เด็กจบใหม่ได้เงินเดือน 15,000 คุณภาพชีวิตที่ควรดีกว่านี้! | The MATTER 

ผมนี้พึ้งรับเงินเดือนเดือนแรก15000 ค่าหอ4000 ค่ากินค่าเดินทาง6000 ส่องให้พ่อแม่2000 ใช้จ่ายจิปาถะ1000 เหลือเก็บ2000 นี้ขนาดยังไม่มีรถ ไม่มีครอบครัว เหลือเก็บแค่นี้แล้วอีกกี่ปีจะซื้อบ้านได้

ความคิดแบบคนแก่หัวจารีตอนุรักษนิยมขวาจัดบ้าอำนาจ ทำให้คนรุ่นใหม่แบบเราใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

ผมสงสารพวกคุณมากเลย เด็กๆ แต่ผมคงต้องพูดความจริงว่า พวกคุณต้องเรียนในสายวิชาที่ใช้ทักษะเฉพาะทาง หรือไม่ก็เรียนภาษาเท่านั้น พวกคุณถึงจะลืมตาอ้าปากได้ ไม่อย่างนั้นกว่าจะได้เงินเดือนสูงๆพวกคุณก็เสียเวลาชีวิตไปเยอะแล้ว สู้ๆ เด็กๆ

พี่ตอบให้เลยครับ ปีนี้ปี 65 เด็กจบใหม่ควรได้เงินเดือน start ที่ 30k ครับ ถึงจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ มีเงินไปเที่ยวพักผ่อน และมีเหลือเก็บไว้ลงทุนหรือใช้ยามฉุกเฉิน ถ้าแค่ 15k มันอยุ่ได้แค่เดือนชนเดือนครับ เผลอๆไม่พอด้วย

จบใหม่ปริญญาตรีเงินเดือนหมื่นห้านิยามนี้ใช้ได้เฉพาะ"ข้าราชการ"เท่านั้นแหละ ภาคเอกชนเงินเดือนน้อยกว่า"ค่าแรงขั้นต่ำ"ก็มีอีกเยอะแยะ นายจ้างกดเงินเดือนแบบสุดๆนะครับ นายจ้างเค้าเลือกได้ งานหลายอย่างเค้าไม่ต้องจ้างคนจบป.ตรีด้วยซ้ำ ท้อแท้ครับ ชีวิตมนุษย์เงินเดือน😓

15,000ที่บอกว่าได้ก็เยอะแล้ว คือบ.ษัทเดี๋ยวนี้ก็ให้ได้แค่9k-12kง่ะ ฮื่อออๆๆ บ้าบอมาก😭😭

คนที่คิดว่าพอ ควรมองทุกด้าน ทุกมุม อย่ามองแค่ตัวเงินครับ

สมัยผม สตาร์ท 10000 ถามว่าอยู่ได้มั้ย ก็ไม่ได้แหละครับ ต้องขอพ่อแม่เอาในส่วนที่ขาด จนเงินขึ้นเป็น15000 ถึงจะพอดีค่าใช้จ่ายเป๊ะ ๆ

เช้า ซื้อน้ำเปล่า1ขวด10บาท ข้าวเหนียวหมูปิ้ง20บาท เที่ยงกระเพรา40บาท เติมน้ำมันไปทำงานอีก ทำเเบบนี้วนๆทุกวัน ถามตริ้งงง

15000มีอยู่จริงหรอ พอไปสมัคงานจริงเขาก็ต่อราคาเราเพราะเราเป็นเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจริงส่วนมากก็จะตกไปอยู่ที่11500-13500บาท ถามเป็นงานที่เป็นอาชีพหายากและเฉพาะหรืองานที่ต้องมีความสามรถจริงๆเราถึงเรียกได้20000-35000 และอีกวิธีคือทำงานไปก่อนประมาณ5เดือน-1ปี แล้วออกจากงานถ้ามันไม่ขึ้นเงินเดือนเพื่ออับฐานเงินเดือนกับที่อื่นก็จะได้อยู่ที่18000-30000+

น่าเศร้ามากครับ

คำถามคือ ทำไมถึงไม่สมดุลขนาดนี้ เงินในประเทศไหลไปใหนหมด ??

