เช้าวันนี้เรายังอยู่ที่ Zermatt และตื่นเช้าเป็นพิเศษนั่นคือตี 5 นิดๆ เพื่อมาดูพระทิตย์ขึ้นด้านหลัง Matterhorn ตรงจุดชมวิวยอดฮิตที่สะพาน Kirchbrücke Zermatt นั่นเองค่ะ
6 โมงเกือบ 7 โมงเราก็ได้เห็นแสงแรกผ่านยอกเขา Matterhorn สวยโรแมนติกและหนาว สมคำร่ำลือเลยค่ะ
จากนั้นเราก็กลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรม Sarazena Garni แล้วก็เช็คเอ้าเตรียมย้ายเมืองต่อไป
ก่อนจะขึ้นรถไฟเราแวะฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปกับรถไฟสวิตเช่นเดิม ครั้งนี้อีก 2 วันถัดไปเราจะไปรับที่ Luzern และนี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราใช้บริการส่งกระเป๋าข้ามเมือง ค่าส่ง 12 CHF
เล่าเรื่องการเดินทางวันนี้สักหน่อยวันนี้เราจะนั่งรถไฟที่ทุกคนบอกว่าเป็น 1 ใน 3 เส้นทางที่เวลามาเที่ยวสวิตแล้วห้ามพลาด น่าเสียดายที่เราจองอีก 1 เส้นทางไม่ทัน T^T มาค่ะกลับมาที่รถไฟสาย Glacier Express เส้นทางรถไฟสายนี้นอกจากสวยแล้วยังเป็นรถไฟด่วนที่ช้าที่สุดในโลกอีกด้วยนะคะ ฟังดูย้อนแย้งเนอะ ไปลองกันเองค่ะ คนเคยนั่งจะเล่าแค่เล็กน้อยเดี๋ยวไม่ตื่นเต้น 555+
Glacier Express เริ่มต้นที่ Zermatt วิ่งย้อนออกมาทางเดิมของ Matterhorn Gotthard Bahn วิ่งไปทางเมือง Visp ไปทางหุบเขาแม่น้ำโรนผ่านเมือง Brig มุ่งหน้าสู่ Andermatt และ Disentis มุ่งหน้าสู่ เมือง Chur และ St. Moritz และหากนั่งต้นทาง Zermatt ไปยังสถานีปลายทาง St.Moritz ต้องใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง แต่เราจะนั่งไปถึงแค่เมือง Chur ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าๆ
รถไฟสายนี้ต้องจองที่นั่งล่วงหน้านะคะ ใครไม่มี Swiss pass จ่ายราคาเต็มไปเลยค่ะ แต่สำหรับใครที่ใช้ Swiss Pass การจะเข้าไปจองที่นั่งได้ ต้องซื้อ Swiss Pass และมีตัวรหัสบัตรเข้าไปจองนะคะ ถึงจะจ่ายแค่ค่าที่นั่งได้ วิธีการจองก็เข้าไปในเว็บ glacierexpress.ch ได้เลยค่ะ เช็ควันเวลาที่ว่างได้เลย ต้องรีบเข้าไปจองล่วงหน้านะคะ ที่นั่งเต็มเร็วมาก สำหรับเราจ่ายไปคนล่ะ 49 CHF
รถไฟออกจาก Zermatt 08.52 แต่รถมาจอดรอเราก่อนเวลาออกนานพอสมควรเลยค่ะ งั้นไปก่อนเวลาได้เลยค่ะจะได้ชิลๆ
บ่าย 2 กว่าๆ เราก็ถึงเมือง Chur, Chur เมืองที่เก่าแก่ที่สุดใน Switzerland เมืองเก่าริมแม่นำไรน์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5000 ปี แต่ก่อนเมืองนี้เป็นรัฐอิสระ แล้วเพิ่งเข้ารวมรัฐในศตวรรษที่ 16 หลายคนอาจจะไม่รู้จักแต่ถ้าใครพอจะนั่งรถไฟสายโรแมนติกแล้วนั้นที่นี่คือจดุเชื่อมต่อสายรถไฟสาย Glacier Express และ Bernina Express ที่วิ่งไปถึง Tirano อิตาลีนั่นเอง แต่น่าเสียดายที่เราจองรถไฟสายนี้ไม่ทัน ที่จองทันก็คือไปถึง Tirano และจองบัสที่ไป Lugano ต่อไม่ได้ เลยได้แต่เสียใจ ใครได้มีโอกาสนั่งมาเล่าให้เราฟังบ้างนะ ... www.rhb.ch/en/...
