปฎิบัติอย่างพละอ่ะค่ะต้องเปิดกล้องออกกำลังกายเพื่อเก็บคะเเนน 😢

ไม่เห็นด้วยกับการเลิกเรียนไปเลย 100%ค่ะ แต่ควรปรับหลักสูตรการเรียน ไม่จำเป็นต้องออนไลน์ 100% การเรียนออนไลน์ควรเป็นวิชาหลักๆเช่น ไทย อังกฤษ และเลข วันเว้นวัน แต่ไม่ควรอัดเรียนวันละสี่ห้าวิชา ไม่ได้เหมาะกับจิตวิทยาเด็กเลย เด็กไม่สามารถมีสมาธิได้นานขนาดนั้น และยกเลิกการชี้วัดของเด็กประถมต้น และเสริมวิชาที่เป็นกิจกรรมให้เด็ก สัปดาห์ละ 1 ครั้งพอ เพื่อให้เด็กๆได้ใช้สมองมีความคิดร่วมกับครูและเพื่อนๆ

ไม่แน่ใจว่าการเสียโอกาสจากการหยุดเรียน1ปีคืออะไร คือการที่จะไม่ได้ความรู้อะไรเลยไป1ปีเต็มๆหรือเปล่าคะ ถ้าอย่างนั้นระหว่างนั้นอยากให้มีวิชาที่สนุก เป็นความรู้ที่ไม่เคมีในห้องเรียน ให้นักเรียนได้ลองทำทดแทนกับการไม่ได้ออกไปลองทำสิ่งต่างๆนอกบ้าน อย่างวิชาการสืบสวน การวิเคราะห์วัตถุโบราณ การใช้ชีวิตของประเทศต่างๆ ก็คงจะดีไม่น้อยค่ะ

เอาจริงๆนะ ตั้งแต่เรียนออนไลน์มาเนี่ย ไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เรียนเพื่ออะไรเนี่ย แล้วเราก็ไม่ค่อยมีอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ก็ไม่ค่อยอำนวย เราไม่ได้ใช้โทรศัพท์รุ่นดีๆอย่างคนอื่นเขา

อืมเห็นด้วย...หยุดซัก 1ปี...ถึงอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อม...แต่ไม่ตั้งใจจะเรียนต้องบังคับมาเข้าห้องออนไลน์....ถึงเวลาสอบเราว่าความรู้ที่ได้จะไม่ดีพอ...หลานเราอยู่ในวัยประถม...ไม่มีความตั้งใจแน่นอน

ตอนนี้อยู่ปี 1 แล้ว เรียนออนไลน์มหาลัยยังรู้สึกว่าลำบากเลย ต้องมานั่งอยู่หน้าจอวันละหลายๆชั่วโมง ไปไหนก็ไม่ได้ เพื่อนก็ไม่ได้เจอ รู้สึกเบื่อมากๆ เลยหาเกมอะไรมาเล่น กลายเป็นว่าใช้เวลาอยู่กับมือถือทั้งวันไปอีก คือเราอยากออกมาจากตรงนั้นนะ แต่มันก็หากิจกรรมอื่นที่เราชอบทำไม่ได้เลยไง ส่วนพ่อแม่เราไม่ชอบเห็นตอนเราเล่นเกม และส่วนมากเราก็จะไม่เล่นให้เค้าเห็นด้วย ทุกวันนี้เลยอยู่แปปซังกะตาย ไม่มีpassion ไม่มีoutdoor activity อะไรให้ทำทั้งนั้น

จาก 10 กว่าปีที่เรียนมา ขอเถอะแก้ระบบการศึกษาหน่อย ไม่ต้องมากังวลแทนเด็กหรอกนะ เพราะถ้ามันแย่เดี้ยวพวกเรามาประท้วงเอง

เอาจริงๆถ้าทำให้มีประสิทธิภาพ ทำให้สื่อสารกันชัดเจ็นและจำกัดปริมาณงานให้น้อยลงก็น่าจะพอแล้วนะคะ

