จิตมีความเร็วกว่าแสง? | พิสูจน์กระแสจิตในวิธีอื่นๆ | ไร้กาลเวลาและระยะทาง 

ยากมากที่นักวิทย์จะเข้าใจเพราะเขาอาศัยรูปเป็นหลักแต่จิตไม่มีรูปให้จับต้องได้

@@Alone-xw4br ใช่ครับ ในทางวิทยาศาสตร์ ไม่นิยาม จิต วิทยาศาสตร์ ศึกษา สสารและพลังงาน ซึ่ง ในศาสนาพุทธ สสารและพลังงาน คือ รูป ไม่ใช่ จิต สิ่งที่มีอยู่จริง ในทางศาสนาพุทธ มี4 อย่าง รูป จิต เจตสิก นิพพาน แต่วิทยาศาสตร์ศึกษาได้แค่ รูป เท่านั้นนั่นคือ สสารและพลังงาน

นี่แหละคำอธิบายของผู้รู้จริง ขอชอบคุณ

อาจจะศึกษาได้ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้

@@manam8322 ในทางวิทยาศาสตร์ทราบเรื่องจิตมานานแล้ว แต่จิตใช้ในทางการค้าไม่ได้เพราะจิตเป็นเรื่องส่วนบุคคลหรืออนัตตา ถ้าพัฒนาค้นคว้า โทรศัพท์ รถต่างๆ เครื่องบิน ความเจริญทางวัตถุจะไม่มี และสำคัญสงครามจะเกิดยาก อาวุธจะขายไม่ได้ ทางตะวันตกมีที่ดินมากแต่เพาะปลูกได้น้อยจึงขาดแขลน จึงเน้นขายเทคโนโลยี ส่วนจิตถ้าทุกคนพัฒนาจนมีกำลังสิ่งที่เขียนมาข้างบนทุกคนบนโลกจะไม่ต้องการ เพราะการมีตัวตนช่วงเวลาหนึ่งต้องการแค่อาหารกับอากาศเท่านั้น(จงตรวจคำตอบ) 🙏🏻

ออกไปนอกโลกก็ตายแล้วมนุษย์

คนไม่มีวิญญาณ เหมือนคนมีกระเป๋าแต่ไม่มีกะตัง ตัวซื้อขายแลกเปลี่ยนอยู่ที่ตังในกระเป๋า ไม่ใช่อยู่ที่กระเป๋า คนดำเนินชีวิตด้วยคุณค่าของจิตใจที่มีอยู่ภายในเป็นหลัก ซึ่งถ้าจิตใจภายในไม่มีก็ไร้ค่าเปรียบเสมือนซากศพที่เดินได้เท่านั้น จิตวิญญาณจึงมีนะครับ แต่จะเชื่อว่ามีแบบเป็นอมตะหรือมีแค่ชั่วคราวเมื่อคนยังมีชีวิต ก็เท่านั้น

จิตวิญญาณคือกะตังที่ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยน ทุกวันนี้เราเอาจิตวิญญาณของเราไปทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับสิ่งต่างๆ การมีวัตถุเข้ามาแทนที่จิตวิญญาณในตัวเราจึงมีมากขึ้น จิตวิญญาณในตัวเราจึงเริ่มที่จะมีความแข็งกระด้างขึ้นมาเรื่อยๆตามอำนาจของส่วนผสมที่เป็นวัตถุในใจเรา

เม้นนี้ลึกซึ้ง

จิตอยู่ในทุกส่วนของร่างกาย 🙏🏻

แต่ละคนก็นำความเห็นของเขามานำเสนอ แลกเปลี่ยนกัน ด้วยความสุภาพ มาบอกว่ารำคาญ เป็นการไม่ให้เกียรติกันครับ

@@putthhaawongputthhaawong925 ถ้าแค่นั้นผมก็คงไม่หงุดหงิดหรอกครับ

รู้จักภาพเบลอไหมครับ คนผู้นั้นเขามีบุญเขาเลยเห็นแต่เขาไม่เข้าใจ ผมก็มีบารมีเยอะ ผมก็เห็น และผมเข้าใจ แต่ มันเป็นภาพเบลอ เพราะจิตวิญญาณสำพันกันเคยเกิดในภพภูมิเทวดา คุณแค่จิตนึกให้อยู่ตรงนั้นตลอดไม่ได้ คือคุณไม่มีบารมีครับ เพราะคุณอยู่ในที่มืด ทนทุกข์ทรมานมา และบารมีก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณพิมไว้ข้างต้นครับ ชาติหน้าเกิดมาก็เป็นแบบนี้อีกนะครับ กรรมเยอะนะท่านหน่ะ ระวังกรรมจะเพิ่มนะ เก่งแต่ไม่รู้จักสมองให้เป็นประโยชน์ นรกมีจริงนะ ไม่เชื่อ ลบหลู่ได้เดียวมีบางอย่างไปเยือนในฝัน😊

โง่กันต่อไปนะ อย่าเพิ่งรีบตายละดักดานจนแก่ไปเลย ชาติหน้าจะได้ เกิดมาโง่จนตายกรรมบังหน้าไปเรื่อยๆ รู้จักแต่ตัวเองอย่าไปหวังรู้จักอย่างอื่น จิตใจมันต่ำตม โง่ก็ควรอยู่ที่มืดๆของมึงคนเดียว อย่าเสือกพาคนอื่นเขาหลง อยู่กับกรรมทั้งชาติ เจ็บปวดไปทั้งชาติเถอะคนอย่างมึง ตายมาเดียวรู้อะไรคืออะไร

