รถ EV ของดีที่รอการพิสูจน์ 

สำหรับผมที่ถือว่าเป็นหนูลองยาของตลาด EV เพราะใช้ Tesla Model Y มา 1 ปี 6 เดือน ซื้อจากเกรย์ในราคา 3 ล้านบาท มุมมองของผมคือคนที่เหมาะจะใช้ EV คือ 1. ใช้รถเยอะ เพราะประหยัดไปมากในการเดินจากค่าใช้จ่ายเหลือเพียง 50 - 70 สตางค์ต่อกิโล เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน 1.75 - 3 บาทต่อกิโล และไม่มีหรือมีน้อยมากหลักร้อยบาทสำหรับค่าเซอร์วิสตามระยะ 2. คนที่ไม่มีความรู้เรื่องการบำรุงรักษารถยนต์เครื่องสันดาป ผมใช้ Tesla มา 36,000 โล เซอร์วิสเดียวที่ทำคือเปลี่ยนแผ่นกรองแอร์ในห้องโดยสารเพราะมีกลิ่นเปรี้ยว นอกนั้นไม่ต้องเซอร์วิสใดๆ Tesla กำหนดให้เช็คดังนี้ น้ำมันเบรคทุก 4 ปี, สลับยางทุก 10,000 โล, กรอง HEPA เปลี่ยนทุก 3 ปี กรองแอร์ทุก 2 ปี แต่ถ้ามีกลิ่นก็เปลี่ยนก่อนได้ตามความเหมาะสม ทำความสะอาดเบรคทุก 20,000 โลถ้าอยู่เมืองหนาวที่มีการโรยเกลือใส่หิมะตอนหน้าหนาว ถ้าเมืองร้อนก็ดูแลพร้อมเปลี่ยนน้ำมันเบรคที่ 4 ปี, น้ำยาหล่อเย็นแบต ถ้าต้องเซอร์วิสจะมีเตือนมาแต่โดยปกติจะไม่ต้องเปลี่ยน สรุปแล้วแทบไม่มีอะไรให้เซอร์วิสเลย 3. มีรถสำรองที่บ้านในกรณีที่ต้องรอซ่อม เพราะอาจจะรออะไหล่นานกว่ารถน้ำมัน และเป็นคนที่ดวงซวยชอบขับไปชนและชอบโดนชน 4. คนที่ชอบขับเร็วเพราะแรงบิดมาทันทีที่กดไม่มีรอรอบ ถ้าตัวแรงๆนี่ดึงระดับเดียวกับพวก Supercar แต่ความเร็วปลายจะน้อยกว่า 5. ไม่สนราคาขายต่อ เพราะถ้าถึงจุดที่ใช้ไปแล้วแบตเสื่อม ราคาขายต่อตกมาก สามารถเอาแบตมาใช้เป็นแผงแบตสำหรับ Solar cell ได้ ไม่ต้องขายแบตทิ้งถูกๆเพราะมีแต่คนหาแบตจากรถมาทำแบตเก็บไฟ Solar cell 6. มีความเข้าใจในรถ EV พอสมควร ส่วนใหญ่คนที่บอกว่า ระวังนะ 8 ปีต้องเปลี่ยนแบต จริงๆแทบไม่เป็นแบบนั้นเลย คุณตามเพิ่งเทส Tesla Model S รถปี 2013 วิ่งไป 280,000 กิโล แบตเสื่อมไป 14% เอง ฉะนั้นคนที่ฝังหัวว่า 8 ปีต้องเปลี่ยนแบตนะ จะใช้เงินอีกเท่าไหร่ ก็จะเหมือนเราซื้อรถเครื่องสันดาปแล้วมีคนบอกแหละว่าหมดประกัน 3 ปี 5 ปี ต้องเปลี่ยนเครื่องกับเกียร์ใหม่นะ ซึ่งมันไม่ได้เป็นแบบนั้น Cycle ของแบตรถ EV มันเยอะกว่าพวกแบตมือถือมาก NMC Battery มี Life cycle คือ 2,000 - 2,500 ส่วน LFP มี Life Cycle 3,000 - 10,000 รอบการชาร์จ ซึ่ง 1 Cycle คือ ชาร์จจาก 0-100% ไม่ใช่ชาร์จ 1 ครั้งคือ 1 Cycle แบบที่หลายคนเข้าใจผิดกัน ฉะนั้นแบต NMC ชาร์จเต็มวิ่งจนหมดตีง่ายๆวิ่งได้ 400 โล ถ้านับตาม Life Cycle แล้ว แบตในรถคันนึงวิ่งได้ 800,000 - 1,000,000 กิโลก่อนจะหมดสภาพการใช้งานโดยสมบูรณ์สำหรับ NMc ส่วน LFP ก็ไปคูณเอาครับ แต่เราใช้กันไม่ถึงหรอก พอเก่าๆหน่อยรถผุ ช่วงล่างพัง ทนใช้ไม่ไหวก็เอาแบตไปเก็บไฟจาก Solar cell แทน 7. เป็นพวก First Mover 555 ชอบอะไรใหม่ๆ

ผมใช้ BMW iX3 มาได้ 1 ปีละครับ เป็นรถคันเดียวของบ้านด้วย รู้สึกคิดไม่ผิดเลยที่ซื้อ iX3 มันขับดีมาก โดยเฉพาะเกียร์ B (one padel) ที่ BMW มีมาให้ มันเนียนมากเวลาขับ ทุกวันนี้ขับแต่เกียร์ B เกียร์ D แทบจะไม่ได้ใช้ ☺️ iX3 ช่วงล่างดีมากครับ ผมซื้อระบบ Adaptive M suspension ด้วย ทำให้ถุงลมถูกเปิดใช้งาน และสามารถปรับแต่งระบบการขับขี่ได้มากขึ้นด้วย ทำให้เราเลือกสไตล์การขับในแบบที่เราชอบได้เลย ถ้าไม่ซื้อมันใช้งานไม่ได้น่ะครับ อันนี้โดนไป 19900 บาท ซื้อผ่านเว็บแล้วรถมันจะ connect เพื่อเปิดระบบให้ ระบบ Adaptive M suspension ของ iX3 ดีมากกกกก ถ้าขับแบบใช้ความเร็วจะเห็นผลชัดมาก ช่วงล่างจะดีขึ้นมาก ๆ เลย สิ่งนึงที่ BMW ทำออกมาดีก็คือระบบการวัดระยะทางซึ่มันงแม่นมาก บวกลบราว ๆ 5-10km เพราะงั้นเวลาที่ขับไป ตจว เราสามารถคำนวณจุาร์จได้แม่นยำมาก ถ้ารถมันบอกว่าขับได้อีก 200 กิโล นั่นคือเป็นตามนั้นบวกลบ 5-10 กิโล iX3 ให้ระบบช่วยขับ Adaptive cruise control มาเต็มมาก มีทุกอย่างที่ X6 รุ่นใหม่มี ที่ไม่มีอย่างเดียวคือระบบเปลี่ยนเลนแบบออโต้ ข้อเสียที่เจอช่วงหลัง ๆ คือมีช่วงนึงที่ขับไป ตจว บ่อย ๆ ชักเริ่มรู้สึกปวดหลัง แก้ปัญหาด้วยการไปซื้อเบาะรองหลังของ Toyota Airlumba ToGo มาใช้ ขับสบายขึ้นเยอะเลย 😁 ช่วงแรกที่ผมรับรถมา ไม่มีระบบเตะเปิดท้ายรถมาด้วยครับ เพราะเป็นช่วงชิปขาดแคลน แต่พอรับรถมาสัก 5-6 เดือน BMW มีแจ้งให้เข้าไปติดเซ็นเซอร์เพื่อให้ระบบเตะเปิดท้ายรถใช้งานได้ ใช้เวลาติดราว ๆ 2-3 ชั่วโมง ก็เสร็จละครับ