สำหรับเราที่เรียนออนไลน์มาจะ 2 ปีบอกเลยนะ เราไม่ได้อะไรเลย เรารู้ตัวเลยว่าเราเรียนแบบไม่มีคุณภาพ เราอยากให้ชะลอการเรียนออนไลน์ เอาจริงๆ ถ้าเราเลือกสื่อแบบที่ดีและน่าสนใจ เรามีความรู้ที่ได้มากกว่าที่เรียนออนไลน์ด้วยซ้ำ

อย่าเหมารวมค่ะถ้าจะหยุด1 ปี เพราะเด็กชนบทเขาเปิดเรียนมาแล้วครึ่งปี คุณจะยกเลิกแล้วปีหน้าจะให้เขาเริ่มใหม่อีกเหรอ ..เขาไม่ได้ปิดเรียนเหมือนในเมืองนะคะ...ควรแก้เป็นจุดอย่าเหมารวมทั้งประเทศค่ะ.

เขาถามแค่ฝั่งพ่อแม่อะค่ะ ใช่ค่ะถามเด็ก เด็กตอบไม่เรียนแน่นอน บางคนในเสียงนั้นไม่ใช่ขี้เกียจค่ะ เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ เรียนๆอยู่เน็ตหลุด งานเยอะกว่าเดิม คือมาเป็นไฟล์ที่แบบให้พิมพ์กรอกรับได้ค่ะ แต่ทำในสมุดอะค่ะ เขา(ครู)แค่แคบหน้าๆนึงมา4-6หน้า มันเยอะมากค่ะ ละครูก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม พ่อแม่บางคนตกงานไปแล้ว ไม่ต้องหยุดแต่ขอให้แบบ งานเป็นไฟล์ ละหนูม.5ละ ถ้าเรียนต่อ สมมุติเรียนจนจบม.6เลย และหนูไม่รู้เรื่องเลย หนูจะสอบมหาลัยไหนได้คะ? ไม่ได้เป็นเด็กเกเรนะคะ แต่มันแย่จริงๆ ทุกๆวันนี้เพื่อนหนู เครียดกินยา ไม่สอบก็ดีค่ะ เพราะมันไม่รู้เรื่องจริงๆ ให้สอบไงได้ บางที่เข้าเรียนกลางคาบ(เพราะเหตุผลต่างๆไม่ว่าจะตื่นสาย ไปห้องน้ำมา ไปทำข้าวเช้า ช่วยที่บ้านละอื่นๆ) ครูไม่เช็คชื่อให้ก็มี ละก็มีที่ว่า พ่อแม่บางคนอายุ50++แล้ว เราๆก็อยากช่วย พอไปช่วย ครูที่อายุพึ่ง30นิดๆ ก็พูดทำไมตอนมาเรียนรร.เขาถึงทำได้ เอาจริงๆอารมคือ เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นไงคะ เราอยู่รร.กัน ให้แยกร่างมาช่วยหรอคะ พูดอะไรแปลกๆ เน็ตหมดก็ต้องเติม จากที่ปกติใช้เน็ตรร. ละเน็ตบ้าน(ที่ไม่ค่อยจะดี) (ไม่เห็นด้วยให้หยุด แต่ขอ) 1.งานน้อยลงละ70%เป็นไฟล์งาน (อ้าวถ้าไฟล์งานไม่ลอกกันหรอ งานสมุดก็ลอกได้ค่ะ บางคนหัวใสเอางานเพื่อนมาส่งยังมีเลยค่ะ ) 2.จัดตรารางเอาอันไม่จำเป็นออกไปเช่นพละ คอมเป็นต้น ครูที่ว่างานก็ให้เขามีเวลากลับครอบครัวเงินเดือนรับเท่าเดิมหรือ90% ถือว่าเป็นค่าที่เขาต้องหนีตายจากโควิด ละค่าเลี้ยงดูครอบครัว 3.ให้เวลาส่งงานมากขึ้น 4.ให้ครูๆเข้าใจเด็กที่ช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้าน ขอแนะเรื่องไฟล์งานนะคะ ตอนเรียนออนไลน์ครั้งแรกๆ ครูยังให้เป็นไฟล์งานได้ ทำไมตอนนี้ให้ไม่ได้ แต่ถ้าเด็กวัยป.1-ป.6ยังต้องเขียนสมุดเพื่อการเขียนได้อ่านได้ เขียนสมุดแค่วิชาไทยก็พอก็ดีค่ะ ครูส่งไฟล์รายได้ครูเท่าเดิม เด็กจะทำตอนไหนก็ได้ จัดแบบ "เอ้อ..งานนี้นะ 2วันหมดเขต5วันหมดเขต" ให้เหมือนตอนอยู่รร.ส่งงานไม่ทันส่งย้อนหลังได้ไรงี้อะค่ะ เด็กไม่หยุดพัฒนาหรอกค่ะ แค่ให้เด็กอยู่ห่างจากมือถือให้ได้ หากิจกรรมเล่นด้วยกันที่ไม่ใช่มือถือ พ่อแม่บางคนเลี้ยงลูกมากับมือถือละมาโวยวายที่หลังว่า ลูกติดเกมติดนู้นติดนี้ก็พวกคุณเรียนเขามายังก่อนแต่แรก พวกคุณก็ต้องพยายามให้พวกเขาออกให้ได้ อย่าด่าอย่าว่าเด็กแค่เสนอกิจกรรมเล่นละพูดดีๆ ไม่ใช่ว่าด่าว่าไม่ได้ แต่บางอย่างไม่มีเหตุผลละไปด่า มันจะทำให้เด็กรู้สึกสงสัยว่าทำอะไรผิดก็เลี้ยงมางี้ก็ทำเหมือนทุกวัน ละจะทำให้เด็กจะก้าวร้าวได้ ขอบคุณค่ะ

