ทำไมอัจฉริยะจึงเซ่อ l อาทิตย์ละเรื่อง Podcast EP.7 

บางทีการ แคร์คนอื่นไม่เป็น กับ ไม่คิดจะแคร์คนอื่น ก็มีเส้นบางๆกั้นอยู่นะคะ เจอคนเก่งแต่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แล้วก็รู้สึกว่า ในโลกนี้มีอีกหลายคนที่เก่งกว่าคุณมาก แต่เค้าก็มี empathy กับคนอื่นด้วยเช่นกัน

ขอเสริม สำหรับใครที่ไม่เข้าใจ โดรพามีน มีผลอย่างไรต่อการเรียนรู้ (มันมีผลเป็นรางวัลเหมือนที่ทุกคนเข้าใจกัน) ยิ่งมีมันมากก็ยิ่งมีความสุข อัจฉริยะส่วนใหญ่ก็เสพติดมันโดยการกระทำต่างๆที่น่าสนใจ เช่นเล่นดนตรี ยิ่งสนใจและพอทดลองทำมันก็ยิ่งมีความสุข พอมีความสุขก็มีแรงกระตุ้นให้ทำต่อและทำให้ดีมากขึ้น ก็เหมือนพวกสมองกล้าม ออกกำลังกายพอเห็นว่ากล้ามเนื้อตัวเองโตก็รู้สึกดีใจ และอยากออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อให้หุ่นตัวเองดี บราๆ

จริงครับ ผมพูดกับตัวเองตลอด ความฉลาดมันเหมือนกับคำสาปดีๆนี่เอง ถ้าไม่รู้จักใช้มันไปในทางที่ดีมันจะทำให้ชีวิตเเย่

- เปิดมุมมองมาก เรื่องเซ่อ 555 - หลายคนอาจจะอยากเป็นอัจฉริยะ หรือไม่ก็กำลังคิดว่าตัวเองกำลังเป็นอยู่ เพราะปกติคนเรามักจะหลงตัวเอง 555 (Dunning-Kruger effect ลองไปอ่านดู) - แต่ส่วนตัวคิดว่าอัจฉริยะ(คิดแก้ไขอะไรที่มันซับซ้อนได้ไว เข้าใจอะไรได้ไว ประดิษฐ์อะไรใหม่ๆ เรียนรู้ไว) ก็ไม่ได้จะสำเร็จทุกคนเสมอไป(ในกรณีที่มองว่า ชื่อเสียง เงินทอง คือความสำเร็จ) มันขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย บางทีคนที่ไม่อัฉริยะก็อาจจะสำเร็จกว่าก็ได้ - แต่ถ้าอัจฉริยะมากๆๆๆ ก็อาจจะเฉิดฉายในสักวันก็ได้มั้ง - และคนที่เป็นอัจฉริยะมักจะมีนิสัยที่หมกมุ่นกับบางสิ่งมากไป จนสุดท้ายกลับมาเสียใจภายหลังว่าชีวิตที่ผ่านมาได้พลาดอะไรไปเยอะมาก(เพราะเวลาก็ผ่านไปเรื่อย ๆ ไม่สามารถย้อนกลับมาได้ บางสิ่งบางอย่างมันไม่สามารถทำไปพร้อมๆ กันได้จริง ๆ)

อัจฉริยะ เขาหลุดจากการยึดติดของศักดิ์ศรีนอกกาย เขาจึงโฟกัสจุดๆเดียวได้อย่างมีสมาธิอย่างสูง ความคิดวิเคราะจึงมีประสิทธิภาพได้สูงสุด

ขอบคุณเรื่องราวดีๆแบบนี้นะครับ ฟังแล้วอินตามเนื้อหาที่คุณเล่ามาเลยครับ

ต้องดูสังคมด้วยครับ ถึงผมจะไม่ได้เป็นอัจฉริยะ หรือ introvert แต่ผมก็เลือกเข้าสังคมที่ดีครับ ไม่ใช่ต้องปฏิสัมพันธ์กับทุกสังคมแบบไม่มีหัวคิด

มันไม่ได้ตรงกันข้ามถึงขนาดนั้น.. โดพามีนเป็นผลจากการเชื่อมโยงความคิดไปเรื่อยๆแล้วพบว่ามันสามารถเป็นไปได้ จึงส่งผลติดกับดักความคิดแล้วคิดต่อไปเรื่อยๆจนเข้าลูปอาการคิด สติอ่อนหลงในอาการคิด ในความเป็นจริง แม้ไม่ใช่อัจฉริยะ ก็สามารถหลงในอาการคิดได้เช่นกัน และคนปกติก็ ฝึกตัวเองให้หบุดพ้นจากอาการหลงในความคิดตัวเองได้ จนผ่านจุดที่อยู่เหนืออาการคิด.. ไม่ใช่ตกเป็นทาสของอาการคิด.. หลักการง่ายๆคือ คนหลงในอาการคิด ต้องการเลิกคิด ก็คิดว่าจะเลิกคิด วนอยู่เช่นนั้น ยังไม่พ้นจากอาการคิด ส่วนคนที่เป็นอิสระจากอาการคิด สติไวกว่า เมื่อต้องการเลิกคิด ก็แค่เลิกสนใจอาการคิดในสมองตนเอง เอาสติไปจดจ่อจุดอื่นๆ เช่น อาการเคลื่อนตัว อาการร้อน อาการเย็น อาการคิดก็จืดไปเองโดยไม่ต้องพยายามลืม ดังนั้น สิ่งที่อัจฉริยะหลาบคนเป็น คือ หลงในอาการคิด เป็นคนละเรื่องกับอาการที่ไม่สามารถควบคุม สติให้รับรู้ปัจจุบันได้ ทั้งสองเรื่องนี้อยู่ต่างระนาบกัน คนที่คิดเยอะๆแบบที่ควบคุมสติได้ดีก็มี คนที่คิดเยอะๆแต่ไม่ใช่อัจฉริยะอะไรเลยก็มี

