เมื่อเราเริ่มสร้างเว็บไซต์ด้วย wordpress เป็นแล้วสักระยะหนึ่ง คำถามที่จะตามมาอันดับแรกเลย ก็คือ จะซื้อ ธีมไหนดี สำหรับสร้างเว็บไซต์ของเรา เรามาลองดูกันเลยดีกว่าว่า Wordpress Theme นั้นมีกี่แบบ แล้วเราจะเลือกอย่างไรดี
ก่อนอื่นลองมาดูคำศัพท์คำนี้ครับ หลายท่านอาจจะเคยได้ยินว่า ให้ใช้ Premium Theme ? จริงๆแล้วมันก็คือ Theme เสียตังครับ เป็นธีมที่ผู้พัฒนาขายให้เราเอามาใช้ ซึ่งจะตรงกันข้ามกับ Free Theme นั่นเอง
แบบที่ 1 ธีมรวมฮิต หรือ Integration Theme
ถ้าเคยเข้าไปดูในเว็บไซต์ขายธีม อันโด่งดัง ภาษาไทยเราเรียกว่า ป่าแห่งธีม (themeforest.net) ธีมที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 หรือ 2 หรือไปถึง 10 จะเป็นธีมประเภท ธีมรวมฮิตครับ โดยธีมรวมฮิตนี้ ส่วนมากจะติด Tag ว่าเป็นธีม อเนกประสงค์ หรือ multi-purpose ธีมครับ หรือก็คือธีมที่เอาไว้ทำเว็บอะไรก็ได้นั่นเอง
หลักการของธีมเหล่านี้ จะแถม Plugins ที่เรียกว่า Page Builder มา เอาไว้จัด Layout ของหน้าให้เป็นแบบไหนก็ได้ตามต้องการ (แต่กว่าจะจัดได้ตามต้องการก็ต้องอาศัย เวลาเรียนรู้ที่มากหน่อย) แถมมาเพื่อให้เราสร้างหน้าเป็นอะไรก็ได้ แล้วธีมเค้าก็จะเขียนโปรแกรมเสริมให้กับเจ้า Page Builder ตัวนี้อีกทีหนึ่ง Page Builder ที่แถมส่วนมากจะเป็นยี่ห้อ Visual Composer ครับซึ่งแพร่หลายใช้กันทั่วโลก แต่ก็ยังมียี่ห้ออื่นอย่างเช่น Corner Stone ที่ยอดเยี่ยมเช่นกันครับ
เท่านั้นยังไม่พอ ตัวเลือกการปรับแต่งของธีมรวมฮิตเหล่านี้ ยังมีมากมายก่ายกองเป็นร้อย เพื่อให้เราปรับเว็บไวซต์ของเราได้ตามต้องการ
ข้อดี สำหรับธีมรวมฮิตก็คือ เราสร้างเว็บไซต์ ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะแบบไหนครับ เพราะเค้ามีให้ทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ ความสวยงามก็ใช้ได้เลย
ข้อเสีย
ตัวเลือกที่มาก และ Page Builder นั้น ไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้นทำเว็บอย่างมากครับ เพราะว่า เราจะต้องใช้เวลามากพอสมควรที่จะศึกษาสิ่งเหล่านี้ แนะนำว่าเราควรจะมีประสบการณ์สักหน่อย ก่อนที่จะมาใช้ธีมรวมฮิตครับ
ข้อเสียอีกข้อหนึ่งก็คือ ถ้าเราคิดจะเปลี่ยนธีมขึ้นมา ของที่เราสร้างไปแล้วโดยใช้ Plugin ที่รวมมิตรมาด้วย ก็จะมีสามตัวเลือกครับ 1 คือ ต้องไปซื้อ Plugin เหล่านั้น มาใช้กับ ธีมใหม่ 2 คือ ซื้อธีมใหม่ ที่มี Plugin ที่เราจะใช้ และ 3 คือ ทำเว็บใหม่ โดยอิงกับธีมใหม่เลย ซึ่งข้อที่ 3 นี่เราจะเหนื่อยแน่ๆครับ
ต้องจ่ายเงินแน่ๆ
แบบที่ 2 ธีมมาตรฐาน หรือ Standard Theme
ธีมประเภทนี้ เป็นเสมือนเสื้อผ้าจริงๆ ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนธีม ก็ไม่มีผลกระทบกับเนื้อหาของเรา และธีมประเภทนี้ เป็นธีมที่ใช้งานและปรับแต่งได้ง่าย ไม่ซับซ้อนมากเท่าธีมรวมฮิต สำหรับมือใหม่ ผมมักจะแนะนำธีมประเภทนี้มากกว่า แล้วถ้าอยากจะจัดโครงหน้าของเว็บไซต์ แบบแปลกๆ เราก็สามารถหา Plugin Page Builder มาเสริมได้เช่นกัน เป็นการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป
