PYMK EP88 พุทธทาสภิกขุ ศาสนานอกกระแส แก่นแท้คืออะไร 

ฟง

ท่านพุทธทาส อริยสงฆ์ ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ ได้รับความรู้มากๆค่ะ ท่านพุทธทาสท่านเป็นอริยสงฆ์ค่ะ

เป็นรายการที่พูดสองคนแล้วเว้นจังหวะกันเนียนมาก บางรายการเนื้อหาเขาก็ดีมากๆแต่จังหวะการพูดชนกันจนอยากฟังคนเล่าคนเดียวมากกว่า

เข้ามาเห็นด้วยค่ะ ปกติเขียนไม่เก่งเน้นกดไลค์คอมเมนต์ที่อ่านแล้วเห็นด้วยและชอบ รักคุณ Farose และทีมงานและแขกทุกท่านค่ะ

เห็นด้วยครับ

เห็นด้วยครับ

ใครพูดก็ได้เลยครับ เพราะช่องฟาโรสพูดเรื่องธรรมะเลยเข้ามาฟัง ❤

เริศ❤

❤❤❤❤+❤❤❤❤ก็2ท่านนี่ครับเอาไปเลยคนละ4❤

ชอบ มากกกกก หลากหลายดี

บุญบาป เก็บครบหมด นางเก่งมากเลย นับถือ

ชอบมากครับ

ตกใจ พระเจ๊!!

ชวนผู้รู้ในแต่ละสาขามาแบ่งปันให้ผู้ชมฟัง ดีงามค่ะ🎉❤😊

ว้าวมาก

กาลิก4ก็ให้ฉันเนื้อ ปลา บัญญัติไว้ชัดเจน

พระเทวทัตต์ เคยเสนอ กฎ 5ข้อ (ข้อ 5 เกี่ยวกับ การฉันปลาและเนื้อสัตว์ ) แต่พระพุทธเจ้า ทรงปฏิเสธทั้งหมด ดังนี้ ๑. ภิกษุ ทั้งหลายควรอยู่ป่าตลอดชีวิต ภิกษุใดอาศัยบ้านอยู่ โทษพึงถูกต้องภิกษุนั้น ๒. ภิกษุทั้งหลาย ควรเที่ยวบิณฑบาตตลอดชีวิต ภิกษุใดยินดีการนิมนต์ โทษพึงถูกต้องภิกษุนั้น ๓. ภิกษุทั้งหลาย ควรถือผ้าบังสุกุลตลอดชีวิต ภิกษุใดยินดีผ้าคหบดี โทษพึงถูกต้องภิกษุนั้น ๔. ภิกษุทั้งหลาย ควรอยู่โคนไม้ตลอดชีวิต ภิกษุใดเข้าอาศัยที่มุงบัง โทษพึงถูกต้องภิกษุนั้น ๕. ภิกษุทั้งหลาย ไม่ควร ฉันปลาและเนื้อตลอดชีวิต ภิกษุใดฉันปลาและเนื้อ โทษพึงถูกต้องภิกษุนั้น สรุป พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ และตรัสห้ามว่า อย่าเลยเทวทัตต์ ภิกษุใดปรารถนา ก็จงอยู่ป่า ภิกษุใด ปรารถนา ก็จงอยู่บ้าน ภิกษุใดปรารถนา ก็จงเที่ยวบิณฑบาต ภิกษุใดปรารถนา ก็จงยินดีการ นิมนต์ ภิกษุใดปรารถนา ก็จงถือผ้าบังสุกุล ภิกษุใดปรารถนา ก็จงยินดีผ้าคหบดี ดูกรเทวทัตต์ เราอนุญาตรุกขมูลเสนาสนะตลอด ๘ เดือนเท่านั้น เราอนุญาตปลาและเนื้อที่บริสุทธิ์ด้วยอาการ ๓ อย่าง คือ ๑. ไม่ได้เห็น ๒. ไม่ได้ยิน ๓. ไม่ได้รังเกียจ

จริงค่ะ กินสัตว์แต่กินหมดกินพอดี ดีกว่ากินเจแล้วเหลือทิ้ง❤

อื้อหือ ล้ำลึก🙏

เห็นด้วยค่ะ circle คุณฟา ดีมากกกก เรารัก ทุกท่านที่มาเล่า

แทบไหม้อ่ะ ประหนึ่งแผ่สรรพพันธรังสีอยู่บนเชิงตะกอน

ตอนนี้ประกายกลายเป็นกองไฟละครับ🎉

จุดประกายสำเร็จค่ะ :-)