หลายคนคอมเม้นเหมือนไม่ได้ดูคลิป หรือดูแต่ไม่เข้าใจที่คุณอาร์ตจะสื่อก็ไม่รู้แหะ คุณอาร์ตไม่ได้ห้ามซื้อเลยนะ EV ถ้าคุณพร้อมคุณซื้อได้เลย รถ EV มันดีอย่างที่คุณว่ามานั่นแหละ แต่สำหรับคุณอาร์ตรถมันมีมากกว่าการเอาไว้ใช้งานเค้ายังสนุกกับรถน้ำมันอยู่ ยังมีอีกหลายคันที่เค้าอยากซื้ออยากลอง อันนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวเค้าแล้วนะ เค้าไม่ได้ว่ารถ EV ไม่ดีด้วย มันดีกว่ารถน้ำมันหลายส่วน แต่รถน้ำมันเค้าคุ้นเคยและสนุกกับมันมากกว่า ในฐานะรถมือสอง (ช่องนี้เป็นช่องรถมือสองนะครับ อย่าลืม) ส่วนเรื่อง EV มันล้ำจริง ใช่ แต่มันอยู่ในจุดที่พัฒนาเร็วมาก ทำให้ถ้าคุณซื้อตอนนี้ จริงครับ ซื้อก่อนคุ้มก่อน แต่ซื้อทีหลัง คุ้มกว่า ทั้งเทคโนโลยีที่ดีขึ้น จุดชาจที่มากขึ้น ระยะเวลาชาจที่ลดลง ระยะทางที่ไกลขึ้น และที่ผมว่ามา มันไม่ได้รอนานเลย คือส่วนตัวผมว่า EV ตอนนี้ เหมือนยุคเปิดตัว iPhone 4 มันล้ำมากมันว้าวมาก จอ Retina รูปทรงสวยงาม เครื่องแรง แต่หลังจากนั้น 5 ปีมันมี 6S+ จอใหญ่เครื่องแรงแบตอึดกว่า แล้ว 4 กลายเป็นล้าสมัยไปเลย แต่เทคโนโลยีมันต้องถึงทางตัน EV ก็เช่นกัน ถ้าคุณซื้อตอนที่เทคโนโลยีมันตันแล้ว ตอนนั้นมันจะใช้ได้ยาวกว่า เช่น iPhone 11 Pro เรื่มตันแล้ว หลังจากนั้น 5 ปี มี iphone 15 Pro เอาจริง ใช้งานไม่ต่างกันเลย เพราะมันพัฒนาไม่เยอะมาก จอขนาดเดียวกัน ความเร็วของใหม่เร็วกว่า แต่ของเก่าก็ใช้งานได้ หลักๆเหมือนกัน ต่างแค่ออฟชั่นนิดหน่อย ไม่ได้ต่างกันเยอะเหมือน iphone 4 กับ 6s และถามว่า iPhone 4 ดีมั้ย สมัยนั้นคือดีครับ เหมือน EV สมัยนี้แหละ แต่ถ้าให้เราใช้ iphone 4 ตอนนี้เอามั้ย มันไม่ไหวแล้วทั้งเทคโนโลยีทั้งการใช้งานจริง ก็เหมือนคนที่บอกว่าแบต Ev อยู่ได้ 15 ปีแหละครับ ถามว่าถ้ามันอยู่ถึงตอนนั้นจริง ใครจะยังใช้อยู่บ้าง รถใหม่ชาจทีวิ่งได้ 1000 โล+ เวลาชาจ 5 นาที รถเก่า 15 ปีแบตเสื่อม ชาจทีครึ่งชมวิ่งได้ 200โล (แต่เอาจริงก็ใช้ได้แหละ) ค่าเปลี่ยนแบตแพงกว่ารถมือสองอายุ 5 ปีอีกมั้ง คุณอาร์ตถึงบอกสำหรับคนที่ไม่พร้อมคนที่ลังเล (แบบผม) ให้รอดูอีกสัก 2 ปีตอนนั้น EV มือสองเกลื่อนเมืองจะรู้แล้วว่าคันไหนดีคันไหนจุกจิกมีปัญหาค่อยเล่นตอนนั้น สบายกระเป๋ากว่า ส่วนตัวผมก็รอเทสล่า Model Y มือสองราคา 5-6 แสนนะ ว่ามันยังขับได้อยู่มั้ย กะว่าน่าจะอีกสัก 5 ปี

ไปลองครับ ใช้แล้วผมไม่กลับมาใช้รถน้ำมันแน่ๆๆ บีเอ็มที่บ้านจอดสนิท เทคโนโลยี ไม่นิ่งจริงครับไม่เถียงแต่ถ้าต้องเปลี่ยนรถ เชื่อผมไป ev สักคันจะติดใจ แต่ถ้าไม่ต้องเปลี่ยนรถ อย่าเปลี่ยน

ถ้าอนาคต ev ไม่ดีจริง tesla คงไม่มีเป้าหมายสำคัญขนาดนี้ครับ ผมว่า ev คืออนาคตแน่นอน และต้นทุนที่ถูกลง แล่นไกลขึ้น ชาร์จไวขึ้น ก็จะมาเรื่อยๆ เพราะมันคืออุปกรณ์เทคโนโลยีชนิดนึง ส่วนรถน้ำมันจะค่อยๆลดลงแน่นอน ไม่ต่างจากยุคถ่าน มาไฟฟ้า ส่วนเรื่องซ่อมบำรุง ใครบอกไม่ต้องซ่อม มันต้องซ่อมหมด พวกอุปกรณ์เสื่อมสภาพ มันเหมือนกัน ยึดกับรถแบรนดีๆอย่าง byd แล้วดูนะครับว่าอนาคตจะเป็นยังไง ผมว่าไปได้อีกไกล ส่วนแบตมันจะเสื่อมเหลือ 50 โลจาก 400 โล ก็ยังขับได้ ไปตลาดได้ หรือเอามาทำ power grid ก็ยังได้ สำคัญที่สุดคือ ค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพงเท่าสันดาป ค่าไฟถูกกว่าและไม่ลอยตัวเท่า การผลืตไฟใช้เองได้ เทรนแบตที่พัฒนาอีกไกล ยังไงก็อนาคตครับ รถญี่ปุ่นไฟฟ้าก็กำลังพัฒนา อีกซักพัก มันไม่ต่างจากยุคไอโฟนมาใหม่ๆครับ เทสล่าลดต้นทุนได้มหาศาล ทำให้คนมาใช้ และล่อด้วยการขับอัตโนมัติเข้ามา ผสานกับเทคโลโลยี ev ไม่นานก็ครองใจคนแบบไอโฟน อีกเรื่องคืออัตราเร่ง พละกำลังโคตรแรงเหลือเฟือ ถ้าคุณใช้น้ำมันมันก็ตันได้เท่านี้ ลองไปเหยียบ 0-100 ในรถที่ม้าเยอะๆของรถไฟฟ้าดูครับ มันสุดมาก ตามเท้ามาก

พึ่งซื้อ Model 3 Performance มาตอนเดือนมิถุนา เป็นแฟนช่องพี่อาร์ทอยู่ครับผม เพราะผมกำลังพยายามจะซ่อมรถเก่าที่ใช้อยู่เลยติดตามคอนเทนท์ของพี่อาร์ท ได้ความรุ้เยอะมากครับ ชอบมาก แต่ในขณะเดียวกัน ผมคงไม่กลับไปใช้รถ ICE แล้วครับ ผมใช้ Benz E200NGT(W211) และ CLS250 CDI (W218)อยู่ครับ รถพวกนี้ เหมือนมันทำลายตัวเองได้ ขนาดใช้รถน้อยมาก ไอนู่่นไอนี่ก็ยังทยอยเสีย รู้สึกเหมือนคนโง่เลยครับ ซื้อแพงกว่า แล้วยังต้องมานั่งซ่อม ราคาขายก็ตกหนักมาก เลยฝังใจว่าอย่างไรจะไม่ซื้อรถยุโรปอีก ---- พอหลังใช้เทสล่ามา แฮปปี้มากครับ ไม่ใช่ว่าราคาขายไม่ตกนะครับ แต่รวมๆพอใจกว่ามากๆ ถ้าระยะยาวไม่มีปัญหา คงไม่เปลี่ยนยี่ห้อแล้วครับ

ดีใจมากที่คนแห่ไปชอบ EV นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้รถดีๆ และถ่วงดุลย์ราคาน้ำมันให้เราซะอีกด้วย

เอามาจากไหนเหรอครับ ที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์เทสล่าเป็นหมื่นเหรอครับ? ผมดูคลิปพี่ตามมานานมาก ชอบมาก เสียดายที่งานนี้พี่ทำรีเสิร์ชน้อยไปนะครับ คงเหมือนที่ Henry Ford พูดไว้แหละครับ “If I had asked people what they wanted, they would have said faster horses.”