ผมเป็นอัจฉริเยอะ พูดเยอะ นอนเยอะ พิมพ์เยอะ แต่น้อยอย่างเดียวคือเงิน ผ่าม !! : เอาความจริงนึดนึง อันนี้ส่วนตัวไม่ได้ว่าทุกคน ยกตัวอย่างผมนะ ผมดูข่าวเยอะและหลายช่องต่อ 1 วัน ส่วนนึงเพราะผมทำเพจข่าว และผมได้สถิติจากตรงนี้ แต่พอเล่าให้คนอื่นฟัง พวกเขากลับบอก เครียด ดูถูกผมอีกทำเพจไม่ได้เงิน ทำให้ผมทราบว่าคนไทยส่วนใหญ่คิดแบบนี้ ต่อให้เราเก่งขนาดไหนหากไม่มีผลทันทีในชีวิตของเขา พวกเขาไม่มีทางฟัง และพวกเขาพร้อมหาเหตุผลใส่ร้ายได้เสมอ ผมเจอมาแล้ว พ่อ พี่ชาย แม่เลี้ยง รุมดูถูกผมเลย แต่เราท้อไม่ได้ต้องหาคนที่ฟังเราต่อไป T__T

ไม่ได้ เซ่อ แค่โฟกัสเฉพาะสิ่งที่เราสนใจ ไม่แคร์เวิร์ลด์

ขอบคุณ​ที่ทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น​ เพราะเราก็เป็นบุคคลที่เซ่อในอีกรูปแบบ​หนึ่ง​ 😁

เจ้าของช่อง ก็ฉลาดมากๆนะครับ 😃☺

แต่การถูกทำลายความมั่นใจจากคนในครอบครัวก็สำคัญ บางครั้งคนในครอบครัวยังเข้าไม่ถึงสิ่งที่พวกเราคิด

คล้ายตัวเองหลายอย่างอยู่นะครับ แต่ตัวเองนี่มันช่างห่างไกลกับคำว่าอัฉริยะเหลือเกิน

จริงครับเวลาความคิดมันพุ้งเข้าใจทุกสิ่ง เขืยนใส่อธิบายแต่คนทั่วไปบอกว่าไร้สาระ

ขอบคุณมากจ้า...🥰😍😻

เชรดดดเข้ กะจะมาหาสาระเพิ่มในเม้น แต่เจออัจฉริยะ มาเม้นเต็มไปหมดเลย😂 คริปนี้เขาอธิบายเกี่ยวกับทำไมอัฉริยะถึงเซ่อนะ ไม่ได้หมายถึงคนที่เซ่อคืออัฉริยะ ไม่ไช่แค่มีเรื่องในหัววนไปแล้วเดินทำตัวเซ้อๆก็อัฉริยะ อย่าพึ่งหลงตัวเองคับพีี

สาธุครับ

ผมก็เช่อเหมือนกันขาดแค่อย่างเดียวคือความ” อัจฉริยะ”นี้แหละ😂

focus!❤😊

สิ่งที่เราพิสูจน์มาแล้วด้วยตนเอง เราย่อมกล้าพูดได้ไม่อายปาก และไม่กลัวความผิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ถ้ามันเป็นความจริง

❤ตามแล้วคะ ชอบจัง

เย้ ผมรอดละ มีโดพามีนต่ำมาก แต่ m&m สูงมาก อร่อยด้วย มีทุกรสทุกสีเลย

เนื้อหาดี คุณภาพเสียงอู้ๆ ฟังแล้วมึนหัว ปรับปรุงตอน master ไฟล์ด้วยครับ มันอื้อๆ อู้ๆ เหมือนเบสมันทุ้มๆ

พี่เป็นคนอัจฉริยะคนหนึ่งด้านการเป็นนักสังเกต นักวางระบบ ค้นมาจากคนไทยกว่า 100,000 คน ในช่วงเวลา 10 ปี พอดีมีโค้ชที่เข้าใจอัจฉริยะ ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะก็มีความสุขและความสำเร็จมาก ๆ ทำงานด้านการกุศลเท่านั้น งานด้านจิตวิญญาณ งานทางโลก สมบัติทางโลกมีค่าน้อยเกินกว่าจะอยากได้