@@TK25669 นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้น่ารำคาญ อยู่ดีๆ มาหาว่าเขาไม่มีบุญ เป็นคนไม่ดี รู้จักกันหรือก็เปล่า ผมไม่ค้านนะ อยากทำก็ทำ แต่วสำหรับผมมันพิสูจน์ไม่ได้ตามที่อธิบายด้านบน ถ้าผมจะทำสมาธิก็ไม่ได้ทำเพื่อจะไปดูดาวอังคาร ผมทำด้วยวัตถุประสงค์อื่น หรือต่อให้เห็น ผมก็ไม่คิดว่าเป็นการเดินทางไปที่ดาวอังคารจริง สิ่งที่เห็นไม่รู้ว่าคืออะไร อยู่ที่ไหน ให้นักวิทยาศาสตร์เขาทำหน้าที่ไปเถอะ ช้าหน่อย แต่มันพิสูจน์ได้และเป็นของจริง

ลบ

ที่มีคนเห็นยานบินต่างดาวเคยบอกว่า เคลื่อนไหวได้อิสระถึงกับหายตัววับไปเพราะเขาอาจใช้จิตระดับสูงคุมเทคโนโลยียานบินของเขาก็เป็นได้ ส่วนมนุษย์เราก็สามารถฝึกได้ แต่กายเนื้อ ความคิดของสมองเรามักไม่นิ่งฟุ้งซ่าน จึงเป็นระดับพลังงานลบๆทำให้เข้าถึงเรื่องนี้ได้น้อยคนมากๆ จะมีแต่นักจิตวิญญาณระดับอ๋องเท่านั้น 😑

@@หน้าหวานกร้านโลก คือ

ลบเพื่อ ความคิดไม่มีผิดมีถูก ที่เขาโพสมาก็เป็นแนวคิดอย่างนึง ดีกว่าคนไม่มีแนวคิดอะไรเลยนะ ถึงว่าประเทศไม่ค่อยพัฒนาเพราะคนส่วนใหญ่ด่อยค่ากันเอง

ตถาคต บอกไว้หมดแล้วนะแค่ต้องศึกษา

ปล. ที่กล่าวไปข้างต้นคือความคิดส่วนตัวของผมครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นผมเชื่อสุดใจว่า คิดดีพูดดีทำดี มันจะดีกับตัวเรา ถึงคุณมีอำนาจล้นฟ้าแต่ทำชั่ว กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ แต่..ทุกคนหนีกฎแห่งกรรมไม่ได้ เพราะทุกคนโกหกจิตใต้สำนึกของตัวเองไม่ได้

@@ขุดมันขึ้นมาฝัง-ษ8ง คุุณมีความเชื่อส่วนตัวที่ดี ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถึงมีอำนาจล้นฟ้า วันหนึ่งถ้าตายก็ต้องได้รับกรรมดีกรรมชั่วที่ทำไว้ แต่เมื่อขณะจิตออกจากร่าง ถ้าจิตคิดดีก็ไปอยู่ที่ดี ถ้าจิตคิดชั่วก็ไปอยู่ที่ชั่ว แต่อยู่ชั่วคราวเหมือนกันหมด ตอนนี้ฮิตเลอร์เป็นเทวดา ทั้งที่ทำชั่วไว้มาก สั่งฆ่าคนยิวเป็นล้านอย่างเลือดเย็น ต้องการล้างเผ่าพันธุเลย เพื่อ ครองยุโรปเพื่อสนองตัณหาความอยากเป็นเจ้าโลก แต่ขณะจิตออกจากร่างดันคิดปลง อารมย์จึงสงบลง คิดถึงความดีเล็กๆน้อยๆที่ทำไว้ จิตจึงไปอยู่ในที่ดีก่อน พอหมดบุญ ก็ต้องตกนรกอยู่ดี แต่ซัดดำไม่ขึ้นสวรรค์ จิตเขาขุ่นมัวมาก คิดเคียดแค้น อยากฆ่าคนตลอด ตอนนี้ตกนรกอยู่.

@คลิป-รีเวิร์ส จักรวาลไม่เปลี่ยนครับ มันเกิดมานานแสนนาน สิ่งที่เจมเวปเห็น มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นนานแล้วนับล้านล้านปีแสง เราเพึ่งเห็นมัน, สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ กว่าจะได้เห็นมัน ก็ต้องอีกล้านๆปีแสง สิ่งที่เปลี่ยนคือกฏฟิสิก ที่นักวิทยาศาสตร์เขาได้ค้นพบสิ่งใหม่แล้วกฏฟิสิกอธิบายไม่ได้ แต่สิ่งใหม่นั้นมันก็อยู่ของมันมานับล้านๆปีแสงแล้ว มันไม่เปลี่ยนอะไรมานับล้านๆปีแสงแล้ว.

วัดยังไงครับ ถ้าวัดได้ก็ต้องบอกได้ว่าจิตคืออะไร เป็นคลื่นหรือเป็นอนุภาค ใช้เครื่องมืออะไรวัด เครื่องมือนั้นรับรู้การเดินทางของจิตได้ยังไง ทำไมไม่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ เพราะนี่คือความรู้ใหม่เลยนะครับ ฟังแค่นี้คุณก็เชื่อแล้วเหรอ

ผมก็ศรัทธาศาสนานะครับ แต่เมนต์คุณกาวไปหน่อย

คือความเร็วจิตนี่คืออะไร จิตเดินทางเหรอครับ หรือ ความเร็วในการสื่อสาร

อันนี้ผมคอมเม้นก่อนจะฟังนะครับ

จิตก็คือตัวตนของเราครับ คือตัวตนที่แท้จริงครับ เราคือจิต จิตคือเราครับ เรามาสิงอยู่ในธาตุทั้ง4ครับ คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ(ความร้อน)ครับ เรามาจากที่ไกลโพ้นครับ มาด้วยอำนาจกรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติที่นับไม่ถ้วนครับ ธาตุทั้ง4เป็นของดาวโลกดวงนี้ครับ ไม่ใช่ของเราครับ ถ้าร่างกายพัง เราก็สิงอยู่ไม่ได้ ต้องคืนธาตุทั้ง4ของดาวดวงนี้เขาไปครับ แล้วเราซึ่งก็คือจิต คือสิ่งมีชีวิตที่แท้จริง ก็ต้องไปหาร่างใหม่อยู่ครับ ด้วยอำนาจกรรมดี และกรรมชั่ว ส่งไปให้ครับ