สำหรับผม ถ้าจะถึงเวลา เล่นรถ ev สิ่งสำคัญอันดับแรกเลยคือ ต้องเห็นเทคโนโลยีการผลิตแบตรถ ev นิ่งและเสถียรก่อน เช่น สามารถวิ่งได้ 1000 กม ต่อการชาร์ท 1 ครั้ง พร้อทระบบชาร์ทเร็ว เต็มภายใน 30 นาที ลักษณะเหมือนกับแบตในมือถือ ที่ตอนนี้ แบต 4000 พร้อมชาร์ทเร็ว 60 w เป็นระบบขั้นต่ำ เพราะเราพอประเมินได้ว่า ปีหน้าหรืออีก 2 ปี มันไม่มีมือถือที่แบต 8000 ชาร์ทเร็ว 200พ ออกมาในใช้ในมือถือ ที่หนักไม่เกิน 200 กรัม ได้แน่ๆ ........................ แต่ใน ev ปีหน้า แบตชาร์ทเร็วขึ้น วิ่งได้ไกลขึ้น มันยังมาเรื่อยๆ ทุกปี ซื้อเวลานี้ อายุรถมันสั้นแน่นอน ใช้ไปอีก 2-3 ปี จะเจอ ev ชาร์ท 20 นาที วิ่งได้ 1000 กม ..... แล้วราคารถจะเหลือเท่าไหร่ เพราะเหมือนของตกยุคทันที ev เวลานี้มันเหมือนเทคโนโลยี ไม่มีคำว่าคลาสสิค แบบรถน้ำมัน

สำหรับเราที่เป็นผู้หญิง ถ้าไม่นับเรื่องรักโลก เราอยากใช้ ev เพราะ -เราไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถอ่ะ เรามองรถ ev คือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างนึง แต่ถ้ารถสันดาปมันไปยุ่งกับหลายเรื่องในแง่เครื่องยนต์กลไกอ่ะ ดูไม่เป็นและไม่อยากวุ่นวาย -เรื่อง 8 ปี นี่เราขำนะ ทำไมทุกคนท่องกันจัง แค่เพราะมันหมดประกันไม่ใช่ว่ามันขับไม่ได้เลย มันไม่ใช่ว่า 8 ปีแล้วแบตพังอ่ะ มันก็ใช้ได้แค่ระยะมันลดลง -สามารถเผลอนอนหลับในรถได้ไม่ต้องกลัวตาย

ขอบคุณครับ ที่แชร์มุมมองมีประโยชน์มากครับ 👍🙏😎

ลองคำนวนง่ายๆว่า รถEVใช้ประหยัดค่าพลังงาน 60,000-80,000บาทต่อปี แต่ แต่ ถ้าจะซื้อรถที่ใช้ทน ก็ต้อง Tesla แต่ แต่ ประกันรถปีละ 6-8หมืีน สรุป เอาค่าประหยัดพลังงานไปจ่ายค่าประกันรถยนต์

ผมขับรถในประเทศไทย มา 2 ล้านกิโล ผมยังจะใช้รถน้ำมัน ต่อไปก่อน ที่ รถไฟฟ้าจะนิ่งกว่านี้ คำนวนความประหยัด แล้วต้องใช้ 6.6 ปีถึงจะคุ้มทุน ประกันแบต 8 ปี 160000 โล ก็ไม่คุ้มเพราะ เพราเฉลี่ยให้ขับแค่ สองหมื่นโลต่อปี ก็ขัดแย้งกับคำว่ายิ่งขับเยอะ ยิ่งคุ้ม เพิ่งไปดู Seal ตัวท้อปมาลองขับสามครั้ง สุดท้ายก็คิดว่า มูลค่าของรถ ev อยุ่ที่ ก่รประหยัดไม่ได้อยุ่ที่ราคาตัวรถ มันจะไม่ต่างจากมือถือเลย

ผมมองอีกด้าน ตอนนี้ผมไม่กล้าซื้อรถสันดาปแล้ว ผมใช้รถคันนึงไม่ต่ำกว่า 8 ปี ผมกลัวว่า อีก 8 ปี โลกคงเปลี่ยนไปเยอะแล้ว ถ้าอีก 8 ปีไม่มีใครต้องการรถสันดาป รถสันดาปมือ 2 ก็คงไม่ต่างจากเศษเหล็กเหมือนกัน ทุกอย่างมันคือการบริหารความเสี่ยง ผมมองว่าไม่ว่าจะสันดาป หรือ EV จะทางไหนมันก็เสี่ยงไม่ต่างกันครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ตอนนี้รถใช้ผมเลือกรถเล็กญี่ปุ่นมือสองถูกๆ มาติดแก๊ส ตกกิโลเมตรละ50สต.รอก่อนครับ ส่วนรถโชว์ มือสองเบนซ์ เวลาติดต่อธุรกิจทั่วไป เบนซ์ บีเอ็ม คนไทยยังให้ค่าอยู่ครับ

ผมคิดเหมือนพี่ทุกประการครับทุกวันนี้ มี BMW diesel 2 คันสบายๆครับ EV ผมคงรอซัก 5 ปีนู้นครับให้มันนิ่งครับเเต่ไม่ชอบคนมาบูลลี่ควันรถน้ำมันกันครับ

มันแบ่งชัดเจนอยู่แล้ว คนที่จะซื้อ ส่วนใหญ่เป็นคนติดตามข่าวสาร ชอบเทค ชอบลอง ไม่ค่อยสนราคาขายต่อ และ "ขี้งกกกกกกกกกก" ใช้ครับ คนซื้อ EV ไม่ใช่คนรวยนะ แต่ขี้งก เบื่อกับการเติมน้ำมันราคาขึ้นๆลงๆ ไฟฟ้า ทำจริงจัง เราผลิตใช้เองที่บ้านได้เลย อาจลงทุนสูง แต่มันใช้ได้ยาวๆ คืนทุน 10 ปี ไม่นานเลย ส่วนคนไม่ซื้อก็คือไม่ซื้อ แค่หาเรื่องถาม หาเรื่องคุย หาเรื่องแซะไปเรื่อย ไอ้พวก 2จิต2ใจ ส่วนใหญ่จะจบที่ไม่ซื้อ แรกๆผมเชียร์ ชอบคุยกับพวกนี้ แต่หลังๆไม่คุยแล้ว เสียเวลา

มาเลเชียคนใช้รถ EV น้อยมากเพราะราคาน้ำมันของมาเลเชียถูก คนจึงยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้รถ EV แต่ในไทยราคาน้ำมันแพง คนจึงหันไปใช้รถ EV กันเยอะ ถ้าน้ำมันถูกเหมือนมาเลฯคนไทยคงยังไม่ใช้รถ EV แน่ๆ

เรื่องเดียวเลย ยังไม่ิอยากตีกันหน้าปั้มวอลชาร์จครับ วินัยคนยังไม่เหมาะกับที่ชาร์จสาธารณะ