จากคนที่ได้เกรดดีมาตลอด ตอนนี้เริ่มค่อยๆลดลงมาละ เครียดมากถึงมากที่สุด รู้ได้เลยว่าเรียนออนไลน์คือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เด็กเครียดมากกว่าเดิม

เรียนออนไลน์​ดีอย่างหนึ่งเรียนที่ไหนก็ได้ แต่อุปกรณ์​ไม่มี ผ่าตัดทิพย์​แบบนี้แย่มาก ทำแลปทิพย์​ เรียนหนักครอบครัวไม่สนมองว่าออนไลน์สบายมีเวลาเยอะ มันไม่ใช่เลยงานก็เยอะพ่อแม่ไม่เข้าใจใช้งานทั้งวันอธิบายบอกอ้าง เคเอาที่สบายใจ

เด็กที่บ้านประถม 2คน อนุบาล 1 คน เข้าเรียนบางวิชา แล้วก็เล่นกัน เข้าเช็คชื่อเสร็จกดไปเล่นเกม ดูยูทูป บางวันผู้ปกครองไม่อยู่ ไม่เข้าเรียนเลย ต้องมาเช็คย้อนหลังดูการบ้าน ครูก็ไลน์มาบอกว่าส่งงานอย่างเดียวไม่เข้าเรียนก็ติด ร.และก็ติดจริง ทะเลาะกันกับลูกหลายครั้งแก้ปัญหาไม่ตก เป็นเหมือนเดิม ก็ไม่ได้เรียนในห้องเรียนที่มีครูกำกับเด็กก็ไม่สนใจเท่าที่ควร เคยนั่งเฝ้ายันเลิกเรียนแต่เฝ้าทุกวันก็ไม่ไหวค่ะ เรื่องลูกก็สำคัญเรื่องปากท้องก็สำคัญ ตอนนี้ยังเป็นเหมือนเดิมทุกวัน ยอมรับว่าเครียดค่ะ