@@putthhaawongputthhaawong925 ธาตุบนโลกตามธรรมชาติมี92ธาตุนะครับ

@@sittisakass8798 มี113ธาตุครับ แต่ร่างกายคนและสัตว์ใช้แค่4ธาตุมาประกอบกันครับ

คนไม่เชื่อมี แล้วก็จะอ้างด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ

แล้วจิตไปดาว A จริงหรือเปล่า

มันก็ใช่ไม่ได้เดินทางแบบแสง แต่จิต พฤติกรรมมันเหมือน Quantum เกิด ดับ อยู่ที่เดียว อยู่สองที่ อยู่หลายที่ ได้ในเวลาเดียวกัน

@@wd4409 ผมตอบตามคำถามนะท่าน ส่วนที่ท่านถามผมขอตอบว่าจริงครับ ในทางศาสนาพุทธ จิตหรือวิญญาณ ไม่ได้หมายถึงตัวตนเราหลังความตายนะ จิตเป็นแค่ธรรมชาติอันหนึ่งแค่นั้น ธรรมชาติของจิตคือเกิดดับ จิตจะเกิดได้มาจากความคิด ถ้าไม่มีความรู้สึกนึกคิดก็ไม่มีจิต ยกตัวอย่างคือ ต้นไม้ก็มีชีวิตแต่ไม่มีจิต คอมพิวเตอร์สมองกลมีการประมวลผล หรืออนาคตหุ่นที่ใกล้คน พวกนี้มีสมองประมวลผลแต่ไม่มีความรู้สึกนึกคิดจึงไม่มีจิต ต่อจากตรงนี้ลองไปหาในgoogleดูนะท่าน ^__^

@@manuswong3119 ท่านบอกว่า "จิตจะเกิดได้มาจากความคิด" คำถามก็คือความคิดเกิดจากสมอง แล้วอย่างนี้ จิตจะไปดาว A อย่างที่ท่านอ้างได้อย่างไร

@@wd4409 ผมอาจจะใช้คำผิดไม่อยากให้คำมันออกไปทางพระมากเลยใช้ความว่า ความรู้สึกนึกคิด หรือ คิด ผมขอเปลี่ยนเป็นคำว่า มโน ละกันนะครับเป็นคำที่ตรงกับพระท่านสอน คำว่า คิด ถ้ามองในทางกายภายอาจจะหมายถึงสมอง แต่ผมไม่ได้หมายถึงสมองอย่างเดียวนะครับ ผมเลยใช้คำว่าความรู้สึกนึกคิดบางครั้งเพื่อให้ไม่เป็นคำพระมากไป ถ้ารายละเอียด ลองไปค้นหาในคำว่า จิต มโน วิญญาณ เอาละกันครับมันยาว แต่ถ้าตอบคำถามเม้นล่าสุดของท่านผมตอบสั้นว่า " เกิด " ครับ

ใช่ครับ แต่เวลาที่กำลังคิดนั้นคือปัจจุบัน

เมื่อถึงเวลานั้น โลกก็จะแตกสลาย

ผมทริปเห็ดไปรู้จักจิตเลย

แล้ว ธาตุรู้ หายไปไหนครับ.

จิตคือตัวตนที่แท้จริงของเราครับ เราคือจิต จิตคือเรา เป็นสิ่งมีชีวิตที่มองด้วยตาเนื้อไม่เห็น พวกเราล้วนเป็นจิต เป็นพลังงานชีวิต มาสิงอยู่ในร่างกายที่ไม่มีชีวิต เพราะร่างกายไม่มีชีวิตจึงขยับไม่ได้เพราะเป็นเพียงธาตุทั้ง4ของดาวโลกดวงนี้ คือธาตุดินน้ำลมไฟ(ความร้อน) ถ้าร่างกายพังจิตก็อยู่ไม่ได้ ต้องออกจากร่างกายไป ไปหาร่างใหม่อยู่ตามอำนาจกรรมที่ทำไว้ จิตมีตัวตน แต่มองด้วยตาเนื้อไม่เห็น ต้องใช้จิตมอง จึงจะเห็นจิตด้วยกัน เมื่อเราออกจากร่างแล้วก็เกิดตาที่จิต เกิดหูที่จิต เราจึงเห็นและได้ยินจิตด้วยกัน พวกเราล้วนเป็นจิตที่มีจำนวนนับไม่ถ้วน ดาวดวงไหนมีธาตุ4ที่รวมเป็นร่างได้พวกเราก็ไปสิงไปอยู่ในร่างกายนั้นส่่วนใหญ่ไปอยู่ดาวดวงอื่นหมด จิตไม่ใช่ความนึกคิดครับ จิตเป็นธาตุรู้ เกิดมาพร้อมกับสสาร ตอนเกิดBigBangครับ แล้วพัฒนาขึ้นจนเกิดความเฉลียวฉลาดรู้จักความดีความชั่ว เริ่มมีกิเลส โลภโกรธหลง จนมีธาตุ4เกิดขึ้นแล้วมาสิงอยู่ในร่างกาย.