ผมซื้อ EV มาเป็นรถคันที่ 2 อีกคันเป็น ICE แล้วปรับไฟที่บ้านมาเป็น TOU เพื่อชาร์จรถ ใช้มา 5 เดือนแล้วครับ ค่าไฟแทบจะไม่ต่างจากแต่ก่อน ค่าน้ำมันหายไปเลย ตอนนี้ ICE จอดสนิทไม่มีใครใช้

อยู่ที่ life style นะ รถ EV ก็ยังเหมาะ เป็น city car ตอนนี้มีข้อจำกัดเรื่องการชาร์จ พอสมควร ราคาขายต่อถ้าใช้งาน 7-8 ปี ก็ตี 0 บาทไปจะได้สบายใจ เพราะมันจะมีรุ่นใหม่มาทับรุ่นเก่า เร็วกว่าพวกเครื่องสันดาป แถมแข่งขันกันด้านราคาอีก อีกอย่างคือ อุบัติเหตุ ระวังให้มากครับ ยังไงก็ต้องมีเครื่องยนต์สันดาป สักคน spare ไว้ใช้ยามฉุกเฉินครับ สรุปคือ รถอะไรก็ได้ที่เราขับแล้วเราสบายใจ ทุกอย่างมีทางออกตามเส้นทางของมัน ไม่มีผิดมีถูก ครับ เรียนรู้กันไป

เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ที่แน่ๆ ซื้อรถ ev แล้วใช้เยอะๆ ยังไงก็คุ้ม ฝืนอนาคตกันไม่ได้ เวลากำลังทำงาน ผลประโยชน์ล้วนๆ แต่อย่าคิดช้าแบบ Nokia กันนะครับ เดี๋ยวจะลำบาก😊

ถ้าจะซื้อรถแพงๆ ยิ่งรถยุโรป รถไฟฟ้า100% คุ้มครับ สิ่งสำคัญเลยคือ ไม่ต้องกังวลการซ่อมเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ และรถไฟฟ้าเลือกยี่ห้อที่ใหญ่ ยุโรป อเมกา ใช้ได้ยาวๆ ไม่ตำกว่า 15ปี แน่นอน แบตเสื่อมยาก แต่ถ้าเล่นรถราคาถูก ใช้รถสันดาปไปครับ

เห็นด้วยเลยครับ ถ้านับ ณ ตอนนี้ 2023 ผมว่าเงื่อนไขหลักเลยต้องเป็นรถคันที่สองเป็นต้นไปเท่านั้น ต้องมีอีกคันแสตนบายพร้อมใช้ เวลาไม่มีปัญหาไรแฮปปี้ แต่ถ้ามี ตอนนี้ข้อมูลต่างๆน้อยมาก

เป็นประเด็นที่พูดยาก แต่สรุปได้ดีมากครับ 👍👍👍

ขอบคุณมุมมองความรู้ครับ

ถ้าเป็นคันหลักผมว่ายังครับพี่ รถไฟฟ้ากลายเป็นรถที่เน้นขับในเมือง ขับไปจังหวัดใกล้ๆ ถ้าต้องเดินทางยาวๆ บ้านผมเป็นสไตล์ไม่ชอบแวะ แวะก็ต่อเมื่อเติมน้ำมันเท่านั้นด้วย เลยยังมองว่าไม่น่าเล่นเท่าบ้านตัวเอง แถมตามที่พี่บอกเลยครับ รถไฟฟ้าเทคโนโลยีไปไวยังไม่เสถียร ซื้อปีนี้ ปีหน้าเหมือนออกของมาว้าวอย่างกับอุปกรณ์เทคโนโลยีทั่วไปเลย

ผมชื้อ atto3 วื่งมา 20000 โล แล้วมีความสุขกับการใช้งานครับ รถน้ำมันใช้งานน้อยลง

ผมอยู่ ตจว มองดูแล้วอีก 3-5 ปีค่อยว่ากัน ซื้อมาแล้ววิ่งได้แต่รอบๆที่ตัวเองอยู่ พวกที่ชาร์จตามปั๊ม ด้วยนิสัยคนไทย ยังห่างไกลครับ ทั้งจอดแช่ ทั้งเอารถอื่นมาจอด ทั้งเรื่องคิว ฯลฯ

ถ้าจะซื้อมือสองจริงๆ ในอีก5-8ปีข้างหน้า ยังขอเป็นเทศล่าเพราะซอฟแวร์ดีสุด อาจจะมาเปลี่ยนแบตใหม่ คิดว่าตอนนั้นแบต(น่าจะ)ถูกลงมากและดีขึ้นมาก และเปลี่ยนโช๊ค ยางใหม่แค่นี้ ขับต่อได้อีก10ปี แต่มือสองต้องได้ราคาถูกจริง5แสนลงมา

รถมือสอง ตอนนี้เต็มเต้นท์ครับ ปัจจุบัน สถิติ รถไฟฟ้า 5%ของยอดขายรถแล้ว ในไทย สถิติบอกส่า ของอะไรผ่าน 5% ไปได้ ไม่เกินสามสี่ปี กลืน

มันพึ่งเริ่มต้นยุค EV เอง ต้องพัฒนาถึง generation 3 ขึ้นไปถึงน่าเล่นครับ

ดีครับ ฟังจากพี่อาร์ต ได้แง่คิดหลายแบบครีบ

อยู่ใน safe zone ก็เปลืองค่าน้ำมันต่อไป คิดง่ายๆถ้าหากติด wall charger ที่บ้าน ค่าน้ำมันเดือนละ 5000 ค่าไฟประมาณ 1000 เมื่อเทียบกับรถประหยัดน้ำมันอย่างน้อย 20 กิโล/ลิตรนะ แต่สิ่งที่ยากกว่าในส่วนของ EV คือความรู้ในการเลือกรถพื้นฐานอย่างเช่นตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า ขนาดแบต A segment ประมาณ 40kwh , B segment ประมาณ 50-60 kwh , C - D segment ประมาณ 60-80kwh การซื้อที่คุ้มค่าคือซื้อตอนเปิดตัวใหม่ๆเลย หรือ ซื้อตอนช่วงปลายโมเดล จะคุ้มสุด เพราะ ได้ใช้ก่อน เจ็บไม่เยอะ หรือ ช่วงปลายก็ได้ส่วนลดเยอะ การซื้อช่วงกลางจะเสี่ยงสุด และเงื่อนไขสุดท้ายที่สำคัญคือคุณต้องมี wall charger ที่บ้านเพื่อความคุ้มค่าขั้นสูงสุด และ ศูนย์บริการไม่ไกลจนเกินไปเพื่อลดความเสี่ยงเมื่อต้องซ่อมศูนย์ ส่วนเจ้าของคลิปเนี่ยเขาไม่เดือดร้อนอยู่ละเพราะยินยอมเติมน้ำมันต่อไป แต่ถ้าใครเดือดร้อนเพราะค่าน้ำมันเดือนละ 4000-5000+ แนะนำขายรถเดิมไปซื้อ EV เถอะ เงินคุณจะเหลืออีกเยอะ

รอได้ครับ รอให้จุดชาร์จเยอะกว่านี้ เพราะคนที่มักง่ายจอดแช่ก็มีเยอะ ถ้ารีบคงไม่ไหว กับรอให้มีทางเลือกอะไหล่พวกมอเตอร์ แบต ฯลฯ นอกศูนย์บริการ อาจจะซักภายใน 5 ปีนี้