ผมเป็นคนหนึ่งที่คล้ายๆกับสิ่งที่กล่าวมา ชอบใช้สมาธิคิดวิเคราะห์แบบสุดโต่ง เช่น ทำไมคนเราเกิดมาไร้มลทินในตอนแรกแล้วต่อมาทำไมมีกรรมต้องชดใช้เป็นร้อยๆชาติและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆพอคิดอยากจะแก้ไขที่ต้นเหตุอยากรู้ว่าในอดีตคนเราทำไม่ดีอะไรไว้บ้างก็นึกไม่ออก(ถ้านึกออกคงจะดีไม่น้อย)แต่ก็มีบางคนที่จำอดีตชาติได้ ทำไมคนไม่ถูกสร้างมาให้จำอดีตได้จะได้เป็นสถิติเพื่อศึกษาย้อนหลังว่าทำดี ไม่ดีอะไรไว้ จะได้ลด ละ เลิก ได้ตรงจุดและเร็ว กรรมจะได้ลดลง ไม่เพิ่มขึ้นแบบไม่มีที่สิ้นสุด นี่คือตัวอย่าง 1 ชุดความคิดของผมเท่านั้น แต่ที่กล่าวมานี้จากการสังเกตุชีวิตคนอื่นแล้วเกิดความเห็นใจไม่ใช่ชีวิตตัวเอง ถ้าจะพูดเต็มๆหน้านี้ไม่พอเขียน สรุปผมเป็นคนยังแบบไหนครับ

ในฐานะที่ได้สัมผัส เด็กอัจฉริยะ จะบอกให้ว่า ความอัจฉริยะ มันคือความผิดปกติ ที่เป็นมาแต่เกิด คุณๆอย่าคิดว่า จะเหมือนเด็กทั่วไป เอาง่ายๆ เด็ก ปีครึ่ง จะอ่านตัวหนังออก สะกดตัวหนังสือ ... มันจะไช่เด็กปกติหรือ ? เด็กกลุ่มนี้ จะเรียนรู้เร็วมาก เร็วจนน่าทึ่ง และการ focus ในเรื่องที่สนใจ จะทุ่มเทมีสมาธิมาก ส่วนใหญ่เขาจะชอบคลุกคลีกับผู้ใหญ่เพราะสามารถตอบคำถามข้อสงสัยได้ ในวัยเด็ก เขาจึงไม่ได้สนใจแบบเด็ก เพราะเด็กจะสนุกไร้สาระสนุกสนาน เด็กพวกนี้ จะวิชาการ จึงเข้ากับเด็กทั่วไปไม่ได้ดี ... นั่นแหละ การพัฒนาเหมือนคนปกติจึงผิดแผกไป เล่าคร่าวๆแค่นี้ก่อน ฉนั้นอย่าแปลกใจว่า ทำไมพฤติกรรมแปลกๆ เขาพัฒนาด้านนี้มาน้อย และสนใจแต่สิ่งที่เขาสนใจ

บางคนชอบยึดติดกับอัจฉริยะว่าจะต้องสร้างนู่นสร้างนี้ ต้องฉลาดแบบไอสไตน์ นิวตัน ฉลาดมันมีหลายแบบฉลาดทางอารมณ์ ฉลาดทางความคิดสร้างสรรค์ อัจฉริยะก็มีหลายแบบเช่นกัน บางคนอาจจะอัจฉริยะด้านกีฬา บางคนอาจจะด้านคณิต บางคนอาจจะด้านวิเคราะห์ อย่าไปดูถูกตัวเองดูถูกคนอื่น ทุกคนล้วนเก่งในเรื่องที่ตัวถนัด,ชื่นชอบ และในแบบของตัวเอง -ทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะ

โดพามีนก็มีผลกับอัจฉริยะส่วนหนึ่งแต่สภาพแวดล้อมการปฏิสัมพันธ์การเลี้ยงดูเพื่อนฝูงบุคคลรอบข้างเหตุการณ์ต่างที่พบเจอการมีส่วนหล่อหลอมด้วยเหมือนกัน มีอัจฉริยะอีกหลายๆบุคคลไม่ได้เป็นแบบนั้น

คนที่ไม่ใช่เป็นคนอัจฉริยะ จะเข้าใจคนที่เป็นอัจฉริยะได้อย่างไร

คุณพูดถูกมากเลยครับ ผมก็เป็นแบบที่คุณเปดๆเลย

นึกถึงแน็ก ชาลี

เราจะไปไหน หลังจากความตาย ไม่มีสิทธิ์เลือก แล้วแต่ลูกหลานญาติพี่น้องมันจะพาไป ถ้าไม่ฝังก็เผา ก็แค่นั้นแปลกตรงไหน