ก็สำเร็จนะคะ😊

ทับไลน์😂😂😂

55555555

ต้องจับมาเจอกันแล้วล่ะ

😂😂😂สาธุบุญค่ะ

ขอบคุณมากครับ

วัดปทุมคงคาเป็มมหานิกาย วัดปทุมวนารามเป็นธรรมยุต

จากภาพประกอบที่ว่าเป็นวัดปทุมฯ ที่เห็นแม่น้ำด้วย ผมก็นึกเหมือนกันว่า น่าจะไม่ใช่วัดปทุมฯ แถวสยาม หรอกมั้ง แถวนั้นน่าจะไม่มีแม่น้ำขนาดตามภาพอะครับ 🤔

@@thanyakorn-tonฟังในรถบาบทีไม่ๆด้มองรูปinsertอ่ะครับ

​@@FAROSEPODCAST เรื่องพระ อยากให้พูดเรื่องท่านต่อไปนี้ด้วย มีบทบาทต่อเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา สาธารณะสุข ของประเทศไทย หลวงพ่อคูณ หลวงปู่ชา หลวงตามหาบัว หลวงปู่ศรี

เห็นด้วยครับ ผมคิดว่าวันวิสาขบูชา อาจจะอธิบายได้ด้วยปริศนาธรรม ว่า เป็นวันที่ทรงประสูติ เป็นพระพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ และปรินิพพานจากบ่วงที่ร้อยรัดและเข้าถึงสภาวะพระนิพพาน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันก็เป็นได้ครับ

เหมือนกันครับ

เหมือนกันเลยครับอยู่กับวัดตั้งแต่เด็ก-ตั้งคำถามและเลิกนับถือศาสนาไป-ได้อ่านหนังสือของท่านพุทธทาสเลยกลับมานับถือพุทธอีกครั้งครับ

ดีใจมากได้อ่าน คู่มือมนุษย์ ตั้งแต่เด็ก เคยเจอความยากลำบากมา ช่วยได้มาก โตมาชีวิตดี ดีกว่าวัยเด็ก คิดว่าศาสนามีผลเลย เวลาจะฮึด หรือ เครียด ช่วยได้

พุทธของท่าน เป็นพุทธที่ไม่มีการ สักเสกเลขยันต์ ไม่มีพิธีกรรม ไม่มีขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไดๆ นี้แหละคือพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ผมคิดแบบท่านเมื่อตอนบวชเรียน1 พรรษา และปฎิบัติตามท่านตลอด จนพระบางรูปว่าผมเพี้ยน ทั้งที่เขากราบจอมปลวกแต่ผมไม่กราบ เขาจึงว่าผมลบหลู่เจ้าที่ นั่นคือความคิดของพระทั่วไปครัย

และพระที่มีปฏิปทาเดียวกันกับท่านพุทธพุทธทาส ในปัจจุบันนี้ก็คือพระอาจารย์คึกฤทธิ์ พุทธวจน ผู้แน่วแน่ตามคำศาสดาอย่างแท้จริง

โห แล้วมะกี้ผมเพิ่งฟัง สยามเมืองเฮี้ยน ของ salmon podcast เล่าเรื่องใส่ร้ายชาวบ้านว่าเป็นคอมมิวนิสเพื่อเอาประชาชนไปฆ่าในค่าย ผมอินเม้นนี้เลยครับ

@@tjn.a.y.4097 อินเหมือนกัน ฉากหน้าทำตัวเป็นเทวดา ฉากหลังสั่งฆ่าคนบริสุทธิ์

สุดท้ายท่านก็หลุดพ้นเรื่องนี้มาได้ เพราะอธิบายความได้อย่างเข้าใจในปมประเด็นที่เกิดขึ้น ไม่มีประเด็นซ่อนเร้น

ท่านพุทธ​ทาส​เคยโดนกล่าวหาว่าล้มเจ้าเมื่อไหร่คะ​ ไม่เคยได้ยิน รู้แต่ว่าท่านไม่เห็นด้วยกับประชาธิปไตย​แบบพวกมากลากไป​ เน้นเสียงส่วนใ​หญ่แต่ไม่มีคุณภาพ​ ไม่มีศีลธรรม​

ยังไม่เคยไปเที่ยว สุราษ แต่เคยเกือบไป และเสิร์ชข้อมูล วัดธารน้ำไหล ด้วยค่ะ แต่เหมือนไม่มีรถสาธารณะไป ดูไปยาก อยู่ในป่า รึป่าวคะ 555