ได้ใช้แล้วครับรถขับดีกว่ารถน้ำมันในทุกมิติ แต่รถมีข้อเสียคือจุดชาร์จที่มีไม่พอ และเสียเวลาไปกับการชาร์จเยอะเอาการ ในมุมคนขับชิวๆก็คงยอมรับได้แต่ผมรีบอย่างน้อยรถต้องทำความเร็วระดับ100ยาวๆได้นานๆ ล่าสุดเอาไปภาคเหนือมา ใจไม่สงบเพราะต้องมาดูที่ชาร์จและดูระยะทางวื่งว่าเพียงพอต่อการไปตามจุดเทียวต่างๆหรือไม่ แถมต้องโทรถามที่พักว่ามีจุดชาร์จแบบไฟ220บริเวณจุดจอดรถด้วยหรือเปล่า เวลาขับรถกลับผมจะอัดรถแบบแทบไม่พักเพื่อกลับบ้านเพราะชอบออกสาย จากปรกติระยะทาง600โลใช้เวลา8ชั่วโมง พอใช้รถไฟฟ้าปาเข้าไป13ชั่วโมง

พี่อาร์ตทำคลิปความแตกต่าง ระหว่างรถขับหลัง กับรถขับหน้า ความต่างกันมันต่างกันอย่างไร ส่วนมากคนเราไม่สนใจตรงนี้ชะเท่าไร เพราะส่วนมากยุโรปขับหลัง การขับขี่ต่างจากรถขับหน้าทั่วไปอยู่แล้ว

สำหรับผมรถที่จะซื้อคันต่อไปต้อง ev ครับ ถึงเวลาเลิกพิจารณาซื้อรถน้ำมันแล้วครับ ผมไม่ได้มองแง่เทคโนโลยีอย่างเดียว แต่มองในแง่สิ่งแวดล้อมและค่าพลังงานเชื้อเพลิงครับ

ส่วนตัวคิดว่าราคากับคุณภาพยังไม่เสถียรครับ ถ้าจะเล่นก็คงเป็น Tesla และคิดว่าโมเดลขายรถยนตร์ในอนาคต (

ณ ตอนนี้ ระหว่างรถสันดาปแบบพวกรถสองประตูอย่าง c coupe (W205) มือสอง กับรถไฟฟ้าอย่าง tesla ไม่รู้จะเลือกอะไรเลยครับ ถ้าเลือกรถไฟฟ้าก็คงใช้งานไปจนเมื่อถึงจุดหนึ่งต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ ตามสไตล์ของอุปกรณ์ที่เป็นเหมือน gadget มากกว่า อายุ 6-8 ปีก็ใช้งานไม่ได้ประสิทธิภาพเหมือนเดิม เว้นแต่รับได้กับมัน กับรถน้ำมันที่อนาคตคงหมดยุคแล้ว แต่มีข้อดีที่ถ้าเราดูแลดี ซ่อมถึง ประสิทธิภาพมันก็ยังเหมือนเดิม ติดที่พอนานไป 10-15 ปีจากนี้จะยังมีอะไหล่อยู่ไหม จะมีทางให้ไปต่อได้รึป่าว เมื่อก่อนคิดว่าอย่างจะซื้อที่ชอบสัก 1 คันแล้วอยู่กับเราไปยาว ๆ

เพื่อนผมใช้ good cat วิ่งไปกลับทำงาน 100 กว่าโลโครตคุ้มเลยครับประหยัดโครตๆผมกำลังดู EV ไม่ไหวค่าใช้จ่ายน้ำมันแล้วไปกลับที่ทำงานค่าน้ำมันเยอะ

ได้มุมมองเยอะมากเลย ขอบคุณมากครับ

เยี่ยมมากครับพี่❤❤

เห็นด้วยกับพี่อาร์ตเลย ถ้าไม่รีบก็ รอดูไปก่อน เราก็อยากเห็นว่า ถ้าคนที่ซื้อEV ครบผ่านไป4-5ปี จะได้เห็นปัญหา ราคาอะไหล่ ราคาเมื่อปล่อยขายในตลาด วงจรชีวิตครบลูปพอดีครับ พี่อาร์ต ย่อยเนื้อหาง่าย เพลินดีครับคลิปนี้ 😊

555 ชอบๆ จะเอามาให้รีวิวต้องจ่ายตัง ต้องตำหนิ ชื่นชม จุดดีจุดเด่นได้ด้วย ..........เป็นสิ่งที่รีวิวควรจะเป็นคือต้องติได้ 😆

ปัจจุบัน Ev คือ luxury ส่วนตัวมองว่าต้องjustify ในมุมอยากรักโลกเท่านั้น มันไม่มีทางประหยัดกว่ารถสันดาปถ้ามองเป็น total cost of ownership ev รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง assume ใช้รถ 5 ปี รวมราคาขายซาก ยังไงก็แพงกว่า toyota hybrid ในrange ราคาเดียวกัน

EV เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมากๆ เลย ส่วนรถ ICE เองก็จะมีความต้องการที่ Niche มากขึ้น จะมีคนอีกกลุ่มใหญ่ที่ยังต้องการและมีความจำเป็น...รวมถึงในแง่ความรู้สึกของคนอีกลุ่มที่จะโหยหาความเป็นรถเดิมๆ มากขึ้น พอนึกถึงภาพอีก10-20 ปีข้างหน้า ลูก/หลานไปมหา'ลัย เพื่อนขับรถไฟฟ้าจอดเรียงกันเป็นตับๆ มีลูกหลานเราขับรถ ICE ไปอยู่ไม่กี่คัน มันก็รู้สึกดีไปอีกแบบ ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อมผมมองว่ามีเรื่องให้หยิบมาทำในชีวิตประจำวันได้อีกหลายเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องรถไฟฟ้า Sustainability มันกว้างมาก มีให้เราเลือกหยิบจับมาช่วยกันลดมลภาวะตามที่เหมาะสมกับเราได้อีกหลายมิติ ส่วนคนที่ไม่ถนัดเรื่องการดูแลรักษา EV เป็นทางเลือกที่ดี อะไหล่ชิ่นส่วนต่างๆ เมื่อเทียบกับสันดาป มันก็ลดลงไปเยอะ สุดท้ายก็เลือกเอาที่เหมาะสมกับตัวเอง ถึงวันนึง รัฐออกนโยบายมาเก็บภาษีคนใช้รถสันดาปมากขึ้น ก็จะยังมีคนยอมจ่าย (เหมือนบางประเทศที่ซื้อคาร์บอนเครดิต) ส่วนตัวผมเองทำงานวันละ 11-12ชั่วโมง อยู่อพาร์ตเม้นง่อยๆ ไม่มีที่ชาร์จ ไม่มีเวลาไปแวะปั๊ม จองจุดชาร์จ ที่ทำงานมีที่ชาร์จ EV ไม่กี่ช่อง เลิกงานก็ค่ำแล้ว กลับมาทำงานต่ออีกจนดึก เสาร์อาทิตย์แทบไม่อยากลุกไปไหน ถึงจะมีรถเท่ๆ ขับสนุกๆ ก็จอดนอนอยู่ห้อง ไม่มีแรงออกไปหาที่ชาร์จทุกสัปดาห์ เติมน้ำมัน จ่าย เจ็บ จบ เผลอๆ ระยะทางผมขับน้อยกว่า kW ของคนใช้ EV ต่อสัปดาห์ด้วยซ้ำ มันมีตัวแปรอะไรอีกเยอะที่คนใช้รถควรให้เกียรติและเห็นอกเห็นใจซึ่งกัน //บ่นๆ ทิ้งไว้เผื่อท่านใดเผลอใจเข้ามาอ่าน ฮาๆ

รอดู tesla model3 highland ตัว performance มีแนวโน้มอาจจะ 0-100 ต่ำกว่า 3 วินาที ออกมาฆ่า supercar ชัดๆ ถ้างบไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้ผมแทบไม่มองรถที่ใช้น้ำมันเลย 🤣 คุณอาร์ทยังชอบรถน้ำมัน ก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะความชอบคนเราไม่เหมือนกัน 😆