อยู่เเต่ที่บ้าน โรงเรียนไม่ได้ไป จำหน้าเพื่อนเเทบไม่ได้เเล้ว หมดกันชีวิต

เรียนไม่รู้เรื่องคับ เรียนก้อต้องเรียนแล้วก้อต้องไปช่วยพ่อแม่ทำงานเพราะเศรษฐกิจไม่ดี อุปกรณ์ก้อไม่สะดวกกับการเรียน. ยิ่งเรียนยิ่งเครียดคับ การบ้านก้อเยอะคับ

ยกเลิกเถอะครับน้อง ป3แล้วยังอ่านหนังสือไม่ออกเลย แล้วพ่อแม่ก็ต้องให้ผมมาสอนน้องทั้งๆตัวเองยังเอาไม่รอดเลยผมไม่ได้ว่างตลอดด้วยเพราะต้องเรียนแล้วก็ต้องมาโดนบ่นว่าไม่สอนน้องไม่ทำอะไรเลยมันเครียดมันท้อมากเลยจนตัวเองไม่มีกำลังใจไม่อยากออกจากห้องไปเจอหน้าพ่อแม่แล้ว

เรียนออนไลน์มันเครียดมากและงานเยอะกว่าเดิม2-3เท่า แถนเรียนไม่รู้เรื่อง ตอนแรกเราเป็นคนเรียนดีนะ แต่พอมาเป็นแบบนี้คือไม่ไหว ขนาดเพื่อนำทั้งชั้นยังบอกไม่ไหว แล้วคือบอกว่าถ้าหยุดเรียนแล้สเด็กเล่นเกม ผมถามจริงนะโควิดจะออกไปไหนได้หาความสุขไม่ได้ ก็มีแค่เกม ทีวี ยูทูปที่ให้ความสุขได้แก้เครียดได้ ละบอกเสียโอกาศ ถึงเรียนไปมันก็ไม่รู้เรื่อง แล้วแถมเวลาที่เราควรจบการศึกษาก็ไม่จบสะที ละก็การอยู่หน้าจอนานทำไมไม่เห็นให้พักสายตาเลยเพราะต้องนั่งจ้องทั้งวันแต่พอเล่นเกมแค่ไม่ถึงขั่วโมงบอก อย่าเล่นไม่ดีตาเสีย แต่เรียนออนไลน์ทั้งวันบอกดี ควรลดการเรียนบ้าง เปลี่ยนหลักสูตรเพราะควรให้เวลาว่างนักเรียนบ้างไม่งั้นเด็กเครียดตาย แถมควรเอาติด0.รออกไปด้วยเพราะมันไมีไหวจริงๆ ไม่เป็นคนเรียนไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง

ด้วยความที่เราเป็นเด็กอะ มุมมองของเรา(คนเดียวนะ)คือควรหยุดจริงๆอะ มันเครียดเรียนเเล้วไม่ได้อะไรเลยอะ ผู้ใหญ่หลายๆคนอาจจะบอกว่ามันต้องเรียนเพราะมันคือหน้าที่ เเต่ถ้าไม่มีเรียนเองด็ไม่รู้หรอกค่ะ มันมีปัญหาเยอะมาก เน็ตบ้าง การบ้านเยอะบ้าง ปวดตาปวดหลังบ้าง ต้องเเลกกับอะไรมากมายเเต่กลับไม่ได้อะไรกลับมาเลยอะ เเล้วคนที่บอกว่ามันเป็นการเเก้ปัญหาที่ปลายเหตุอะ คือเเล้วจะให้เเเก้ที่ต้นเหตุยังไงในเมื่อรัฐบาลต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เเล้วรัฐบาลไทยเป็นยังไงล่ะ บริหารไม่ได้เรื่อง เพราะงั้นวิธีเดียวที่จะเเก้ได้ก็คือหยุดเรียนเนี่ยเเหละ จนกว่าจะปฏิรูปประเทศได้