คนฉลาดมีน้อย อัจฉริยะมีน้อยมาก ไม่ผิดนะคะถ้าพูดว่าความฉลาดและความอัจฉริยะมีหลายด้าน ไม่ว่าจะดนตรี คำนวณ ศิลปะ ฯลฯ และทุกคนต่างมีความฉลาดกันในตัวด้วยกันทั้งนั้นจริงๆ ค่ะ แต่เราจะขออนุญาตนิยามคำเหล่านี้ในฐานะ ”(คน)ฉลาด“ และ “(คน)อัจฉริยะ” ในมุมมองนี้ดูนะคะ สำหรับเราถเาจะนิยามคนคนนึงว่าเป็นคนฉลาดหลักแหลม เราจะนึกถึง คนที่มีชั้นเชิง มีความลึกซึ้งในการวิเคราะห์ตีความ ทำความเข้าใจ ไม่มองอะไรแค่ผิวเผิน และวางตัวได้ดี รู้เวลาว่าเมื่อไหร่ควรหรือไม่ควรทำอะไร ควบคุมตัวเอง รอจังหวะในการแก้ปัญหาได้ดีด้วย อาจจะนึกถึงคนในวรรณกรรมหลายเรื่แง เช่น สามก๊ก ยกตัวอย่างเช่น การไม่ลงไปถกเถียงประเด็นที่คนอื่นๆ กำลังโต้แย้งกัน เพราะพวกเขาต่างรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่ไม่สามารถแยกคนทั้วไปกับคนฉลาดได้อย่างแท้จริง สังคมมักมองเห็นคนบางคนที่พูดมีเหตุผลและแสดงความรู้บางส่วนออกมาว่าพวกเขาฉลาด แม้การแสดงความรู้นั้นจะผิดเวลาหรือไม่มีประโยขน์ในระยะยาว นอกจากนี้ก็อาจจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรในมุมองที่แตกต่างทำให้เห็นอะไรกว้างได้โดยไร้อคติ สำหรับการมองหาคนฉลาดอาจจะสังเกตได้ยาก เพราะมีโอกาสมากที่พวกเขาจะไม่แสดงตัว และรู้ดีว่าถ้าอวดอ้างหรือพูดอะไรออกไปในลักษณะไหน ใครจะมองพวกเขาอย่างไรได้บ้าง มีอีกทักษะหนึ่งที่คนกลุ่มนี้มีคือ การทำความเข้าใจที่ลึกซึ้ง อยู่ในความคิดของพวกเขา และอาจจะทำให้ใีปัญหาบางครั้งเมื่อต้องปฏิสะมพันธ์กับผู้คนพร้อมๆไปกับการคิดอย่างรอบคอบทุกมุม แต่ถ้าเราพูดถึงอัจฉริยะเราจะสังเกตได้ง่ายกว่า พวกเขาจะต่างจากคนทุกคนอย่างชักเจน ต่างในที่นี้ อาจจะเงียบมกว่ามาก หรือมีความ(ดีดหรือคะ ไม่แน่ใจควรเรียกอะไร😅) กว่าคนทั่วไปมาก แต่ถึงดีดยังไง ก็ให้ความรู้สึกที่ล่องลอยเข้าถึงยาก ลองมองพวกเขาเหมือนคนที่มีทักษะพิเศษแบบโดดเด่นในด้านในดานหนึ่งที่เขาสนใจแบบสุดโต่ง ไม่ใข่แค่มีความฉล่ดในด้านนั้น แต่ระดับความเข้าใจของพวกเขามันล้ำเกืนเด็กวัยเดียวกันอย่างก้าวกระโดด ในที่นี้ส่วนมากอาจจะแตกต่างจากบุคคลที่มีความฉขาดที่กล่่วมาข้างต้น ในเรื่องการอ่าน วิเคราะห์สถานการณ์ ซึ่งอัจฉริยะเหล่านี้อาจจะม่หรือไม่มีก็ได้ กลุ่มคนเหล่านี้มักจะมีความสามารถที่เหนือขั้นในด้านนัันอย่างสุดโต่ง ไม่ว่าจะเป็นในด้านความจำ การคำนวณ หรือดนตรี ที่พวกเขาสามารถทำได้ในระดับเดียวกับผู้ใหญ่ในช่วงวัยที่เด็กกลุ่มอื่นๆ ที่อาจมีความฉลาดในเรื่องนั้นก็ยังไม่สามารถพัฒนาได้เท่า(แม้จะควบคุมตัวแปรด้านความเข้มงวดหรือระยะเวบาที่ใช้) แต่นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเรานะคะอาจจะมีข้อผิดพลาดบ้าง ป.ล. ที่ตั้งใจอธิบายไว้เนื่องจาก เห็นในความคิดเห็นของหลายท่าน อาจจะยังนิยามคำว่าอัจฉริยะในกลุ่มเดียวกับฉลาดอยู่ เลยอยากลองเสนออีกมุมค่ะ🙏

ฟังๆดูพวกนี้โดนคนปกติมองว่าเป็นโรคจิต โรคซึมเศร้าได้ง่าย หรือเปล่า? ผมว่าเหมือนคนมีพรศวรรค์ มีความสามารถพิเศษมากกว่า เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เช่น คนปกติจะสงสัยว่าพวกนักกีฬาไม่เบื่อบ้างเหรอ ซ้อมเป็นกิจวรรตประจำวัน แนวๆนี้

บางที อัจฉริยะ อาจไม่ "เซ่อ" แต่คนอื่นคิดเห็นไปเองว่า "เซ่อ" ก็ได้ .. สิ่งที่เป็นจริง กับสิ่งที่รับรู้ อาจไม่ใช่สิ่งเดียวกันก็ได้