ลงรถไฟเราก็เดินไปเช็คอินโรงแรม คืนนี้เรานอนที่ Chur 1 คืนและเลือกพักที่ Central Hotel Post Chur ซึงไม่ไกลจากสถานีรถไฟเลย ออกจากสถานีรถไฟ เดินตรงถนนเส้นหลักของเมือง Chur ก็ถึงแล้ว คนต้องรับน่ารักมาก พอรู้ว่าเรามาจากไทย เค้าก็บอกเราว่าเค้ามีเพื่อนอยู่ที่ไทยนะ ฟังแค่นี้ก็อุ่นใจแล้วเหมือนเจอเพื่อน 555 ทางเข้าโรงแรมจะอยู่ด้านหลัง ใครเลือกที่นี่เหมือนเราอย่าเผลอเดินเข้าไปเช็คอินที่ร้านขายเสื้อนะคะ 55+ โรงแรมดีเลยคะ อาหารเช้าอร่อยมีเมนูให้เลือกเยอะอยู่นะ วันที่เราไปไม่เหงาเลยลูกค้าโรงแรมแน่นๆเลยค่ะ
จัดแจงเช็คอินเสร็จ เราก็ออกมาเดินสำรวจเมืองคูร์กัน เมืองนี้เล็กๆน่ารัก แต่ก็มีทุกอย่างครบนะ เราเริ่มเดินย้อนกลับไปทางสถานีรถไฟ แวะเข้าไปเดินเล่นในห้าง MANOR ได้ความว่าสายช้อปปิ้ง Happy แน่นอน ส่วนพวกเราถนัดดู ก็มีความสนุกอีกแบบ ตื่นตาตื่นใจดีค่ะ
จากนั้นเราก็ออกเดินเล่นเที่ยวเมืองไปเรื่อยๆ ผ่านโรงแรมที่เราพักมาตามถนน Poststrasse ผ่านอาคารศาลาว่าการเมือง ถือเป็นจุด Check in อีก 1 จุดได้เลยค่ะ เพราะเป็นอาคารที่มีสีสันสวยงาม ประดับด้วยธงประจำรัฐและธงสวิต คลาสสิกมากๆ เลยค่ะ
เดินไปเรื่อยๆ จนถึง Arcas Square จัตุรัสอาคัส ตามรีวิวมาบอกวันเสาร์ - อาทิตย์ที่นี่จะคึกคักมาก แต่วันที่เรามาคือวันจันทร์ก็จะเหงานิดหน่อย แต่ก็ถือว่าได้ถ่ายรูปสวยๆ ไม่มีคนบังอาคารสวยๆดีค่ะ
เดินไปที่ถนน Ob. Gasse เพื่อชมป้อมซุ้มประตูเมืองเก่า Obertor tower ที่อยู่มาตั้งแต่ยุคกลางจนถึงปัจจุบัน และตรงโค้งประตูจะมีภาพเขียนเก่าแก่ของเมืองที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 อย่าลืมเงยดูนะ 55 จริงๆ ก็โดดเด่น ยังไงก็เห็นค่ะ และตรงกำแพงประตูก็มีภาพวาดคู่แม่ลูกน่ารักให้เราได้ถ่ายรูปคู่ด้วย ว่าไปเมืองคูร์นี่ถ่ายรูปเพลินมากเลยค่ะ
จากซุ้มประตูเราเดินลอดไปด้านหลังและข้ามไปเดินเล่นริมคลองที่ไหลมาจากแม่น้ำไรน์ วิวดี อากาศดี ความสุขเลยเกิดขึ้นง่ายๆ เดินเล่นสักพักเราก็กลับเข้าไปเดินย่านเมืองเก่าต่อ เดินไปที่โบสถ์มาติน St.Martin’s Church ที่นี่เป็นอาคารสไตล์โกธิกตอนปลายที่ใหญ่ที่สุดใน Graubueden ภายในโบสถ์จะบอกเล่าเรืองราวของวันคริสมาส เราเปิดประตูเข้าไปด้านใน ดูสงบดีมากๆเลย ด้วยความเกรงใจคนที่มาสวดมนต์เราเลยรีบเดินออก ด้านหน้าจะมีน้ำพุ และเมืองจำลองเล็กๆของเมือง Chur อยู่ด้วย
เดินขึ้นไปอีกหน่อยก็มีโบสถ์อีกแห่ง Cathedral of Saint Mary of the Assumption ประตูทางเข้าดูขรึมๆ จนเราไม่กล้าเข้า พอมีคนเปิดเข้าไป เราเลยขอตามบ้าง พอเข้าไปด้านในคือว้าวมาก เป็นโบสถ์เล็กๆ ที่สวยงามอีกแห่ง ใครไปเที่ยวเมืองนี้อย่าลืมแวะเข้าไปชมด้านในนะคะ โบสถ์นี้มีความเก่าแกกว่า 800 ปีเลยค่ะ
เราเดินอ้อมไปด้านหลังโบสถ์เพื่อขึ้นไปชมวิวเมือง Chur ที่หลายๆ คนบอกว่ามาทีนี่อย่าลืมขึ้นชมวิวนั่นคือ ที่อยู่บริเวณ Haldenhüttli เดินขึ้นบนเนินไปบนถนน Arosastrasse จะได้เห็นภาพเมือง Chur แบบพาโนราม่าและไร่องุ่น การจะชมวิวให้สวยคือรอพระอาทิตย์ตก แต่ช่วงที่เราไปพระอาทิตย์ตกช้ามาก เราจึงได้มาแค่ชมวิวเมืองตอนแสงจ้าๆ ก็สวยไปอีกแบบนะ 555
..............................................
ดูภาพบรรยากาศความสนุกได้ที่ Facebook : / journeybyak
16 окт 2024