พวกคุญนั้นแหละคือจิต=สอนกันไม่ถูกไปเรียกว่าวิญญานผมถามคุญว่าคุณไปเรียนิยู่อที่ไหนกันมา

ขันธ์5คือรูป1นาม4ยากไปไหม=รูป​ เวทนา​ สัญญา​ สังขาร​ วิญญาณ​ =รูปร่างกาย​ เวทนาสุขหรือทุกข์​ สัญญาควาามจำได้หมายรู้ สังขารจิตไปปรุงแต่งและวิญญานประสาทสัมผัสเช่าร้อนหนาวเจ็บปวดเป็นต้นแล้วกำลังทำอะไรกันอยู่พวกคุณ​ อายตะนะ6นอก=รูปเสียงกลิ่นรสธรรมมารมณ์ใจ​ 6ในคือตาเห็นอะไรหูได้ยินอะไรจมูกได้กลิ่นอะไรลิ้นรับรสอะไร​จิตเรารับสัมผัสอะไรเช่าแข็งหรือนิ่มเป็นต้น(ระวังเถรใบลานเปล่าลอกลวงเอาระดับปเรียน9ประโยค)​ พวกแม่งโง่เป็นควายยังไปสอนเขาผิดอีกไอ้พวก...

@@mr.nopphadonthanjumrut1885 เยี่ยม

เรื่องจิต น่าสนใจดีครับ

จิตเป็นมโน

ใช่ครับเร็วกว่าแสงจะเรียกว่าไม่มีกาลเวลาสำหรับจิตเลยก็ว่าได้

จิตเป็น"นามธรรม"ครับ ไม่ใช่พลังงาน(รูปธรรม)และจิตก็ไม่ใช่สมอง!ตามที่นักวิทยาศาสตร์(บางคน)เข้าใจด้วย ถูกต้องครับ ที่บอกว่าจิตนั้นควบคุมสมองและจิตก็ทำงานร่วมกับสมอง ขอยืนยันว่า"จิตเร็วกว่าแสง"เช่น เราคิดจะไปกาแลกซี่แอนโดเมด้า ก็ไปได้ทันที(แต่ต้องมีอภิญญา)ในขณะที่แสงใช้เวลาเดินทาง 2.5 ล้านปีแสง!

ต้องเข้าใจคำว่าจิตก่อนครับ เพราะกำลังเข้าใจว่าจิตที่เป็นความนึกคิด หรือความรู้สึก อันนี้มันไม่ใช่ จิต ที่แอด กำลังอธิบายครับ

ฟังจบไหมครับ เข้าใจไหมครับ เค้าอธิบายครับ เค้าไม่ได้บอกให้เชื่อ

จิตก็คือเรา เราก็คือจิต ในอวกาศมีแค่2สิ่งคือกายกับจิต คือรูปธรรมกับนามธรรม ไม่มี3สิ่ง จิตเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีรูปร่างและมองด้วยตาเนื้อไม่เห็นก็คือตัวเราที่แท้จริง ร่างกายเป็นสิ่งไม่มีชีวิตเป็นแค่ธาตุทั้งสี่มารวมกันคือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ(ความร้อน) ร่างกายเคลื่อนไหวไม่ได้ถ้าจิตไม่เข้าไปสิงไม่เข้าไปบังคับ ถ้าร่างกายพังจิตก็ต้องออกจากร่าง สิงอยู่ไม่ได้ ไม่มีเรา, จิต, ร่างกายครับ มีแต่จิตกับร่างกายครับ มีแค่2อย่าง ไม่มี3อย่างครับ

เห็นด้วยกับคอมเม้นครับ จิตไม่มีทางเร็วกว่าแสงได้ มันคือการมโนขึ้น ลองคิดดู ถ้ามนุษย์ ไม่ค้นพบการเดินทางของแสง+ความเร็วของแสง จิตเราก็ไม่สามารถมโนได้ว่าความเร็วแสงคืออะไร สรุปคือ จิตของเราจะมีความมโนได้ก็ต่อเมื่อ จิต+ตัวเรา ได้รับถึงการมีอยู่ของสิ่งนั้น

ผมคิดว่าไม่มีครับ สัญชาติญาณ ปรุงแต่งขึ้นมาส่วนตัวนะ

@@nitipongtai1768 อาจจะ มี หรือไม่มี ไม่แน่ ใจ .

วิญญาณคือการทับซ้อนของพหุจักวาร ( บั๊คของจักรวาล)

ถ้าจิตมีจริง 2,500 ปีมานี้ เขาส่งจิตไปสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์หรือสำรวจพื้นผิวดาวอังคารได้แล้วครับ ไม่ต้องเปลืองงบ ส่ง apollo 11 ไปแน่นอน

@@lekgis ฝรั่งเขาถอดจิตไม่ได้เพราะเขาไม่ได้เรียนฝึกสมาธิแบบชาวพุทธ แบบของพระพุทธเจ้า เขาจึงต้องใช้วัตถุใช้เครื่องมือ. แต่ชาวพุทธที่เอาจริงกับการทำสมาธิขั้นสูง จนจิตมีพลังงานพิเศษก็สามารถไปดาวดวงไหนก็ได้ ไม่ต้องนั่งจรวดไป.