เพิ่งได้มีโอกาสไปสวนโมกข์มาเมื่อวานนี้ค่ะ หลังจากคุณแม่และคุณอาเล่าให้ฟังว่าเคยไปตอนสมัยที่ท่านพุทธทาสยังมีชีวิตอยู่ ชอบความสงบร่มเย็นเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติแบบไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องปรุงแต่ง ทำให้รู้สึกจริงๆ ว่าสถานที่ปฏิบัติธรรมและสอนธรรมะมันควรเป็นแบบนี้แหละ ชอบความเป็นวัดในป่า (ซึ่งก็มีหลายวัดที่เป็นแบบนี้) ไม่ใช่ความฟรุ้งฟริ้งฟุ้งเฟ้อแบบพุทธพานิชย์ที่วัดหลายแห่งยิ่งแข่งขันกันที่ยอดบริจาคและสิ่งปลูกสร้าง ชอบสวนโมกข์มากเลยค่ะ ที่ทำให้มนุษย์ได้อยู่กับตัวเองและมองเห็นตัวเอง และชอบคำสอนที่เป็นคำที่เข้าใจได้ง่ายๆ แม้จะปฏิบัติได้ไม่ง่ายก็ตาม

มันคืออะไรหรอคะ5555

@@margaretmay8 ยุคก่อนจะมี projector กับจอ lcd เราต้องมีเครื่องฉายที่จะขยายภาพจากแผ่นใส A4ขึ้นจอ ในห้องเรียนครับ

@@margaretmay8 มันคือการที่ อาจารย์ทำสไลด์ ในแผ่นใสๆ แล้วเอามาวางบนเครื่องฉาย projector ค่ะ ตัวเครื่องฉาย จะวางอยู่บนโต๊ะ อาจารย์บางคน เขียนไป ฉายไปก็มี ยุคนั้น power point / canva ใดๆ ยังเข้าไม่ถึงค่ะ

@@TheCHJune เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ เคยเห็นอยู่บ้างแต่ไม่รู้เลยว่าเรียกว่าการปิ้งสไลด์

เรียกปิ้วแผ่นใสจะตรงสุดครับ สมัยก่อนครูชอบทำผลงานด้วยการให้นักเรียนทำสื่อการสอนแลกคะแนน แล้วไปรวมแฟ้มเข้าเสนอปรับระดับ (ปรับซี)

ก้อนิพพานมีอยู่ในทุกคนเธอลองหยุดใจไม่ให้หลงไปกับอารมความรู้สึกสักนาทีทำใจให้บริสุทธิจากกิเลสและอารมความรู้ทั้งหลายนั่นละนิพพานชั่วขนะถ้าอยากนิพพ่นถาวรก้อหมั่นฝึกใจด้วยการใช้สติที่บริบูรณ์เห็นใจตัวเองเห็นเหตุแห่งการเกิดทุกข์ทั้งที่ใจ ที่จริงใจเรานั้นบริสุทอยู่แล้ว แต่เราหลงไปกับอารมณ์ความรู้สึก

ประโยชน์ของการนำหลัก"ปฏิจจสมุปบาท" มาปฏิบัติในชีวิตประจำวันคือ ใช้สติ สมาิ ปัญญา คอยควบคุมผัสสะ ไม่เผลอให้เกิดความรู้สึกพอใจ-ไม่พอใจ..เมื่อความพอใจ-ไม่พอใจไม่เกิด..ตัณหาก็ไม่เกิด..เมื่อตัณหาไม่เกิด.. อุปาทานหรือการยึดมั่นถือมั่น ก็ไม่เกิด...อุปาทานไม่เกิด..ความรู้สึกว่า "ตัวเรา" หรือภพ ก็ไม่เกิด.. เมื่อไม่มีภพ แน่นอนว่า "ชาติ "คือเราเป็นนั่น เป็นนี่ ก็ไม่ปรากฏ.... ขณะจิตใด ไม่มีความรู้สึกว่า "ตัวเรา- ตัวกู" ขณะจิตนั้นก็ไม่มีผู้เป็นทุกข์ ...//นี่คือ การนำ "อิทัปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท" มาใช้ อย่างเป็นประโยชน์ ตามพุทธประสงค์.../ ขออนุโมทนา กับคุณผู้เป็นชาวพุทธพันธุ์แท้ที่ออกมาช่วยเติมเต็ม..สาธุ !