สำหรับผม เพิ่งออกHRVมา หลายคนถามว่าราคานี้ทำไมไม่ไปรถEVหล่ะได้หลายรุ่นเลย ส่วนตัวผมคิดเหมือนพี่อาร์ทเลยครับว่า ตอนนี้รถEVยังมีหลายอย่างที่ไม่สะดวก และรถที่ออกมาใหม่ก็เยอะมากแถมมันดีขึ้นทุกครั้งมันทำให้เรารู้ซึกเสียดาย และรถhi-bridก็ประหยัดน้ำมันมากกว่ารถสันดาบเกิน50%ถ้าวิ่งรถติดๆในเมือง อัตราเร่งก็ถือว่าดี เลยคิดว่า น่าจะลงตัวสุดสำหรับตัวเองในตอนนี้

หลังจาก EV ก็จะเป็นรถพลังงาน จล ครับ คอยดูครับ(รุ่นเราอาจจะไม่ได้เจอ) หรือใช้ไฟฟ้าในบรรยากาศ มาเป็นพลังงานขับเคลื่อน แล้วก็จะกลายเป็นรถบินได้

ขอบคุณครับ

พี่อาร์ตพูดถูกครับ อะไหล่ ศูนย์ซ่อมในไทยยังไม่พร้อมเท่าไหร่ เกิดอุบัติเหตุมาที รออะไหล่กันเป็นเดือน ไหนจะเสียเวลาซ่อมอีก อดใจรอก่อนครับ

เทสล่า ครับพี่ โมเดลy มือ2 ทำคอนเทน น่าจะสนุกเลยครับ

EVสำหรับผม ผมมองว่าอะไรที่เป็นกระแส ตลาดวายเร็ว นึกถึงไม้ด่างที่เคยเป็นกระแส สุดท้ายแล้วจะไปอยู่ที่ราคาของความจริง 1.ความเป็นซากในอนาคต เหมือนตลาดในจีน 2.ทำให้นึกถึงศูนย์บริการ ทำให้นึกถึงโปรตอน เชฟวี 3.ถ้ามีเงินมีรภหลายคัน.ชื้อไปเถอะ แต่ถ้ารถคันแรก รถสันดาปดีกว่า

มุมมองผมนะครับ ตอนนี้กำลังเข้าสู่ เฟสการแข่งขันของตลาดรถ EV อย่างที่คลิบว่าเลยผมว่ารถ EV น่าใช้จริงๆคือปี 2025 2026 ++ เพราะตอนนี้รถ EV ผ่านเฟส 1 กระแสเริ่มต้นโปรโมทรถ EV แล้วตอนนี้กำลังเข้าสู่เฟส 2 ถึง 3 การแข่งขันการตลาด

EV 5 ปี ขายต่อ ราคาไม่ตก EV ไม่ซับซ้อน ไม่มี เครื่องยนต์ , ไดชาต์จไดสตาร์ท ,หม้อน้ำ , ปั้มติก ,กรองน้ำมัน ,ยางแท่นครื่อง(แพง) 5 ปีผ่าน ภาระเปลี่ยนอะไหล่ จึงน้อยตามอย่างมาก แต่ EV มีความเสี่ยง ที่แบตเตอร์รี่ 5 ปี อาจมีโอกาสเสื่อม ไม่เกิน 10% แค่บางคัน แต่อีก 5 ปี จะมีเทคโนโลยี่แบตแบบใหม่ เช่น Solid State,sodium ion,กราฟิน ซึ่งมีความจุไฟฟ้ามากกว่าปจจุบัน 2,3 เท่า และที่สำคัญ ราคาถูกกว่าเดิม ถึงตอนนั้นจะมี ธุรกิจ Startup มองเห็นโอกาส ทำแบบตเตอร์รี่มาเปลี่ยนให้ ทั้ง รถน้ำมั้น และรถ EV และหากเป็น EV ที่ใช้กันมากในตลาด เช่น BYD Atto3 จะมีธุรกิจ นำแบตแบบใหม่ราคาถูก มาจัดเป็นแพต ขนาดพอดีกับรุ่นเดิม มาบริการ เปลี่ยนให้ ในราคาจับต้องได้ ปัจจุบัน แบต Hybrid ของรถโตโยต้า หากเสื่อม ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนในศูนย์ มีร้านข้างนอก รับเปลี่ยน ราคา 40000 บาท ในศูนย์ 50000 วันนี้ หรือ 2 ปีเทคโนโลยี ก็ไม่สิ้นสุด อย่ารอ ว่ามันจะชัด ปีที่แล้ว iPhone 14 ปีนี้ 15 ปีหน้า 16 เมื่อไหร่จะชัด

ที่พี่พูดตอนต้นคลิปถูกต้องที่สุดครับสำหรับสินค้าเทคโนโลยีในตอนแรกเริ่มที่เป็น bleeding edge แปปเดียวตกรุ่นเพราะพัฒนาได้ไวมากๆๆและราคาสูงกว่าความเป็นจริง ของใหม่คนเล่นก็เจ็บตัวก่อนแหละครับ นึกถึงสมัยทีวี 42 นิ้วเครื่องละ 2แสน ตอนนั้นมันคือ bleeding edge เหมือนรถ ev ทุกวันนี้แหละกรณีเดียวกันเป๊ะ ทีนี้รถไฟฟ้าควรซื้อตอนไหนสำหรับคนที่ไม่ได้มีความจำเป็นว่าต้องประหยัดน้ำมันมากๆเพราะไม่ได้ใช้รถเยอะ พวกที่ใช้รถเดือนละ 1000โล รอให้เทคโนโลยี ev เข้าสู่ช่วง cutting edge ก่อนครับผมมองว่า 8-10 ปี หรือตอนที่หลายประเทศเริ่มบังคับใช้กฏหมายขายรถน้ำมันนั่นแหละ บางคนอาจจะมองว่าไม่ถึง 10ปี แต่รถยนต์มันเป็นสินค้าที่ใช้กันค่อนข้างนาน เจนนึงผมใช้ life cycle มัน 4 ปีด้วยซ้ำ

พี่อาร์ตพูดถูกเลยครับ เหมือนมือถือเลยครับ เข้าก่อนเจ็บก่อน

วันนี้ของยังใหม่ยังสดอยู่ปัญหาอะไรที่เกิดขึ้นก็ดูเล็กน้อยพอรับได้ เพราะอารมณ์ยังเห่อของใหม่ทั้งรูปร่างและเทคโยโลยี แต่พอใช้ไประยะหนึ่งอารม์เห่อก็ค่อยๆหายหมดไป ปัญหาที่ว่าเล็กน้อยมันก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่เริ่มจะรับไม่ได้ ดูกันยาวๆครับ

เท่าที่คุยคนใช้ EV ที่ค่อยข้างชอบส่วนใหม่ก็จะคล้ายๆ ที่พี่อาร์ตบอก ขอเสริมอีกนิดคือเค้ามีตู้ชาร์จที่บ้าน ส่วนผมถ้าให้ใช้คันเดียวคงยังก่อน

ในระยะสั้นนี้ การแข่งขันใดที่แข่งขันกันด้วยราคา เกรงว่าคุณภาพ กับบริการหลังการขายจะลดลงไปด้วย คงต้องดูกันซักพัก

เราก็ยังนึ่ง อยู่ เพาะอยู่ต่างจังหวัด ต้อนนี้มีเเค่ศูนย์ BYD. รออีกสักหน่อย ไม่รีป เเต่ผมชอบนะ เปิดประตูพ่านมือถือ เปิดเเอร นอนได้ โหมดไลดาร์ต่างๆ ไอ้พวกนี้ รถญี่ปุ่นไม่ไห้มา ภายในโอ้โห้สวยตาเเตก เราว่าในไทย อีก2 ปี รถขับส่วนบุคคล รถไฟฟ้าคงยอดขายเเซงรถนํ้ามันละ ด้วยทีประเทศเรา มันเหมือนระยะวิ่งมันเหมาะกับรถไฟฟ้าด้วยละ ประเทศไม่ได้ใหญ่มาก