เป็นไปตามตัวส่งเท่าที่รับได้ แต่ไม่ใช่เป็นไปแบบเดียวกันกับตัวส่ง เพราะตัวส่งและตัวรับจะมีเวลาที่ไม่เท่ากันอาจมีปัญหาไวหรือช้ากว่านับเป็นเสี้ยววินาทีไปจนถึงไวกว่าหรือช้ากว่าเป็นล้านๆปีก็ได้และตัวรับก็อาจจะติดปัญหาที่ไวหรือช้ากว่าด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างใกล้ๆเลยก็เช่น การส่งผ่านข้อมูลจากกายไปสู่ใจ มันจะมีค่าที่ช้าไวต่างกันอยู่นิดเดียวจนเราไม่รู้ถึงความต่าง แต่ถ้ามีการทำให้ข้อมูลจากกายไปสู่ใจเดินทางช้าลงหรือทำให้ไม่สามารถส่งข้อมูลไปให้ใจได้เลย กายกับใจจะไม่เป็นแบบเดียวกัน จะมากน้อยขึ้นอยู่กับข้อมูลเท่าที่รับได้นั่นเอง

ru-vid.com/video/%D0%B2%D0%B8%D0%B4%D0%B5%D0%BE-xGUYKDp_Tig.html

ทีมอ่านเม้นเช่นกันคับ​ 😅

ปักหมุดและปูเสื่อออออ 😅

เมาๆ สมองอยู่ไหน

สรุปคือคุณมีพื้นฐานอยู่กับความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นนั่นแหละ แต่เปลี่ยนรูปความเชื่อมาเป็นเชื่อว่ามี ชีวิตนอกโลก

วิญญาณ ผี จิต ณาณทิพย์ มีจริงครับ

นักบินอวกาศที่อยู่นอกโลกก็ถือเป็นชีวิตนอกโลก คุณถูก

พิสูจน์?

ใช่

นามธรรมไม่ได้แปลว่าชื่อ นามธรรมคือสิ่งที่สัมผัสไม่ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง5(อายะตนะ) แต่สัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสที่6 คือจิต. จิตเป็นนามธรรม จิตเป็นกายทืพย์ จิตเป็นพลังงาน. จิตเป็นธาตุรู้ จิตคือเรา จิตมีตัวตน(แต่ตาเนื้อทองไม่เห็น) เราคือจิต จิตคือตัวเรา มาสิงในกายเนื้อในธาตุ4ของดาวโลกดวงนี้ ดาวดวงไหนมีธาตุ4มีดินน้ำลมไฟ(ความร้อน)เหมาะสม ก็จะมีกายเนื้อเกิดขึ้น แล้วดวงจิตธาตุรู้ก็จะไปสิงอยู่ เป็นธรรมชาติ ในทุกดวงดาว

ขอถามหน่อยครับ เหตุการณ์ต่างๆในจักรวาลที่ผ่านมาในอดีต มีการบันทึกไว้ ตามธรรมชาติไหมครับ(เหมือนเราถ่ายคลิปเก็บไว้ )ถ้ามี แล้วมันถูกเก็บไว้ที่ไหน? ของเอกภพ(เหมือนเรามีคลิปของคนทั้งโลก ถูกเก็บไว้ในyoutubeที่เดียว)ถ้าไม่มีการบันทึกไว้ เหตุการณ์ต่างๆมันจะสลายหายไปไหมครับ? เหมือนน้ำหอมที่เราฉีดไว้ จะอยู่ชั่วขณะหนึ่ง กลิ่นก็จะหายไป

@@user-uq5nh7tp7r ก่อนจะทำความเข้าใจกับคำตอบของคำถามของคุณเองนั้น คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าความจริงของกาลเวลาในเอกภพ ณ เวลานี้นั้น ( เวลาของเอกภพนะครับ ไม่ใช่เวลาของคุณ หรือเวลาของโลก หรือเวลาของระบบสุริยะ หรือเวลาของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก ฯลฯ ) เวลาของเอกภพมันไปถึงจุดที่ไม่มีการเคลื่อนที่เคลื่อนไหวใดๆอีกแล้ว มันไม่มีอดีต อนาคต ปัจจุบันแล้ว เหตุการณ์ทั้งหมดทั้งสิ้นของเอกภพอยู่ในสถานะที่เป็นเพีบงจุดๆเดียวเท่านั้นสำหรับตัวของเอกภพเอง จึงส่งผลให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้สภาวะดังกล่าวของเอกภพ อยู่ในสภาพเหมือนถูกบันทึกไว้ภายใต้สภาวะเวลาของตัวเองที่ยังคงเคลื่อนที่อยู่ โดยเคลื่อนที่ไปบนเนื้อเวลาของเอกภพที่บันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปแล้วและกำลังอยู่ในสภาพที่หยุดนิ่งไปแล้วของเอกภพ ทุกอย่างจึงกลายสภาพไปเป็นข้อมูลที่อยู่บนแผ่นจานของมิติเวลาในห้วงเวลาต่างๆของเอกภพที่หยุดนิ่งไปแล้วที่ตอนนี้ไร้หัวไร้ท้ายไร้ตำแหน่งใดๆที่จะบ่งบอกได้ว่าพื้นที่ตรงไหนคือ อดีต ตรงไหน คือ ปัจจุบัน และตรงไหนคืออนาคตของเอกภพ ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับเข็มแปลข้อมูลของสรรพสิ่ง ( การตกสัมผัสเพื่อเล่นข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งก็คือการมาเกิดขึ้น ของสรรพสิ่งด้วยข้อมูลเหล่านั้น ) ที่กำหนดตัวเองขึ้นมายังตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในเอกภพ แล้ววัดวาระของการแสดงข้อมูลตัวตนของตนเองว่า มีระยะเวลาเท่าไหร่ มีตรงไหนคืออดีต ตรงไหนคือปัจจุบัน และตรงไหนคืออนาคต