@@user-rc2om9sq7v ขอบคุณค่ะ 🙏

@@user-rc2om9sq7v ผัสสะ และเวทนา เป็นส่วนธรรมชาติ และเป็นไปโดยธรรมชาติ อย่าง passive ค่ะ การดำเนินชีวิต ต้องอาศัยผัสสะ และเวทนาตลอดเวลาค่ะ .. หายใจ กิน เดิน นั่ง นอน แม้กระทั่งกระบวนการแห่งการใช้ปัญญาแก้ปัญหาต่างๆ จุดที่ต้องระวัง จึงอยู่ที่ จังหวะถัดจากเวทนา ที่มักคือ ความชอบใจ/ไม่ชอบใจ ยินดียินร้าย ที่เป็นส่วนสังขาร นี้คือ ที่ท่านให้ระมัดระวัง เพราะมักจะพาแล่นไปเป็น ตัณหา อุปาทาน แล้วหมุนวงจรไปตามปัจจยาการ ๑๒ เมื่อผัสสะรับกระทบ ให้เกิดเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ท่านให้ ใช้สังขารตัวสำคัญที่คือ สติ และปัญญา มายับยั้งกรรม ที่จะแล่นไปสนอง ตัณหา มานะ ทิฏฐิ แล้ว่ให้ผันไปในทางแห่ง ธรรมฉันทะ .. ก็จะเกิดเป็นประโยชน์และคุณค่า และเป็นการตัดวงจร ทุกข์ หรือ ปัจจยาการ ๑๒ ไปในตัวค่ะ

เพิ่มเติมครับ ภาพวาดต่างๆ ที่โรงมโหรสพ หรือรูปปั้นพระอวโลกิเตศวร เป็นฝีมือของอาจารย์โกวิท เอนกชัย หรือที่เรารู้จักกันดีในนามเขมานันทะครับ

เรารู้และต้องทำต้องปฏิบัติด้วยนะครับถ้าไม่ทำเราจะแค่รู้ว่านิพพานคืออะไรถ้าถึงจุดนั้นจริงๆเราจะรู้ว่าเราคืออะไรเรามาเกาะที่ร่างสัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์ได้อย่างไรทำไมถึงมาวนเวียนในสังสารวัตกัน การนิพพานคือการกลับไปอยู่จุดเริ่มแรกของเรา ลองไปฟังพระอาจารย์คึกฤทธิ์ดูนะครับแล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้น❤❤❤

@@tatar4730 ขอบคุณค่ะ เพิ่งเริ่มฝึกมาได้ประมาณ 1เดือนค่ะ อย่างน้อยก็ได้ความสงบ สบายจากชีวิตประจำวัน

@@tatar4730 ขอบคุณมากค่ะ อยู่ในช่วงฝึกปฏิบัติ พยายามจะทำให้ได้มากและบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ พุทธวจน ป่าวเอ่ย 💗

@@Nuyuiful ใช่ครับผมเคยนั้งสมาธิอยู่แต่ไม่รู้ว่าต้องทำไงต่อเพิ่งรู้ว่าต้องทำไงบ้าง เคยนั่งจนนิ่งโล่งสบายลืมเวลาแต่ไม่รู้ไปไงต่อจนได้มาฟังพระอาจารย์คึกฤทธิ์นี่แหละอ๋อเลย

ฆราวาสก็เข้าสู่นิพพานได้ แต่ยากนิดนึง เพราะต้องยุ่งกับทางโลกอยู่ ต้องทำมาหากิน การบวชเป็นวิธีหนึ่ง ฝึกตน ไม่ต้องมายุ่งทางโลก ส่วน ผญ บวชได้ตั้งแต่พุทธกาล แต่ไทย ตีความว่า สายภิกษุณีขาดแล้ว ส่วนนิพพานได้ขณะมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องรอตาย และที่เจ้ป้องยกนิพพาน ว่า เราเคยสัมผัส เรียกว่า นิพพานชิมลอง ชั่วคราว

อยากให้ศึกษาพุทธวจน ซึ่งต่อยอดจากท่านพุทธทาสท่านจุดประกายคำสอนไว้

ที่จริงโลกนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนมากมายแต่มนุษย์เรานี่ละปรุงแต่งเรื่องมามายจากรุ่นสู่รุ่นเรื่องจริงของธรรมชาติก้อปรากฏให้เห็น ฉะนั่นเราจึงต้องใช้สติปัญญาพิจารนาให้รู้แจ้งในโลก นิพพานคือจิตที่หลุดพ้นจากการข้องเกี่ยวกับเหตุทุ้งหลายที่ใจเราหลงไปสุขทุกข์ พอใจไม่พอใจ คือใจที่บริสุทธิ์ไร้ไร้อารมณ์ความรู้สึกต่างๆเป็นใจที่หยุด สิ้นอาสวะเครื่องร้อยรัดรึงใจและกิเลสทั้งหลายเธอลองทำใจให้บริสุทธิ์สัก1นาทีเธอจะรู้ว่านิพพานเป็นเข่นไร ถ้าเธออยากหบุดพ้นอยากบรรลุธรรมจงฝึกสติห้แน่วแน่ด้วยการทำสมาธิแล้วเฝ้ามองดูใจที่มันดิ้นรนนี้จนสามารถหยุดใจกับเหตุแห่งการเกิดอารมณทั้งจนดับสนิทใจเธอก้อจะเป็นอิสระ