100 % ครับ

คลิปดีมากกก

ไม่รู้ว่าใครคือคนแรกที่นิยามคำว่าอัจฉริยะ ทำให้มีช่องว่างหรือเหลื่อมล้ำ ได้ทันที ผมติดตาม Nicola Tesla ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด ก็ยากอยู่นะกว่าจะสืบค้นได้ในทุกมิติ จนจินตนาการเฟ้อซะมากมาย ในที่สุด จินตนาการก็สำเร็จเป็นนวัตกรรมเยอะแยะมากมากมาย ทำต่อจากที่ Nicola Tesla ยังทำไม่สำเร็จ โดยไม่มีใครรู้เลยว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ แต่ได้ยินคำนินทาว่าเพี้ยนหนาหูบ่อยครั้ง แปลกแต่ ไม่สนใจ ปล่อยวางได้ ด้วยการปฏิบัติทานศีลภาวนา อานิสงส์คือผลพลอยได้ สามารถสร้างนวัตกรรมล้ำเปลี่ยนโลก สุขภาพดีเลิศโรคภัยหายหมดนี้คือประสบการณ์ตรง ที่เกิดขึ้นมิใช่เรื่องบังเอิญ น่าทึ่งมากครับ

พูดง่ายๆอัฉริยะส่วนใหญ่เป็น Introvert

คิดว่า การทำสมาธิช่วยรักษาได้ไหมครับ

Awesome

คนรุ่นใหม่มักมีโดพามีนในสมองเยอะ เนื่องจากการเล่นมือถือหรือคอมพิวเตอร์ เกมหรือเล่นโซเชี่ยลต่าง ๆ นั่นทำให้ผู้ที่มีโดพามีนจากสิ่งพวกนั้น มีนิสัยแปลก ๆ ติดมาใน Routine ด้วย เป็นนิสัยคล้ายอฉริยะแต่ต้นเหตุไม่ได้มาจากสิ่งเดียวกับที่อฉริยะได้ ก็เหมือนกับคล้ายอฉริยะแต่ไม่ใช่อฉริยะ นั่นแหละครับ ไม่ต้องเบียว ลองเลิก เล่นมือถือหรืออะไรต่าง ๆ ดู 1 เดือนแล้วถ้าพบว่าคุณเปลี่ยนไปนั้นคือ โดพามีนชั่วคราวจากการตลาดเกมและสื่อโซเชี่ยล

การคิดแปลกทำให้เป็นการค้นพบใหม่ๆ

ช่วยพูดเรื่องสาร H&Ns แบบเจาะลึกหน่อยครับ

ไม่นะคะ การปฏิสัมพันธ์น้อยน่าจะใช่ แต่ไม่สนใจไม่เข้าใจคนอื่น น่าจะเป็นนิสัยของบุคคลนะคะ ไม่เกี่ยว เพราะถ้าคนเป็นแบบนี้จะเข้าใจตัวเองมากขึ้นและเข้าใจคนอื่นในทุกๆอย่างมากจริงๆค่ะ จริงๆมันต้องมีฮอร์โมนอื่นมาเพิ่มควบคุมค่ะ ไม่ใช่แค่โดพามีน จริงๆที่อัจฉริยะหลายคนพยามค้นหาเพื่อที่จะค้นพบสิ่งที่บอกว่าไม่มีอยู่จริง มันคือความเชื่อในขอบเขตของการตั้งสมมุติฐานของเขาเพื่อจะหาสิ่งที่แปลกใหม่ตรงและเป็นไปได้ให้แก่มวลมนุษย์ เพราะหากจะมีแต่ผู้คนมาฉุดหยุดรั้ง เค้าก็ไม่มีทางค้นพบ คนอื่นจึงมอบแบบนึงว่าไม่สนใจใคร ถ้าสนใจมันคือการหยุดการค้นคว้าของเขา ก็ไม่แปลกที่เขาจะไม่สนใจ ส่วนควมเข้าใจนั้นฟันธงเลยว่าเขาต้องมีความเข้าใจต่อทุกอย่างมากกว่าคนทั่วไป การที่บอกว่าไม่เข้าใจนั่นคือผิด เขาอาจจะมองเห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์เค้ามากกว่า ในส่วนของความเป็นโรคจิตที่กล่าวมานั้น เกิดจากการที่เขาต้องการจะค่นพบสิ่งที่เหนือธรรมชาติไว้ให้มวลมนุษย์ได้ศึกษาตามต่อกัน ความเชื่อในสิ่งที่แปลก คือการตั้งสมมติฐานอย่างนึง แต่เมื่อมันออกนอกกฏเกณฑ์ที่มีในตอนนั้น ในทางจิตวิทยาจึงคิดว่าไม่มีความเป็นจริง เลยกล่าวทางศัพท์ว่าเป็นโรคจิต ซึงการเป็นโรงจิตจริงๆต้องทำร้ายผู้อื่น แต่นี่คนอัจฉริยะไม่ใช่ ความคิดเขาแค่เข้าข่ายบทนิยามเท่านั้น ทุกอย่างต้องมีทั้งที่มาที่ไปแล้วเหตุผลประกอบ ว่าทำไมบุคคลนั้นถึงโดนทำร้าย ไม่ได้โดนหมดทั่วทั้งแผ่นดินซักหน่อย ต้องมีเหตุมีผลมากกว่านี้ค่ะ อีกอย่าง นิสัยพวกนี้ คนไม่อัจฉริยะก็เป็น เป็นหนักมากก็มี นั่นคือสันดาน และคนที่อัจฉริยะมากๆในหลายคนที่ไม่เป็นก็มีค่ะ วัดแค่นี้ไม่ได้ มันขึ้นอยู่ที่ปัจจัยรอบข้าง การที่บอกว่าอัจฉริยะแล้วไม่เข้าใจคนอื่น นั้นจึงฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ เพราะคนอัจฉริยะจริงๆ คือผู้ค้นหาและค้นพบ ซึ่งแน่นอนว่ากว่าจะเป็นได้นั้น ต้องมีความเข้าใจในทุกๆอย่างดีกว่าปกติมากกว่าคนทั่วไปมากๆ จึงพูดไม่ได้เลยว่าไม่สนใจไม่เข้าใจคนอื่น เขาต้องเข้าใจคนอื่นแล้วสนใจสิ่งรอบข้างนั้นดีมากๆ เว้นแค่ว่าคนอื่นรึสิ่งรอบข้าง อาจแสดงออกให้เขาเข้าใจแล้วว่าควรทำเช่นไร