พี่อ๊าตพูดถูกใจ มากๆครับ

ชอบรถEVนะ ทันสมัยแรงบิดดี แต่ติดที่ ปกติขับรถน้ำมันจะเติมก็ตอนไฟเตือนน้ำมันหมดโชว์ ชีวิตดูแลงานดูแลครอบครับ ไม่อยากเพิ่มภาระต้องมาวางแผนเรื่องชาร์จรถ แต่ถ้าอนาคตที่ชาร์จมีทุกปั้ม เวลาชาร์จเหลือแค่ 10นาทีแบตเต็ม คงเปลี่ยนใจเอาEV แน่นอน

มองต่างครับ ตอนนี้รถ EV ถึงเวลาแล้ว จ่ายไม่เกิน 2 ล้าน ค่าน้ำมันลดลงไปเดือนละ 5 พัน 8 ปี ค่าใช้จ่ายลดไปเกือบ 5 แสน ไม่รวมค่าซ่อมบำรุงที่ถูกกว่ารถสันดาปเยอะ ไม่ต้องคำนวณว่ารถ EV จะขายต่อได้ราคาไหม แต่รถญี่ปุ่นราคาเดียวกัน ขายกลับคืนมาได้ ไม่เกิน 5 แสน และแนวโน้มราคาขายมือ2 ของรถสันดาปจะลดลงเรื่อยๆ อีก 8 ปี อาจไม่มีอะไหล่แล้วด้วย คำนวณยังงัยก้อคุ้มกว่า ในทางกลับกัน วัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่น้อยลงเรื่อยๆ ราคาอาจกลับแพงขึ้นมาอีก เหมือนรถสันดาป ที่พอผลิตมานานหลายปี แต่ราคากลับแพงขึ้น ไม่ถูกลง ราคารถ EV ตอนนี้ถูกและใกล้เคียงกับราคารถสันดาป แต่ได้สมรรถนะและเทคโนโลยี ที่ดีกว่า ไม่จำเป็นต้องคิดมากเลยครับ

สำหรับผม EV ณ. เวลานี้เหมือน Iphone5 ที่พัฒนามาพอสมควรแต่ยังขาดอีกหลายอย่าง คงรออีก5-10ปีครับ😊

ยังใช้ e60 520d วิ่งเฉลี่ย 1.8 บาทต่อกิโลไปหลวงพระบาง ยังสบาย บำรุงให้ถึงวิ่งรอรถไฟฟ้า อีกนิด

ผมเกรงว่า supply chain ของตลาดรถมือสองกำลังจะพังครับ คนขาย เต้นท์รถ อู่ซ่อม ร้านอะไหล่ อินฟลู....อิอิ

เห็นด้วยเลยครับ ^^ รออีกหน่อยดีกว่าครับ

แนะนำ จริงใจดี

ใครอยากซื้อก็ซื้อได้เลย ไม่มีอะไรนิ่ง การนิ่งคือการล้าหลัง จากไอโฟน2G ถึง ไอโฟน15 ก็พัฒนาขึ้น และ ไอโฟน30 ก็จะดีกว่า ไอโฟน 15

จริงครับ ตอนนี้ใช้รถม้าไปก่อน ซัก10ปีค่อยมองหารถน้ำมัน เห็นยังมีจอดเสียกันอยู่เลย

เราฝืนเทคโนโลยีไม่ได้ มันเกิดให้เห็นจนชิน ในประวัติศาสตร์ คิดง่ายๆ ถ้าวันนี้มีคนผลิตมืถือปุ่มกด ไม่ใช้ทัชสกรีน จะมีซักกี่คนที่ซื้อ

การเลือกใช้รถอีวีของผม อยู่ที่ความประหยัดล้วนๆ เซฟเงินเติมน้ำมันไปเดือนครึ่งหมื่น

สำหรับผมEVจะซื้อเมื่ิอมีศูนย์บริการที่ซ่อมมันได้ไม่ใช่รออะหลั่ยใหม่อย่างเดียวและราคาอะหลั่ยถูกลงกว่านี้ไม่ใช่รถเข้าศูนย์รออะหลั่ย2อาทิตย์ราคาแสนแพง เดินทางไกลรอชาร์จไฟครึ่งชม.ชาร์อีก1ชม อันนี้รับไม่ได้ ยี่ห้อที่จะซื้อคือเทสล่าเท่านั้น

ก็เหมือนอารม ซื้อไอโฟนและครับ ราคาเท่าเดิม แต่ของดีขึ้น ไม่งั้นต้องรอ iphone100ถึงค่อยซื้อ ถ้าอยากได้ดีจริงๆ ถ้ามีตังอยากซื้ออะไรซื้อเลยครับ ถ้าตัวเองรับผิดชอบไหว

ตอน BYD Seal เปิดตัวมา ไปดูแล้วชอบแทบอยากจะวางเงินจองเลยครับ กลับบ้านคิดหนักสุดท้ายไปซื้อ Yaris cross มาใช้

ตัวใหม่ที่กะลังมาอย่าง Changan ก็ไมไ่ด้รู้สึกว่ามันจะดีกว่า ตัวดีๆในตลาดตอนนี้เลย กลัวแต่ว่ารุ่นใหม่ที่จะออกมา 1-2 ปีก็คงไม่หนีไปไกลจากนี้เท่าไหร่ถ้าเอาราคาเท่าๆกัน เทึใหม่ๆก็ย่อมแพงตามด้วย

ผมรอดูอีก8ปีเลย ยังสนุกกับการใช้รถน้ำมัน เมื่อไหร่มันขับได้ไกลๆไม่ต้องห่วงที่ชาร์จค่อยซื้อ ผมคิดว่ารถน้ำมันคลาสสิคกว่าเยอะ

เสริมพี่อาร์ทครับ ตราบใดที่ infrastructure กับ consumer knowledge ยังไม่ถึง อย่าเลยครับ ชีวิตจะยากขึ้นเยอะครับ ผู้ใช้ EV สักกี่คนที่เข้าใจ charging cycles (efficiency vs. charging time) ไหนจะมาตราฐานการจ่ายประจุของตู้จ่าย กี่ kW ฯลฯ (ไม่นับ Tesla Supercharger) ได้รอตู้นาน เพราะคันหน้ารอชาร์จให้ถึง 100%

ตั้งแต่มีรถ ev ใช้ทุกวัน ผมก็คัน อยากได้รถซิ่งไม่หยุดเลยครับ เพราะสบายใจแล้วมีรถที่ใช้งานทุกวันได้ อยากได้รถไว้เล่นโดยไม่ต้องกังวล

ในมุมมองของผมส่วนตัวแล้วEVเป็นเพียงoption พลังงานไฟฟ้าที่เข้ามาเป็นตัวเลือกของตลาดรถยนต์เฉยๆ ก็มีกลุ่มที่ชอบกันไปครับ ชอบรถiceก็ชอบไป ชอบphev ก็ชอบไป บางกลุ่มบางคนชอบมาแซะ ต้องใช้evแล้วสมัยนี้ มันยังมีหลายๆอย่างที่ต้องศึกษาไม่ใช่ฮิตเห่อตามกนะแสกันไป ถ้าคุณพร้อมก็ซื้อเลย วางแผนนู่นนี่นั้นการเดินทาง เหมาะเป็นรถคันที่2 ในมุมของผม

เป็นที่น่าสังเกตุ 80%ของคนที่ชอบด้อยค่ารถน้ำมันจะเป็นคนที่ใช้รถน้ำมันรุ่นเก่าๆ ส่วนคนที่ซื้อรถไฟฟ้ามาใช้แล้วมักจะเฉยๆและมีความสุขกับรถที่ซื้อมาโดยที่ไม่ได้ไปด้อยค่ารถน้ำมัน