เรียนมหาลัยมาตั้งแต่ปี1 จนตอนนี้ปี2แล้ว แบบมันเครียดนะ งานเยอะมากๆทั้งกลุ่มและเดี่ยว หมดไฟมากๆ ละไม่ชอบสุดๆที่ต้องทำงานกลุ่มผ่านออนไลน์มันคุยสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง อ.บางวิชาไม่บังคับให้เปิดกล้องก็เหมือนบังคับอะเพราะจะให้คะแนนในส่วนparticipationอะ เห็นหน้าบ่อยๆได้คะแนนไป แต่คนที่พิมตอบในคอมเม้นก็ไม่รู้ว่าจะได้คะแนนมั้ยเห้ออ เราไม่ชอบเลยจริงๆ😔🤕

ตั่งแต่ผมเรียนมาปีนี้ผมเรียนแล้วไม่รู้เรื่องมากที่สุดเลยแล้วครูก็สั่งงานเยอะจนทำงานส่งครูไม่ทัน ปีนี้ผมจะจบม.6แล้วยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย

การเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญ โดยเน้นเด็กๆสำคัญมาก รวมไปจนถึงการสร้างนิสัยใฝ่รู้ รักการหาความรู้ สังคมในอนาคต เราต้องการพลเมืองที่มีความพร้อมจะรับรับความเปลี่ยนแปลง ปัญหาอาจมีบ้างเป็นปกติ แต่อย่ายอมแพ้ และไม่ควรทำเป็นแบบอย่างให้เด็กๆด้วย เราต้องช่วยกันหาทางแก้ไข บริบทที่ต่างกัน อาจต้องมีทางแก้ไขหลายแบบ และเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายดีกว่า ไม่เห็นด้วยกับการ กำหนดว่า พอแค่นี้

เริ่มชอบการเรียนออนไลน์ค่ะ สะดวก เรียนที่บ้านนปลอดภัย

จากเด็กมหาลัยที่เรียนสายวิทย์ แล้วเลือกเรียนสาขาเคมี เพื่อจะเป็นนักเคมีทำงานในห้องแล็บ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือในห้องแล็บ แต่ต้องเรียนแล็บออนไลน์ เรียนอย่างนี้ต่อไปก็คงทำงานไม่เป็น

เมื่อ10ปีก่อนโรงเรียนในกทมและปริมณฑล เพราะน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งตอนนั้นเทคโนโลยีไรแบบนี้ยังไม่มี กะเลยต้องรอโรงเรียนน้ำแห้งกัน มันเสียเวลามากตอนช่วงปี54

ขอร้องล่ะเร่งฉีดวัคซีนให้ครบได้ไหม🥺😢 เรียนออนไลน์แล้วมันปวดหัว

นักวิชาการควรกลับไปพัฒนาอุดมศึกษาให้ดีก่อนเถอะ....อย่าให้ต่างชาติเขาดูถูกมหาวิทยาลัย เด็กจงมหาวิทยาลัยทำงานไม่เป็น อย่างที่เขาว่าหรือไม่ ....

การหยุดเรียนออนไลน์เป็นวิธีที่ผิดควรพัฒนาการสอนออนไลน์จะดีกว่า ควรพัฒนาเพิ่มขึ้นว่าทำอย่างไรให้เด็กเข้าใจ แต่บอกได้คำเดียวผมสนุกเพราะอยู่บ้านเหงามาก เพราะอนาคตที่โควิดจะเบาลงมันยังยาก

มหาลัยก็ไม่เหมาะครับ ความชิปหายอยู่ที่อาจารย์สั่งงานเพิ่ม ปกติสั่งแค่ 1-2 งานต่อวิชา ต่อวัน พอเรียนออนไลน์ สั่งได้สั่งเอา มีอาจารย์ของ มทร.แห่งหนึ่งในสงขลา สั่งงานทีเดียว 4 - 6 งานในวันเดียว ใน 1 วิชา

ช่วยแก้ไขทีเถอะไม่ไหวแล้วค่ะ แต่ละวันเครียดหัวจะระเบิด เห็นด้วยมากๆที่ต้องเปลี่ยนหลักสูตร ช่วยแก้ไขด้วย!!!!