ยังจำหน้าแม่ตัวเองได้ก็ถือว่าบุญแล้วละครับ ✌😁😊

สร้างโลกเชื่อต่อกับดวงจันทร์ครับ(ถ้ามนุษย์ชาติจะทำกันมันก็คงจะไม่ยาก)

อ่ะหะ ไม่มีคนเข้าใจ ไม่ค่อยมีคนรักเราหรอก แต่ก็นั่นแหละ ไม่ได้สนใจ เออ จริงๆ เวลาพูด ก็พูดไปคนละเรื่องกับเขา ก็คนอื่นชอบนินทาช่วงกลางวัน แต่นี่คุยเรื่องที่คิดอยู่ในหัว คนอื่นเขาก็เลยไม่เข้าใจ ไม่ได้ว่าตัวเองอัจฉริยะขนาดนั้นนะ แต่แค่รู้สึกว่าตัวเองแปลกประหลาดในการอยู่ในสังคมการทำงาน ก็เลยมาหาไรฟังเรื่อย

ผมดูเสร็จขนลุกเลย

ถ้าสารนำความสุขมีจริง ก็สังเคราะห์แล้วฉีดให้คนซึมเศร้าหรือแนวโน้มฆ่าตัวตาย ก็อาจจะดีนะฮับ

ผมจะออก จากอัจฉริยะนี้ ยังไง

ผมรู้สึกที่ผู้เล่าพูดมัน เป็นอาการปกของผมเลย เพียงแต่ความหมกมุ่นของผมมันไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อใครหรือต่อโลกก็แค่นั้นเอง

ผมมีครบทุกอย่างครับ ยกเว้นความ "อัจฉริยะ" 🤣🤣🤣

คนธรรมดาจะเข้าใจ อัจฉริยะได้อย่างไรหละ..คนธรรมดาก็เข้าใจอะไรแบบธรรมดาๆ.. ..มีคนบ้าจำนวนมากที่พยายามทำตัวให้เหมือนอัจฉริยะ..มีคำกล่าวว่า..อัจฉริยะกับคนบ้านั่นดูคล้ายๆกัน..แต่นั้นอาจเป็นแค่ภายนอกเอาไว้หลอกเด็ก..จริงๆแล้วมันไม่เกี่ยวกันเลย..คนบ้าคือคนที่ทำอะไรแปลกไปจากชาวบ้าน..แต่ความแปลกของเขานั้น..หาได้มีสาระ ประโยชน์อะไรไม่..ตรงกันข้าม..กับเป็นโทษ..เป็นอันตราย น่ารำคาญ..และอุจาดไปซะอีก... ..ส่วนอัจฉริยะ..ทำอะไร คิดอะไรที่แปลกกว่าชาวบ้าน..แต่ความคิดของเขานั้น..เป็นประโยชน์..มีคุณค่า..และแน่นอนย่อมเป็นผลดีและหวังดีต่อโลก..แต่นั่นแหละ..อะไรๆมันไม่ง่ายอย่างนั้น..เพราะคนธรรมดาก็ยากที่จะเข้าใจอะไรที่ล้ำลึก..ล้ำยุคได้..อัจฉริยะที่คิดอะไรลึกล้ำจริงๆจึงมีชะตากรรมไม่สู้จะดีนัก. ..อนึ่ง..บุคคลที่คิดถึงแต่ตัวเอง..หมกมุ่นแต่กับความสำเร็จของตัวเอง ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง..อันนี้เป็นเพียงลักษณะของคนธรรมดา..ซึ่งใครๆก็เป็นเช่นนั้น..หาได้เกี่ยวข้องอะไรกับอัจฉริยะไม่.. คนที่มีความคิดล้ำลึกระดับอัจฉริยะจริงๆ..เขาไปไกลเกินกว่าระดับที่จะคิดถึงแต่ตัวเองไปแล้ว..คนฉลาดจริงๆเขาย่อมพ้นไปจากการคิดถึงแต่ตัวเองไปแล้ว..คนที่คิดถึงแต่ตัวเอง..แม้ว่าเขาจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ..มีอำนาจ ตำแหน่ง ทรัพย์สินเงินทอง..ยิ่งใหญ่แค่ไหนในหมู่มนุษย์..เขาก็ยังเป็นแค่คนโง่ธรรมดาๆอยู่ดี...ฉะนั้น..คำว่าอัจฉริยะอาจจะถูกนำไปใช้พร่ำเพรื่อแบบผิดๆ..ไปเรียก โจรว่าเป็นอัจฉริยะบ้าง.. คนที่ดีแต่คดโกงเอาเปรียบคนอื่น..ต้มตุ๋นโกหกหลอกลวง..ก็ยังถูกเรียกว่าอัจฉริยะ... ..เพราะคนธรรมดานั้น..ยากนักที่จะเข้าใจ อัจฉริยะ...