@@user-uq5nh7tp7r ซึ่งแน่นอนครับสำหรับคุณ ผม หรือโลก หรือจักรวาล มิติความไวที่ คุณ ผม หรือโลก หรือจักรวาล มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะเก็บรักษาอำนาจตัวตนของทุกๆห้วงเวลาของตนเองไว้ได้ ดังนั้นทุกซีนทุกช๊อตของตัวตนของคุณหรือของตัวตนของธรรมชาติที่ห้อมล้อมคุณอยู่จึงอาศัยยืมข้อมูลตัวตนมาจากอำนาจความไวที่ไปถึงจุดแห่งความไม่ตายของเอกภพ ต้องไวขนาดไหนหรือ ? ก็ไม่ไวมากหรอกครับ แค่หนึ่งในล้านของล้านของล้านของเสี้ยวของวินาทีเอกภพก็สร้างพื้นที่ขยายตัวออกไปจนสุดทางของมันที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ของมันแล้ว นั่นแหละครับความไวระดับนั้น ดังนั้นที่คุณเห็นเอกภพกำลังขยายตัวอยู่นี้ที่จริงคือคุณยังแค่เพิ่งเห็นได้แค่อดีตของมันผ่านความไวของแสงที่เป็นตัวใช้อ้างอิงข้อมูลของมันเท่านั้นเอง ขนาดแสงยังไวได้แค่อดีตของมันคุณก็คิดดูเอาก็แล้วกัน

@ชิตัง เม ชิตัง เม⚡ ความไวระดับที่สามารถหลอมรวมเวลาได้ ที่มนุษย์และสรรพสิ่งรู้จักอยู่ในเวลานี้ก็คือความไวของสิ่งที่เราเรียกมันว่าปรากฏการณ์ปัจจุบัน แต่ปรากฏการณ์ปัจจุบันของเราและสรรพสิ่งนั้นต่างก็มาอาศัยเนื้อที่เล่นอยู่บนปรากฏการณ์ปัจจุบันของเอกภพที่มีความไวเหนือกว่าอย่างยิ่งยวด ดังนั้นปัจจุบันทุกอย่างของทุกสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาอยู่ในเอกภพจึงต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของมิติเวลาในอดีตของเอกภพอยู่ตลอดเวลา และกำลังอาศัยยืมข้อมูลของสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่แล้วของเอกภพเหล่านั้นเอากลับมารีเพลยกันเป็นวรรคเป็นตอนต่างๆที่เอามาติ๊ต่างว่าเป็นของตัวเอง ( เอาข้อมูลตัวตนของเอกภพที่มีอยู่เดิมนั้นสมมุติเอามาเป็นของตัวเอง ) อ่านเพิ่มเติม

@@Prasa_Yiaedin ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ เข้าใจเพิ่มขึ้นมา 1% (แต่ก็ยังงงๆอยู่) สรุปคือ คุณกำลังจะบอกว่า เส้นทางของอนาคต ก็คือเส้นทางของอดีตที่ผ่านมา ใช่ไหมครับ? มันมีข้อมูลเก่าอยู่แล้ว แค่เอามาฉายใหม่ จึงทำให้อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต อยู่ในจุดเดียวกัน แสดงว่าอนาคตเกิดขึ้นแล้ว? แค่อยู่ภายใต้มิติแห่งกาลเวลาและมีข้อมูลเก่าเก็บไว้อยู่แล้ว มีคำถามอีกครับ ถ้าอดีตปัจจุบันอนาคต อยู่ในจุดเดียวกัน ทำไมคนเราถึงไม่รู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น(รับรู้แต่อดีต) แล้วพวกเทวดา-ผี หรือพระผู้ได้อภิญญา พวกเขารู้อนาคตได้อย่างไรครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น(แต่คนธรรมดาไม่รู้) กระบวนการทำงานในทางวิทยาศาสตร์เป็นไปยังไงครับ ขอคำอธิบายหน่อย

จิตเหนืออำนาจกิเลส คือจิตที่วิ่งไปแล้วเหมือนไม่ได้วิ่งหรืออีกนัยหนึ่งก็คือจิตของความเสมอตัว เป็นความไม่เปลี่ยนแปลงของจิตแม้มันเองเคลื่อนผ่านการกระทำหนึ่งๆไปแต่มันก็เหมือนยังคงอยู่ที่เดิม และ มันเป็นจิตที่มีพลังอำนาจของความไม่เกิดไม่ตาย

กิเลสเป็นตัวหยาบเกาะอยู่กับจิต จิตเป็นตัวละเอียดหรือหยาบก็ได้ จิตที่มีพลังสูงคือจิตที่ละเอียดมากเหมือนการโฟกัสของการรวมแสง กิเลสเหมือนการเอาวัตถุไปบดบังแสง ทำให้เกิดความมืดในจิต

ถูกต้อง ตรงกัน

เราแค่เอาข้อมูลภาพเก่า+จินตนาการ มาคิดแสดงแค่นั้นไม่ได้ย้ายจิตไปภาพถึงไม่ตรงจริง100% คอมก็ทำได้ภาพเก่ามาแสดง

@@lekgis คุณไปหยิบเอาข้อมูลของคนที่ไม่รู้ว่าจิตคืออะไรแล้วพูดมั่วให้คุณฟังว่ามันสามารถวิ่งไปดาวดวงโน้นดวงนี้ได้แค่ในพริบตา แล้วคุณก็ไปเถียงกับข้อมูลที่ยกเมฆเหล่านั้น จิตมันไวจริง แต่มันไม่ใช่สะท้อนออกมาโดยการยกเมฆว่าเดินทางไปดาวดวงโน้นดวงนี้นะครับ เพราะคนที่พูดแบบนี้คือคนที่ขาดเหตุผลความจริงรองรับกับคำพูดของตนเอง แต่พูดแบบหวือหวาเพียงเพื่อให้เห็นว่าจิตนั้นวิเศษกว่าความรู้ในทางวิทยาศาสตร์

