หลักฐานการทำบุญ 40 วัน ท่าน อีหม่าม อัศศายูตีย์ ได้อ้างอิง ฮาดิษว่า คนมุอมิน จะโดนฟิตนะห์ในกุโบร์ 7 วัน ส่วนคนมุนาฟิก นั้น 40 วันในช่วงตอนเช้า مسألة : فتنة الموتى في قبورهم سبعة أيام ، أوردها غير واحد من الأئمة في كتبهم ، فأخرجها الإمام أحمد بن حنبل في " كتاب الزهد " ، والحافظ أبو الأصبهاني في كتاب " الحلية " بالإسناد إلى طاوس أحد أئمة التابعين ، وأخرجها ابن جريج في مصنفه بالإسناد إلى عبيد بن عمير ، وهو أكبر من طاوس في التابعين ، بل قيل : إنه صحابي ، وعزاها الحافظ زين الدين بن رجب في كتاب " أهوال القبور " إلى مجاهد وعبيد بن عمير ، فحكم هذه الروايات الثلاث حكم المراسيل المرفوعة على ما يأتي تقريره ، وفي رواية عبيد بن عمير زيادة أن المنافق يفتن أربعين صباحا . وهذه الرواية بهذه الزيادة أوردها الحافظ أبو عمر بن عبد البر في " التمهيد " ، والإمام أبو علي الحسين بن رشيق المالكي في " شرح الموطأ " ، وحكاه الإمام أبو زيد عبد الرحمن الجزولي من المالكية في " الشرح الكبير " على رسالة الإمام أبي محمد بن أبي زيد ، والإمام أبو القاسم بن عيسى بن ناجي من المالكية [ ص: 216 ] في " شرح الرسالة " أيضا وأورد الرواية الأولى ، والشيخ كمال الدين الدميري من الشافعية في " حياة الحيوان " ، وحافظ العصر أبو الفضل بن حجر في المطالب العالية เเละท่านยังกล่าวเพิ่มเติมว่า إن سنة الإطعام سبعة أيام بلغني أنها مستمرة إلى الآن بمكة والمدينة فالظاهر أنها لم تترك من عهد الصحابة إلى الآن وإنهم أخذوها خلفا عن سلف إلى الصدر الأول. في التواريخ كثيرا في تراجم الأئمة يقولون وأقام الناس على قبره سبعة أيام يقرؤون القرآن. ความว่า "เเท้จริงเเล้ว มีรายงานมาถึงฉัน ว่า มีซุนนะห์ ในการเลี้ยงอาหารภายในเวลา 7 วัน เป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน ที่เมกกะ เเละมาดีนะห์ สิ่งที่ชัดเจน คือ ไม่มีการละทิ้งการกระทำจากสมัยศอฮาบะห์ จนถึงทุกวันนี้ เเละผู้คนยุคหลังได้ปฏิบัติตามคนยุคก่อน ในตำราประวัติศาสตร์ต่างๆ เขาทั้งหลายได้กล่าวว่า มีผู้คนอ่านอัลกุรอ่านบนกุโบร์ภายใน 7 วัน" ส่วนคนที่ไม่ทำ ยึดคำพูดของอุลามะเเละฮาดิษ โดยที่ขาดการวิเคราะห์ เเละเเยกสารออกมา วินิจฉัย ตีความไม่ละเอียด เเละเป็นอ้างอิงเพื่อโจมตีทัศนะที่ว่า ทำได้ โดยที่ขาดความเคารพ เเละคิดว่า คนสมัยก่อนไร้ความรู้ เหตุผลที่ห้ามจัดทำ: 1. การร้องไห้ฟูมฟาย โอดครวน เสียงดัง 2. การทำให้ญาติ ผู้ตาย ต้องเลี้ยงอาหาร สร้างความลำบาก 3. การทำบนพื้นฐานตามวัฒนธรรมเเละประเพณี 4. ญาติผู้ตายเลี้ยงอาหารทำบุญ โดยเอาเงินจากลูกกำพร้า เเละขาดการเห็นด้วยในหมู่ญาติๆ ที่มีสิทธิในมรดกของผู้ตาย ในบริบทที่ญาติผู้ตายทำกัน คือ ญาติผู้ตายไม่ลำบากอะไร เเละไม่การรวมตัวไว้อาลัย เพื่อร้องให้ฟูมฟาย การรวมตัว คือ การที่จะเอาความบารอกัตจากคนดีๆ มาดุอาให้ญาติที่ได้เสียชีวิต เเละหลังจากอ่านอัลกุรอ่าน หรือ ดุอา ก็มีการเลี้ยงข้าวให้กิน เพื่อทำบุญ ดังนั้น การฮุกุ่มคนอื่นที่มาทำบุญ อ่านกุลฮู ที่บ้านญาตของผู้ตาย ไม่เข้าในบริบทการห้ามดังกล่าว การฮุกุ่มจะออกมาเพี้ยน หากไม่มีความรู้ด้าน ตรรกวิทยา Generic-to-Specific Reasoning ( การอนุมานเหตุผลจากกว้างไปเเคบ) สามารถอนุมานได้ดังนี้ 1. การรวมตัว : ทำได้ 2 การรวมตัวกันเพื่อทานอาหาร: ทำได้ 3. การรวมตัวกันอ่านกุลฮู เเละมีการเลียงอาหารเพื่อทำบุญ: ทำได้ 4. การรวมตัวกันทำอาหาร กินกัน เเล้ว ร้องไห้ ฟูมฟาย โอดครวญ เสียงดัง : ไม่สามารถทำได้ 5. การรวมตัวกันของญาติผู้ตาย เพื่อเลี้ยงอาหารคนอื่นโดยยึดตามประเภณี : ไม่สามารถทำได้ ดังนั้น คนที่ไม่อยากทำบุญคนตาย 7 วัน หรือ 40 วัน เเละไม่อยากเฝ้ากุโบร์ ควรปิดปาก เพราะมี รายงานฮาดิษว่า คนมุมิน เเละมุนาฟิก จะถูกฟิตนะห์ในกุโบร์ ภายใน 7 วัน เเละ 40 วัน ดังนั้นญาติผู้ตายสามารถทำอัรวะห์ (อุทิศผลบุญให้ผู้ตายด้วยการซิกิร ดุอา เเละอ่านอัลกุรอ่าน) เพื่ออุทิศผลบุญให้มัยยิต โดยมีความหวังในการลดฟิตนะห์ในกุโบร์ ตามคำกล่าวของท่าน อีหม่าม อัศซายูตีย์ ในตำรา อัลฮาวีย์ เละท่านได้อ้างอิงหลักฐานฮาดิษมากมาย... การทะเลาะกัน เกิดจากนักวิชาการพวกหนึ่งที่ไปต่อต้าน หรือ ปฏิเสธในเรื่องทีคีลาฟ เเล้วโจมตีคนอื่นว่า ทำโดยไร้หลักฐาน เเละพยายามรวบรวมทัศนะของอีกฝ่ายมาถล่มทัศนะนี้ ซึ่งเป็นการไร้มารยาท เเละสร้างความวุ่นวายในสังคม บางคนชอบปราบบิดอะห์ เเต่ไม่มีความรู้ศาสนา เรียนงูๆปลาๆ เเต่ชอบปฏิเสธในเรื่องคีลาฟ..