เราอัจฉริยะรึเปล่าไม่รู้นะ แต่เราเซ่อ และซุ่มซ่ามสุดๆ 😂😂😂

สรุปว่า โดพามินสูง ทำให้ IQ สูง แต่ EQ ต่ำ ุ

โดพามีน.. มันเป็นสารสื่อประสาท.. ครับ........ วิทยาศาสตร์พื้นฐานในวิชาชีวะวิทยา ม. ปลาย ........ โดพามีน... จะทำงานร่วมกับอดีนาลีนและนอร์อดีนาลีน ทำให้เกิดสมาธิสูงในการทำงาน................ การมีสมาธิที่สูงจะทำให้เราสามารถทำความเข้าใจเรื่องที่ยากๆได้ดีมากขึ้น........ เลยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง .... แล้วยังส่งความจำไปเก็บที่สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ........ ผมว่าหนังสือที่คุณอ่านมันเพี้ยนๆนะ......

ทำไมไอสไตน์แตกต่าง เข้าใจศาสนาพุทธ ทฤษฎีนี้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด

สุดเท่เลยครับ 😂

ถ้าไม่มีคนคิดก่อนคงไม่มีเราวันนี้ ขอบคุณครับ ลองให้คุณคิดคอมพิวเตอร์ ใครทำจนทุกวันนี้ได้เห็นหน้าคุณ

ความรู้

จริง

คอมเม้นท์ครับ อย่ามัวแต่พูดไปเอาผลงานของอัฉริยะระดับโลกอย่างคุณมาโชว์

แล้วจัดการยังไง

นึกถึง the toy เลย

ยิ่งสูงยิ่งหนาวครับ

บุคคลประเภทนี้สิ่งที่เขามีและมักจะหาไม่ได้ในคนปกติคิอความซื้อสัตย์ค่ะ.และความเมตตาที่เขาจะมีให้กับทุกคนแม้ว่าคนนั้นจะคิดไม้ดีกับเขา.สิ่งเหล้านี้หายากมากในคนปกติ.หากมองในมุมกลับ.เราที่คิดว่าปกติแต่ในมุมมองของเขาอาจจะมองเราส่าเป็นคนไม่ปกติก็ได้ค้ะ

โดนผมเต็มๆ

อ้างอิงข้อมูลจากไหนครับ แต่เรื่องน่าสนใจมาก

สติค่ะ

ผมก็ว่างั้นการช่วยตัวเอง บ่อยๆ จนเกินไป ก็เซ่อได้เพราะสมองหลั่งโดปามีนสูง

นี้สินะที่ว่าบ้ากับอัฉริยะต่างกันแค่เส้นบางๆ

มันคือความรู้ที่ดีมากเลยย

เมื่อไหร่ที่มนุษย์เข้าสู่โลกควอนตัม/อนุภาค-คลื่น/ความคิดความรู้สึกอย่างจริงจัง มนุษย์จะรู้และเข้าใจว่า 1. ทำไมเมื่อโดพามีนสูงมากขึ้นในขณะเดียวกันก็กด H&Ns หรือ here & now ให้ต่ำลงเรื่อยๆจนอยู่ในระดับที่ยากที่จะมีปฏิสัมพันธ์ต่อผู้คน ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ไม่มีควา มเข้าอกเข้าใจ ไม่มีความพยายามที่จะทำให้ผู้อื่นนั้นรักเรา รู้สึกกับเราหรือเข้าใจเราและยิ่งทำให้เค้าดูเซ่อมากยิ่งขึ้น ดูเข้าถึงยากมากยิ่งขึ้น มากขึ้น เราจะรู้ว่า 2. เราจะต้องทำอย่างไรเพื่อไม่เพียงแต่ทำให้โดพามีนสูงมากขึ้น แถมยังทำให้ H&Ns หรือ here & now ไม่ถูกกดให้ต่ำลงเรื่อยๆจนอยู่ในระดับที่ยากที่จะมีปฏิสัมพันธ์ต่อผู้คน และก็สามารถทำให้ H&Ns หรือ here & now เพิ่มสูงขึ้นจนเกิดมี/เป็นความเห็นอกเห็นใจ เจ้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในระยะใกล้และระยะไกลทั้งที่เกิดขึ้นกับตัวเองและผู้อื่นและมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้ง่ายมากขึ้น มีความผูกพัน ลึกซึ้งไม่ใช่เฉพาะกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น แต่สามารถเกิดมีการเชื่อมต่อ (มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ เข้าอกเข้าใจสถานการณ์โดยไม่จำเป็นต้องมีการลงลึกถึงรายละเอียด) ได้กับทุกสรรพสิ่งไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ยากดีมีจน ทุกเพศทุกวัย ทุกระดับชั้น ทุกชนิด ทุกประเภท (สตริง ซุปเปอร์สตริง และ M Theory)