อยากให้ทุกคนศึกษาอภิธรรม โดยไม่มีความสงสัย ความสงสัย ก็เหมือนลูกธนูที่ปักอก...จะมั่วถามว่าลูกศรยิงมาจากไหน ทำด้วยไม้อะไร ใครยิง..ความสงสัยยิ่งปกปิดมากขึ้น

ศาสนาพุทธค่ะ แต่ไม่เคยเข้าใจ 😂 ฟ้งชีป้องคือเข้าใจเลย

และขอบคุณทีมงานด้วยค่ะ สบายใจแชร์ให้ที่บ้านด้วย55555 ดีมากๆค่ะ

จริงครับ

ท่านพุทธทาสทำให้ชาวพุทธเข้าใจคำว่านิพพานคือสภาวะอะไร

ใช่เลยค่ะ .. เวทนา คือ กลไกตามธรรมชาติ ที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต มีการเกิดอย่าง passive เช่น เวลาเจอแสงจ้า เราย่อมรู้สึกไม่สบาย เป็นทุกขเวทนา เราก็รีบหลบแดด ใช้มือป้อง .. เป็นระบบป้องกันชีวิต อย่างหนึ่งที่ธรรมชาติให้มา ดังนั้น เวทนา จึงเป็นทางมาแห่งการรับ ทั้งความรู้ และความรู้สึก เพื่อแยกแยะประโยชน์ โทษ ภัยได้ จุดจังหวะถัดไป นี่ล่ะค่ะ ที่สำคัญ ที่จะเป็น ทางแยก ว่าจะปรุงแต่งด้วย ตัณหา เป็นยินดียินร้าย/ชอบชัง หรือจะใช้ไปในทางแห่งปัญญา เป็นฉันทะ แม้กระทั่ง การนั่งสมาธิเอง ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่ ก็มักแล่นไปทาง ความยินดียินร้ายเพราะพื้นนิสัย ที่ติดรักชอบ/หน่ายชัง ที่เป็นสังขารฝ่ายร้าย เมื่อมาปฏิบัติธรรม จึงมักออกอาการเพ่ง อยากสำเร็จ และคิดว่า "นิพพาน" คือ สถานที่ที่จะไปสู่ และทำให้มีอำนาจอย่างฤทธิ์ ที่จะดลบันดาลให้ทุกข์ไม่เกิดอีก จึงพยายาม "บังคับให้จิตว่าง" และวัดประเมินผลกันที่ "ยิ่งคงได้นาน คือ ยิ่งใกล้นิพพาน" หรือไม่ก็วนเวียนอยู่กับ การเห็นการเกิดดับ ของ ความเมื่อยขบ ระหว่างนั่ง เป็นการเห็นไตรลักษณ์ ที่จะคือ ปัญญา คนกลุ่มนี้ จึงมักเพ่งเพียรเข้าออกกับสำนักปฏิบัติ เพื่อหาสุข หนีทุกข์ จากที่บ้านหรือที่ทำงาน แล้ว กลบด้วย การทำสมาธิ.. เป็น หินทับหญ้า อย่างที่ท่านว่าไว้เลยค่ะ อีกอย่างนะคะ คำว่า "ว่าง" อาจหมายให้เข้าใจง่ายในเบื้องต้น ก่อนคำว่า ตัวตน ก็จะคือ "(จิต) ว่างจาก ตัณหา มานะ ทิฏฐิ" ที่เกิดจากการ ไม่เอา (ใจ)ตน เข้าไป รับกระทบ ซึ่ง "สภาวะนั้น" จะคือ นิพพานค่ะ สภาวะนิพพานแบบนี้ อาจเกิดขึ้นอย่างสั้นๆ ก็ได้ ท่านเรียก ตทังคนิพพาน เป็น สภาวะที่จิตเป็นกัมมนีย์ เหมาะแก่การงาน มีความผ่องใส เห็นอะไรก็จะชัดตาม สภาพธรรมของสิ่งนั้นๆ เมื่อฝึกได้จนเป็นพื้นใจ ก็จะเป็นทางสู่ ความเป็น อริยชน ในระดับที่สูงประณีตขึ้นไป จนกว่าจะจบการพัฒนา ที่ความเป็น อรหันต์ ผู้มีสภาวะนิพพานที่เสถียร บริบูรณ์ค่ะ