ธีมประเภทนี้ มีทั้งฟรี และ Premium ครับ ธีมแบบฟรีเอง ก็มีธีมสวยๆให้เราใช้งานอยู่พอสมควรครับ ตอนสมัยผมทำเว็บไซต์แรกๆ ก็ใช้ธีมฟรี มานานพอสมควรเลยครับ ก่อนที่จะเริ่มซื้อ และทำเองในเวลาต่อมาอีกหลายปี
ข้อดี
ปรับแต่งง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะเรียนรู้ได้เร็ว
มีตัวเลือกทั้งฟรี และ Premium
เนื่องจาก ธีมมีตัวเลือก และความซับซ้อนไม่มาก เว็บเราก็จะโหลดเร็วตามไปด้วย
การเปลี่ยนธีม ไม่มีผลกระทบกับเนื้อหา เท่ากับ การเปลี่ยนธีมแบบ ธีมรวมฮิต
ข้อเสีย
รูปแบบ Standard Theme จะเป็นรูปแบบที่ตายตัว มากับธีมเลย อาจจะไม่ได้ดังใจเราไปทุกเรื่อง
ถ้าจะปรับแต่งแบบที่เราอยากได้จริงๆ อาจจะต้องเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ไขบางส่วน ฟังแบบนี้ดูน่ากลัว แต่บางทีเราก็พอเพียง เอาเท่าที่ธีมมีก็โอเคครับ
เรารู้จักประเภทของธีมกันไปแล้วนะครับ ต่อมาเรามาดูวิธีเลือกซื้อกันบ้างว่า จะเลือกซื้อกันอย่างไร สำหรับวิธีการหาธีมฟรี ผมได้พูดถึงในวีดีโอที่แล้ว แล้วนะครับ
วิธีเลือกซื้อ
1) ซื้อเป็นรายธีม หรือซื้อทีละธีม
แบบนี้เราก็ต้องไปที่ตลาดขายธีม เพื่อเลือกซื้อครับ ในโลกนี้ก็จะมี themeforest.net ครับ แล้วก็ตลาดของคนไทยที่กำลังจะเปิดตัวก็คือ seed themes นั่นเองครับ
สำหรับ themeforest.net เราก็สามารถดูไปทีละหมวดหมู่ได้เลย
ถ้าเลือก Popular Items ธีมที่เราเจอส่วนมาก ก็จะเป็นกลุ่ม Multi Purpose Theme ซะส่วนมากครับ และ สิ่งเราควรจะต้องพิจารณาต่อก็คือ
1) ธีมนี้ขายมานานเท่าไรแล้ว
2) ธีมนี้อัพเดทครั้งล่าสุดเท่าไร
3) ผู้ใช้รีวิวเป็นอย่างไร
4) ธีมนี้เป็นธีมรวมฮิต หรือ ธีมมาตรฐาน โดยใช้ข้อสังเกตุ ตามที่ผมได้เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ครับ
แบบต่อมานะครับ
2) สมาชิกธีม หรือ Theme Club
การเลือกซื้อธีมกลุ่มนี้ บริษัทจะให้เราเป็นสมาชิกของบริษัทก่อน แล้วเราจะเลือกใช้ธีมไหนก็ได้ สามารถอัพเดทธีมได้ภายในระยะเวลาสมาชิก เช่น 1 ปี แต่ถ้าเกิน 1 ปีไปแล้วเราก็ยังสามารถใช้ ธีมนั้นได้อยู่ แต่จะไม่ได้อัพเดทเท่านั้นเอง เป็นต้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้ เค้าจะมีหลายธีมให้เราเลือกใช้อย่างมากครับ เหมาะสำหรับคนที่ รับทำเว็บไซต์ อย่างมากเลยทีเดียว
แต่ !!! อยากใส่เครื่องหมายตกใจสักสามตัว เราก็ต้องเลือกบริษัท ที่น่าเชื่อถือครับ เพราะ Theme Club บางแห่ง ได้เงินสมาชิกมาแล้วก็เผ่นหนีไปเลยก็มีครับ สำหรับ ค่ายธีมที่ผมมองว่าเชื่อถือได้ของต่างประเทศก็จะมีสองค่ายคือ studiopress เจ้าของ Genesis Theme กับ eleganttheme เจ้าของ Divi Theme อันโด่งดังนั่นเองครับ
สรุป
เราก็ได้เรียนรู้แล้วนะครับว่า ธีมมีกี่ประเภท แล้ว เราจะเลือกซื้ออย่างไรนะครับ
ติดตามเราได้ที่
=============================================
facebook : / palamike.web
RU-vid : / @palamike
Website : palamike.com
Line : @palamike
=============================================
23 окт 2024