ลองพิมพ์ เข้าไปใน RU-vid ว่า Mimi light lovely

แสนรู้ๆๆ ตบมือให้ๆ

@@samejorjo6216 ขอบใจ ที่ตบมือให้ อิอิ

@@Dead-Unknown-Anunnaki แล้วถ้ามากกว่าความเร็วแสง ทำไมกริยาตอบสนองถึงช้ากว่าสัตว์ทั่วไปครับ ถ้าความเร็วส่งข้อมูลไวกว่าแสง มันควรจะมีรีเฟล็กซ์ชั่นที่ทันทีแบบแมวสิ

@@samejorjo6216 Very Goods . คุณสงสัยได้ถูกทางครับ . การ รับ-ส่ง ข้อมูลระหว่างสมองโดยตรง ใช้สมองส่วนลึกหรือสมองส่วนในสุดหรือแกนกลางสมองหรือสมองในส่วนของสัญชาตญานสัตว์ป่า อิอิ มนุษย์เราใช้แต่สมองซีกซ้ายและสมองซีกขวาเท่านั้น แต่สมองในส่วนอื่นๆกลับไม่ได้ใช้งานเลย ปัจจุบันมนุษย์ใช้ศักยภาพของสมองเพียงแค่ไม่เกิน 7%เท่านั้น ติดตาม เราสิ คุณจะได้องค์ความรู้อีกมากมาย เพราะ ผมอยู่อาศัยในดาวโลกนี้มานานมากแล้ว จริงๆนะ สรุป . สัญชาตญาณสัตว์ป่า(x) + เคมีธรรมชาติที่สมองผลิต(y) + ความนึกคิด(z) + รูน(u) = การสื่อสารระหว่างสมองโดยตรง . ตัวอย่าง เช่น ฝูงนกที่บินอพยพ ฝูงตั๊กแตน ฝูงปลา พวกมันไปไหน ไปทางใด ก็จะไปพร้อมๆกัน (ตัวผมเองใช้สมองได้เพียงแค่ 58%เท่านั้นเอง กว่าจะเพิ่มได้ทีละ% ยากแสนบาก)

ธรรมะข้อนี้ หมายถึงนิพพานหรือเปล่าครับ?(กระแสวิญญาณที่ขาดแล้ว)

@@Rthp_Sww คือพระอรหันต์ครับ ไม่อยู่ในโลกนี้คือแดนมนุษย์ ปรโลกคือนรก-สวรรค์ แต่อยู่ที่แดนนิพพานกับพระพุทธเจ้าครับ

Nith Youtitham พระพุทธเจ้าพูดผิดไปจากความจริงไม่ได้ แต่คุณอาจเข้าใจคำพูดของพุทธองค์ผิดไปจากความจริงได้

Nith Youtitham คุณอาจเข้าใจคำพูดของพุทธองค์ผิดไปจากความจริงได้ นั่นเป็นเพราะอะไรรู้ไหม ? เพราะเมื่อผ่านคุณมันจะเข้ามาอยู่ในระบบของการทำความเข้าใจซึ่งเป็นไปอย่างอรรถกถาความ ตรงนี้ถ้าคุณไม่ใช่พุทธปัญญา ( ปัญญาแบบพระพุทธเจ้า ) อรรถกถานั้นย่อมพาวิบัติในคำของพุทธองค์ได้

@@Prasa_Yiaedin Can you explain what is the meaning? Please! Thank you. I read Thai but I can not write.

ถ้าคุณเชื่อเรื่องกรรมนะ คำตอบก็ง่ายขึ้น ความจริงคือคุณทำกรรมไว้ในโลก คุณหนีโลกไปไม่พ้นครับ ไม่ต้องอะไรมากครับ แค่คุณเยี่ยว คุณขี้ อยู่ในโลกคุณก็ทำกรรมของคุณไว้ในโลกแล้ว พูดแบบหยาบๆคือคุณหนีกรรมขี้ กรรมเยี่ยว ของตัวเองไปไม่พ้น แต่ถ้าให้พูดในเชิงวิทยาศาสตร์นะครับ คือตอนนี้มีตัวคุณอยู่ทั่วไปในจักรวาลอยู่แล้ว คุณกำลังอยู่พร้อมๆกันหลายๆที่ภายในจักรวาล แต่ตัวคุณที่อยู่ในโลกนี้กำลังอยู่กับวิวัฒนาการของความเป็นมนุษย์ แต่ที่อื่นคุณกำลังเป็นอย่างอื่นอยู่ สมมุติยกตัวอย่างว่า ข้อมูลในโลกตอนนี้ของคุณ คุณกำลังเป็นมนุษย์ แต่ข้อมูลตัวตนของคุณที่กำลังอยู่กับวิวัฒนาการบนดาวอีกดวงนั้นกำลังเป็นปลาตัวหนึ่งว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรของดาวดวงนั้น แล้วนักวิทยาศาสตร์ในโลกมนุษย์ส่งคุณไปยังดาวดวงนั้น พอคุณไปถึงดาวดวงนั้นแล้ว สถานะที่คุณจะดำรงอยู่ได้เพียงหนึ่งเดียว ณ ที่นั่นก็คือสถานะของปลาตัวนั้น สถานะของความเป็นคนของคุณที่ถูกส่งไปจะถูกแปลงให้เป็นปลาตัวนั้นทันที คือคุณจะโดนข้อมูลเจ้าถิ่นที่เป็นตัวของคุณเองกลืนกินสถานะข้อมูลของความเป็นคนแบบในโลกของคุณไปจนหมดสิ้น ไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมันทันทีเมื่อคุณไปถึงดาวดวงนั้น

หมดกรรม ก็นิพพานซิครับ ยังอยากเกิดอีกเหรอ? แต่ถ้าอยากเกิด จิตก็ปรารถนาได้ครับ เป็นไปตามความอยาก เพราะหมดสัญญากรรม(อวิชชา)ในโลกนี้แล้ว สิ่งที่ปรารถนา ก็จะเป็นกรรมใหม่ในโลกใหม่

มีมาเป็นล้านปีแล้วคับ แต่เป็นยี่ห่ออื่น ยี่ห่อเราโฮมาเซเปี่ยนพึ่งมีตัวตนอยุ่บนโลกน่าจะไม่ถึงแสนปีๆ

@@metzvonkaunhiem1118 ใช้คำว่ายี่ห้อ แทนคำว่าเผ่าพันธุ เจ๋งมากครับ555

@@putthhaawongputthhaawong925 เหมือนคนเหล็กอ่ะรุ่นT800 T1000 TX

@@anansunday4803.......?........