ส่วนตัวผมมองต่างเลยครับ ตอนนี้ใช้ EV ในบ้านเป็นคันหลัก 2 คัน(วีคหน้าจะมีอีกคันเป็นคันที่ 3😂😂😂) รถน้ำมันขายหมดบ้านเลยตอนนี้ ใช้ EV ไม่มีปัญหาอะไรเลยกับชีวิตครับ ก่อนซื้อก็กังวลเหมือนกันตรงชาร์จจะนานมั้ย แย่งกันชาร์จมั้ย เลยลองเช่ามาขับดูก่อน 1 วีคผลปรากฏว่าเออเน้อะก็ปกติดีนิ เลยจัดเรย❤❤❤❤

เห็นด้วยครับ รอเทคโนโลยีนิ่ง ค่อยว่ากันเลยครับ

คุณอาร์ท BMW I5 กับMB EQE ตัวไหน น่าเข้ามาเป็นคันหลักของบ้านครับ

เห็นด้วยค่ะ อยากได้ EV แต่ขอรอดูไปก่อนสักปี ยอมขับคันเดิมไปก่อนค่ะ

5ปีใช้ไม่ถึง80000กิโล ใช้รถนำ้มันต่อเหอะครับไม่คุ้ม ช่างซ่อมรถที่จีนบอกรถEVที่จีนแบตเสื่อมเขาก็ยังใช้วิ่งกัน แต่ปัญหาหลักๆคือระบบไฟ กับระบบแอร์ในรถEV ซ่อมไม่จบอะไหลแสนแพง

ผมรอให้จุดชาร์จแต่ละจุดมันเยอะกว่านี้ครับ อย่างจุดนีง 3-4 หัว ขอซีก 8-10หัวต่อจุด ตอนนี้ใช้ Hybrid ไปก่อน

ถึงจะบอกว่า EV เทคโนโลยียังไม่นิ่ง แต่งบ 1.5 ล้าน ณ ตอนนี้รถสันดาปมันด้อยกว่า EV แทบทุกด้านเลย เราก็ต้องเลือกของที่ดีกว่า EV ยังพัฒนาได้อีกก็จริง แต่จะเอาเงินไปซื้อของที่ด้อยกว่ามาใช้ทำไม จริงมั้ยครับ? สำหรับผมไว้รถสันดาปพัฒนาได้ทัน EV ถึงค่อยกลับไปมอง ขึ้นชื่อว่ารถซื้อมายังไงราคาก็ตกอยู่แล้ว รถยุโรป 2-3 ปีก็หายไปหลักล้าน อีกอย่างถ้า EV พัฒนาถึงขีดสุด รถสันดาปก็ต้องราคาตกเยอะเช่นกัน 👍

ผมรอดูEV กระบะ กับ รถ 7ที่นั่ง น่าจะเป็นตัวเร่งยอด EV ในบ้านเราให้พุ่งกระฉุด

เห็นด้วยครับ รออีกสัก 1-2ปี ค่อยเล่นรถ EV

เทคโนโลยีระบบล้อหมุนแล้วชาร์จเข้าแบตเตอรี่ยังไม่ออกมาเลยเพราะถ้าเข้ามาเมื่อไหร่รถก็จะไม่ต้องมารอเติมชาร์จครับถูกของคุณครับมันยังไม่ครบแต่คนแห่กันเข้าไปซื้อไม่ทำการบ้านและไม่ข้นหาข้อมูลให้ดีซะก่อนทุกอย่างเป็นdemand and supply ครับมีข้อมูลออกมาว่ารถไฟฟ้าจีนคันหนึ่งต้นทุนต่ำมากแต่ไม่มีคุณภาพควรจะมีราคาอยู่ที่2แสนต้นๆแต่ขายอยู่ที่5,6แสนเห็นแล้วสงสารคนซื้อครับกว่าคนพวกนี้จะเข้าใจก็สายไปแล้วครับรอดูภายใน5-8ปีครับ

ตอนนี้เอาเงินไปทยอยซื้อหุ้น Tesla แทนครับ ได้กำไร+มา จะ50%แล้ว พอดีอีก 2-4ปี ราคาหุ้นคงขึ้นไปอีก หากสภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวและไม่มีสงคราม ตอนนั้นผมก็อาจจะได้ใช้เทสล่าฟรี !! และยิ่งนานวันก็ยิ่งได้เทคโนโลยีที่ดีกว่า ในราคาที่ถูกลงด้วย เพื่อนๆที่ออกมาก่อนหน้านี้ ใช้รถยังไม่คุ้มเลยครับ แถมติดดอยราคาเทสล่ากันหลายคนเลย 😂

บอกตามตรงครับผมยังไม่มั่นใจกับอะไรอีกหลายๆอย่างสำหรับEVขอดูสัก4-5ปีแล้วค่อยว่ากันใหม่ตอนนี้ยอมใช้รถเติมน้ำมันก่อนล่ะครับ

ไม่แน่ใจว่า คำว่า นิ่ง แปลว่าอะไร นิ่งแปลว่า การพัฒนาตันแล้วไปต่อไม่ได้ หรือเปล่า ภ้ารอแบบนั้นมันก็จะมีสิ่งที่ดีกว่าเสมอ รอช้า เดี๋ยวค่าไฟก็เพิ่มอีก

Porsche Taycan กับ Audi e tron พี่อาร์ตชอบคันไหนกว่ากันครับ

ใครสะดวกยังไงก็ใช้แบบนั้นไป รถไฟฟ้ามีหลายมุมมอง ผมใช้รถไม่อยากคิดมากเรื่องจุดชาร์จ เรื่องแบตเสื่อม เรื่องเทคโนโลยีไฟฟ้าที่มันเปลี่ยนเร็วมากและยังไม่นิ่งเหมือนพี่อาร์ตกล่าว แต่ถ้าไลฟ์สไตล์ผมใช้รถทุกวัน วันละหลายกิโลผมก็เลือกรถไฟฟ้า แต่กรณีมีรถคันเก่าซึงใช้งานได้ปกติ กินน้ำมัน 10-15โลลิตร แล้วจะเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าเพื่อเอาความประหยัดค่าน้ำมัน แต่เสียค่าส่วนต่างหลายแสน ผมก็ยังใช้รถน้ำมันต่อไป สุดท้ายตัวเลือกอยู่ที่เงินท่านและไลฟ์สไตล์การใช้งานแต่ละท่าน 😉

คุณอาร์ตพูดถูก อนาคตน่าจะใช้ EVแหละ แต่ดูผลิตรถคุณภาพ มีแนวโน้มแข่งขันสูง ลดราคาจนถูก ระบบเสถียร ประกันตกลงกันได้ อะไหล่เยอะ ก็ค่อยซื้อไม่สาย

แต่ละคนมีเหตุและผล หรือหาเหตุและผลในการซื้อและไม่ซื้อด้วยกันทุกคนครับ คนซื้อเพราะมีความรู้ศึกษามาดีก้อมาก คนซื้อเพราะกระแสและราคาก้อมาก คนไม่ซื้อเพราะ ศึกษามาดีก้อมาก คนไม่ซื้อเพราะยัง คิดว่าเป็นกระแส ช่วงเริ่มยังไม่นิ่งก้อมาก นานาจิตตัง เหตุและผล ของใครของมัน ไม่มีผิดถูกครับ คนซื้อแล้วถูกใจ ไม่มีปัญหาก้อมี คนซื้อแล้วเจอ ปัญหาก้อมาก ข้อมูลความรู้ มีมากมายกว่า เมื่อก่อนเยอะมาก แทบจะ perfect imformation อยู่ที่แต่ละคน ที่ซื้อและยังไม่ซื้อ เพราะชั่งน้ำหนัก หรือทบทวนแล้วว่า ควรซื้อหรือยัง เหมาะกับตัวเองไหม สุดท้ายไม่ว่าตัดสินใจอย่างไร แค่ไม่ไปด้อยค่ากันแค่นั้นก้อพอครับ