ผมดูรีวิว EOS R5C มาหลายสำนักเพราะชอบในเทคโนโลยีของแคนอน ในการผลิตกล้อง จริงๆ ก็ตื่นเต้นกับ R5 มาแล้วแต่ก็ ไม่ได้ใช้มันในที่สุดเพราะปัจจัยเรื่อง ความร้อน
EOS R5C ก็คือกล้อง R5 ที่อัพเกรดพัดลมเพื่อลดปัญหา OverHeat ที่เกิดขึ้นใน R5 และเพิ่มสวิชเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอเข้ามาเพื่อให้แยกระบบการทำงานกันอย่างชัดเจน
ฟังถึงตรงนี้แล้ว ถ้าถามว่า EOS R5C น่าใช้ไหม ก็ต้องตอบเลยว่ามาก แต่ R5C มันบอกอะไรเราบ้าง
ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเปลี่ยนไปใช้ R5C หลังจากที่ดูรีวิว หลายสำนักมาก็คงต้องบอกว่า เป็นเรื่องของ Tools ต่างๆ ที่มีมาให้ในกล้องมากมาย สำหรับงานวีดิโอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เครื่องมือ วัดแสงสีเช่น False Color Waveform Vector Scope มาหมด
มีความสามารถในการถ่ายวีดิโอระดับ 8K60p Raw Light ในตัวกล้องได้
มี Anamophic de squeeze ทำให้คนที่ชอบถ่ายภาพยนตร์ด้วย Anamophic ต้องปลื้ม
ตัวกล้องมีมิติการจับถือที่เหมือนกับ R5 แต่ต่างที่ ความหนาของตัวกล้อง ที่มีการเพิ่มพัดลมเข้ามาเพื่อระบายความร้อนในการทำงาน และมี HotShoe แบบใหม่ที่สามารถต่ออุปกรณ์เสริมได้เช่น Tascam Audio เหมือนที่โซนี่ทำ
แต่ก็มีน้ำหนักไม่ได้หนักมาก มีน้ำหนักเพียง 770G หนักกว่า A7Siii เพียง 71g เท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับหน้าตาที่ดูใหญ่เทอะทะของมันแล้ว ไม่ได้หนักเลย
และการที่กล้อง ออกแบบมาให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จับถือสะดวกขึ้น ก็ช่วยลดจุดด้อยที่ EOS R5C ไม่มี IBIS ในตัวกล้องหรือ กันสั่นที่เซนเซอร์นั่นเอง เหลือแต่เพียง EIS ที่ทำหน้าที่ได้ดีพอสมควรและอาจจะเป็นทิศทางในอนาคตของกล้องแคนอนก็เป็นได้
แต่ก็แลกมาด้วยการที่ EIS ต้องครอบภาพลงไปเล็กน้อยเพื่อทำการประมวลผลการสั่นไหวของภาพ ซึ่งใครที่อยากได้ภาพกว้างเต็มเฟรม ก็คงไม่ชอบ
และในส่วนเดียวกันนั้น ความที่กล้อง EOS R5C ออกแบบมาให้เป็นกล้อง Hybrid แต่อยากให้มีความสามารถระดับ Cinema เหมือนอักษรย่อ C ส่วนที่ผมขัดใจก็คือ กล้องไม่มี ND filter แบบ build in ซึ่งจริงๆ เป็นส่วนสำคัญมากๆ ของงานวิดีโอที่ต้องการความเนี๊ยบ
ซึ่งตัวผมเอง ที่ไม่ได้ใช้ sony FX3 ก็เพราะเหตุนี้เหมือนกัน ND แบบบิ้วอินมันจำเป็นมากๆ ยิ่งคนที่ถ่ายแบบ Run and Gun และต้องการความเนี๊ยบ อยู่ในสภพาแสงที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เช่นประเทศไทยบ้านเรา มันสะดวกจริงๆ ถ้ามีมาให้
ปุ่มเปิดปิดและเปลี่ยนโหมดการถ่ายภาพและวีดิโอ ผมชอบมันนะ แต่ดูที่ Kai W เทสมาแล้ว เปลี่ยนโหมดที รอ 8-10 วิ มันนานไป๊ ถ้าไม่รีบก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าพวก One Man Band ต้องทำงานเร็วๆ สลับกันทั้งสองอย่าง คงปวดหัวแน่ๆ
และช่อง HDMI ที่ให้มาในขนาด Micro ทั้งๆ ที่เหลือมากพอให้ใส่ขนาดเต็มได้ ก็ไม่รู้แคนอนคิดยังไงเหมือนกัน สายแบบ Micro มันหาความแข็งแรงกับมันได้ยากอยู่แล้วแต่ยังเอามาใส่ในกล้องระดับนี้ น่าเสียดายมากๆ
แต่ช่อง USBC ที่อยู่ติดกัน สามารถใช้ Power bank เชื่อมต่อและใช้งานเป็นพลังงานสำรองภายนอกได้เลยยาวๆ โดยที่ liang เทสมาแล้วว่า ถ่ายยาวๆ ไปเลย 8 ชม ก็ไม่ฮีต
และสุดท้ายที่เป็นจุดแข็งของแคนอนมาโดยตลอดคือเมนูที่ใช้ทัชสกรีนได้ค่อนข้างเต็มรูปแบบ ตรงนี้มันช่วยให้การทำงานและการตั้งค่าสะดวกขึ้นมาก ไม่ต้องมากดปุ่มเป็นเกมบอยตลอดเวลา ก็ดีเหมือนกัน
สเปคภาพนิ่ง ก็ยกมาจาก R5 นั่นแหละครับ ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ อยู่แล้ว กับราคาที่แพงกว่า R5 อีก 600$ โดยที่ราคาของ EOS R5C นั้นอยู่ที่ 4500$ โดยประมาณ หรือ ประมาณ แสนห้าหมื่นบาท ถือว่าเป็นราคากล้อง 8K ที่น่าสนวจมากๆ จริงๆ
ทั้งหมดทั้งมวล แม้ว่าผมจะสนใจมันมากขนาดไหน แต่กล้อง EOS R5C ก็ยังเป็นกล้องที่ลังเลจะลงทุนกับมันอยู่ดี ด้วยปัจจัยหลายๆ ด้าน
เพื่อนๆ คิดยังไงครับ
19 янв 2022