มนุษย์กำเนิดขึ้นมาตั้งแต่เอกภพเริ่มสร้างแล้ว แต่อยู่ในรูปของข้อมูลและเวลาอันเป็นวัตถุดิบเริ่มต้นของเอกภพ และที่มนุษย์เพิ่งมาโผล่นี้ก็เพราะพัฒนาการของเวลาและข้อมูลมันกำหนดระยะของการปรากฏเอาไว้อย่างนั้นนั่นเอง

Step Move...

จิตไม่มีความเร็ว ( มีความเร็วนิดๆ ) คือจิตกาย จิตคือเกิดขึ้นแล้วถึงเลยคล้ายวาร์ปจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง คือจิตใจ ที่มีความเร็วในระดับของการวาร์ป ส่วนจิตที่เคลื่อนที่แต่เหมือนไม่เคลื่อนที่ มีความเร็วเหมือนไม่มีความเร็ว ตรงนั้นเรียกว่า จิตวิญญาณ

สรุปจิตก็คือ การเคลื่อนที่ไปสู่ความเปลี่ยนแปลงของข้อมูลสถานะในระดับต่างๆ

สรุปคือ เล่าหัวข้อเรื่องของความสามารถในการติดต่อกันทางจิต เพื่อเอามายืนยันความเร็วของจิต นั่นคือสิ่งที่จะสื่อนะครับ คุณใช้วิธีสื่อผ่านทางเรื่องเล่าอ้างอิงประสบการณ์ของตัวเอง ตรงนี้ก็เป็นเสน่ของการชี้ชวนแก่กันและกันได้ในหลายๆอรรถรสในรูปแบบหนึ่งนะครับ

@@Prasa_Yiaedin สรุปว่าอะไรที่มันทำให้จิตเราและผู้อื่นไม่เป็นสุข อย่าหาทำน่าจะดีที่สุดครับ

พลังงานจิตไมาได้พึ่งตัวกลางอวกาศพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วเป็นธาตุมีอยู่จริงทดลองได้

ถ้าศึกษา ตรวจวัดค่าความเร็ว ของจิตได้ แล้วนำมาใช้ ในการศึกษาดวงดาวและการเดินทาง จะเป็นประโยชน์มาก

@@lekgis จิตไม่ได้เกี่ยกับควอนตัมมันไม่อิงพื้นที่มันเป็นตัวรู้มีก่อนเอกภพเกิดเป็นธาตุแปลก

@@lekgis จิตเดินทางเร็วกว่าแสงอย่างเทียบกันไม่ได้ เพราะจิตเดินทางไปได้ถึงที่ในฉับพลัน จิตก็คือเรา คือตัวเราที่แท้จริง. จิตไม่ใช่ธาตุ4 จิตคือตัวของเรา จิตเป็นพลังงาน ตัวเราคือพลังงาน ตัวเราคือจิต ในอวกาศมีแค่2สิ่ง คือกายกับจิต คือรูปธรรมและนามธรรม ไม่มีเครื่องมืออะไรจะมาวัดความเร็วของจิตได้ แต่ใช้เครื่องมือวัดความเร็วของแสงได้ เพราะแสงเป็นรูปธรรม ส่วนจิตเป็นนามธรรม เป็นสิ่งมีชีวิตที่แท้จริง รูปธรรมไม่ใช่่สิ่งมีชีวิต. เป็นแค่ธาตุทั้ง4ดินน้ำลมไฟ(ความร้อน) ที่อยู่บนโลก เมื่อร่างกายพังก็สลายกลั บคืนสู่พื้นโลก ส่วนจิตก็ออกจากร่างไป ไปหาร่างใหม่อยู่ตามกรรมที่ทำเอาไว้

นี่ง่ะ..ตามนั้นเรยครับ.super position...quantum state.. .เร็วกว่าแสง.ครับ.เพราะทันที่ที่ตรวจจับได้สถานะจะ..entanglement.. ทันที..ไม่ขึ้นกับกาลอวกาศ...เป็นพลังงานที่ได้จากอนุภาคมูลฐาน...ตระกูล.ใหม่ที่พึ่งพบ..เช่นพวก.ควากส์..โบซอนเล็ปตอน...ที่สร้างโปรตรอนนิวตรอนอีกที

เป็นการแลกเปลี่ยน ความรู้ ความเห็น กันครับ จะได้รู้อะไรๆ กว้างขึ้น ไม่ใช่การทะเลาะกันครับ

เถียงกับนักวิทย์เหนื่อยแน่เพราะต้องจับต้องได้มีรูปแต่จิตไม่มีรูปให้จับต้องได้ ดับเกิดอย่างไวแค่จิตดับเกิดน้อยคนนักที่จะเข้าใจ ส่วนใหญ่คิดว่าวิ่งไปวิ่งมา แต่ความจริงแล้ว ดับเกิดไปรู้กี่ครั้งแล้ว

นะ ไม่ใช่ น่ะ

ที่ว่ามา​ เขาเรียกว่า​ 'จินตนาการ'​

ถึงปฐมฌานก็โอเคแล้วค่อยพัฒนาไปถึงฌาน4

ใช่