❤

เดี๋ยวนะ นี่มันผมเมื่อ1อาทิตย์ที่แล้ว ที่วนลูปกับความคิดตัวเองมา2ปี และเพิ่งจะมาโฟกัสโลกตอนอาทิตย์นี้ สรุปแล้ว ถ้าผมโฟกัสโลกมากขึ้น ผมจะเสียความอัจฉริยะไปไหมครับ

คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดแล้วไม่สงสัย คือ คนฉลาดน้อย

คนที่เขาอัจฉริยะเขาไม่ได้เซ่ออย่างเดียว แต่เขายังพิมพ์ไม่ค่อยรู้เรื่องอีกด้วย ผมก็ไม่รสดำึยมแผหพยใเดเยใยงใบ่ผ๓กรม้รฝ😄

ฟังไม่ค่อยสนุกเลยครับ เสียงมันทุ้มๆ เบา แรง ไม่สมู้ทเลยครับ

อัจฉริยะมีสองจำพวก.. 1..ฝึกจนมีความชำนานเกินคนทำมะดา 2..แค่เห็นก่ทำได้ ..ข้อ2นี้ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ปกติ .. ไม่โอ้อวด.. 😅

ผมนั้นโชคดี ที่มีความจำสั้น ไม่งันผมคงบ้าไปแล้ววว 555 ผมคิดอะไรต่อมิอะไรได้รวดเร็วเเละเข้าใจอะไรได้เร็วมากซึ่งคนอื่นไม่เช้าใจ ผมคิดเสร็จกำลังจะจดบันทึก ดันลืมซะงั้น แล้วผลสุดท้าย...เอ่อผมจะว่าอะไรน่ะ นั้นสิ ลืมอีกล่ะ เมือกี้ยังคิดได้อยู่เลย เดียวนึกออกแล้วจะมาเขียนต่อละกัน

เหมือนเห็นภาพตนเองในคลิปวิดีโอนี้

ไม่ต้องจีเนียส ก้อเซ่อได้นะคับ 5555... ...และแน่นอนว่า จีเนียสที่ไม่เซ่อ แล้วก้อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขท่ามกลางคนที่ปกติก้อมีอยู่นะคัฟ ❤️^^

แล้วเราเป็นคนประเภทไหน คือ ลืมเก่งมาก สั่งสมองตัวเองให้ลืมสิ่งที่ไม่อยากจำได้ด้วยนะ ไม่ค่อยขยัน แต่ผลการเรียนดีระดับหนึ่ง คนอื่นเลยคิดว่าเราความจำดี 😅

เห็นด้วยครับ

เป็นแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากเป็นอัจริยะ เศร้าแทน

คิดถึง อีลอน มัสก์ 😅😅

คล้ายๆกับการขายวิญญาณให้ซาตาน อะไรทำนองนั้นเลย

ตอนเด็กผมเป็นอัจฉริยะหรอเนียตอน4-5ขวบผมก็สงสัยหลายอย่างเลยอย่างเช่นสงสัยว่าตะเมตรยาวเท่าไร แต่บ่ไม่ได้ค่อยพัตรนาตัวเองจนตอนนี้อยู่4

พึ่งกระจ่างครับ

เค้าไม่ได้แปลกหรอก แค่คนที่มองไม่ยอมรับความแตกต่าง

ถ้าคุณมองอัจฉริยะเป็นคนเซ่อซ่าๆ ดังนั้นก็แสดงว่า คุณดูหนังเกี่ยวกับอัจฉริยะมากเกินไป เพราะว่า คนอัจฉริยะในบทภาพยนตร์จะถูกปรุงแต่งบุคลิกให้เพี้ยนไปจากบุคลิกเดิมนั่นเอง

โชคดีไม่เป็นถึงขนาดนั้น แต่แต่งตัวประหลาด 😂

วินาทีนี้เชื่อมจิตคับ ใครอยากเชื่อมจิตติดต่อผมได้คับ

❤️👍

มีแต่คนคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ😂😂😂😂😅

Dunning kruger effect หลงคิดว่าตัวเองเปนอัจฉริยะก้อมีเยอะ

ฉันไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ฉันมีปัญหาการใช้ชีวิตอยู่กับผู้อื่นในสังคม ฉันพยายามตั้งคำถามเพราะอะไร ฉันพยายามร้องขอความเห็นใจและความเมตตาให้เข้าใจฉันบ้างฉันจะขออธิบายตามความคิดของดิฉัน ทฤษฎีการเปิดภูมิปัญญา dopamine จะช่วยกระตุ้นเซลล์สมองให้ทำงานหรือคิดหมกมุ่นในสิ่งเดียว ดูเขมรจะถูกควบคุมด้วยสติ หรือความรู้สึกนึกคิด สิ่งนั้นคือข้อมูลที่อยู่ในสมอง. เช่นคุณดื่มเหล้าคุณเมาคุณก็จะไม่สามารถประคองตัวเองให้กลับไปถึงบ้านได้

เพราะจริยะเสื่อมจึงเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมาก 🎈😁🧋