ไม่เคยได้ 15k เลย 7 ปี ที่แล้วตอนจบใหม่ก็ได้ 19.5k มีโอที มีโบนัส สิ่งที่อยากบอก คือ ไม่ใช่เอาแค่ใบปริญญาแต่เลือกสายงาน ฝึกทักษะสกิลให้ตัวเรามีศักยภาพด้วย

ของแพง ในอีกคำนึงเราจะเรียกว่า "เงินเฟ้อ"

น่ารักจัง

❤️

คนจบใหม่บ้างทีทำงานไม่เป็นเลยเหมาะคนเก่งมีความสามารถ

ไม่จริงที่จบใหม่ได้หมื่นห้า ฝัน

จริงๆควร เริ่มที่18,000

​ สตาร์ท10000​ 12000เอง​

จบปุ๊บทำงานได้บัตรเครดิตปั๊บ .... สมัยก่อนรอกว่าจะขึ้นเงินเดือน มาถึงได้บัตรเครดิต ....นาน.... จบตรีเท่ากัน .... ..... เท่าไหร่ก็ไม่พอ .... ถ้าจบใหม่ขยับ พวกระดับหัวหน้าขยับ ขยับกันสบายใจ บริษัทปิดหนีกันหมด .... จ่ายไม่ไหว ...เจ้ง จ้างมาเล่นโทรศัพท์กับสูบบุหรี่ ... หมดเวลา .... เก็บของกลับบ้าน .... จบ

10 ปีที่แล้วข้าวกะเพราะอยุ่ที่ 30-40 บาทครับ 20-25 นั่นมันข้าวในร.ร.รึเปล่าครับ

ไม่ถึง15000

ใช่มันเยอะ แต่เงินมันเฟ้อครับย่า!

มีงานทำก็บุญแล้ว อีกอย่างทุกคนต้องปรับตัว ไม่งั้นก็จะอยู่บนโลกนี้ไม่ได้

เปรียบเทียบกับประเทศเจริญแล้วทั้งนั้นเลย และยกเอาเรื่องค่ารถไฟฟ้ามาเปรียบเทียบอย่างเฉพาะเจาะจง ค่ารถไฟฟ้าบ้านเรามันแพงที่สุดในโลกอยู่แล้ว คุณควรเอาค่าอื่นๆมาเปรียบเทียบกับประเทศเหล่านั้นด้วยเช่นค่าอาหารค่าเช่าบ้าน คุณควรเอาเรื่องการจ่ายภาษีมาเปรียบเทียบด้วย ถ้าเอาแค่ประเด็นที่คุณพูดมา ประเทศไทยก็ต้องแย่ที่สุดในบรรดาประเทศที่คุณยกมาอยู่แล้ว นอกจากนี้เราคิดว่า อยากให้เปรียบเทียบกับประเทศที่กำลังพัฒนาด้วยอะค่ะ อันนี้ไม่ได้ประชดนะแต่อยากรู้จริงๆ ว่าประเทศที่กำลังเติบโต ค่าครองชีพกับเงินเดือนเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง หรือไม่ก็ยกประเทศพัฒนาแล้วแต่เอาข้อมูลในช่วงที่เขากำลังพัฒนามาเปรียบเทียบ stage มันจะได้ตรงกันหน่อยอะค่ะ เราไม่มีอะไรต่อต้าน คำพูดที่ว่าเงินเดือน 15000 บาทไม่พอกินนะคะ แค่รู้สึกว่าชุดข้อมูลที่คุณเลือกมานำเสนอมันทำให้ผู้ฟังเห็นไม่รอบด้าน

ในหัวข้อเนี้ยมันเป็นมุมมองของคนที่รับเงินเดือนครับ คือสำหรับคนที่รับเงินเดือนเนี่ยมีอย่างเดียวที่ต้องมองถึง นั้นคือ "นายจ้าง" นายจ้างขึ้นเงินให้ตามต้องการคือจบ แต่สำหรับคนที่จ่ายเงินเดือนเนี่ยการที่มันจะสามารถจ่ายได้ 20k - 30k "ต่อคน" (นี่ยังไม่นับคนเก่าคนแก่ในองกรที่ถ้าเด็กมันได้ขึ้นกูต้องได้ด้วยนะ?) เนี่ย มันต้องใช้และต้องไป "ทั้งระบบเศรษฐกิจ" มูลค่าเศรษฐกิจในประเทศ รายย่อยรายใหญ่ คือหลายประเทศที่พัฒนาแล้วมันขยับตามกันไป ส่วนประเทศที่ทำไม่ได้ก็เรียกว่ากำลังพัฒนา นั่นแหละ มาตรการรัฐเพิ่มฐานเงินเดือนเนี่ย เอาจริงๆต่อให้ประกาศขึ้นเลยก็ทำไม่ได้ ถึงบังคับก็คงมีหลายบริษัทหลายร้านเลือกที่จะทิ้งพนักงานปิดตัวไปเลยดีกว่าเจ็บตัว เพราะทุกอย่างมันมีต้นทุน ค่าขนส่ง ค่าน้ำมัน ค่าของ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ภาษีนำเข้า ใต้โต๊ะ และอีกมากมายที่มันก็แพงขึ้นโดยที่รัฐไม่ได้มีอะไรมาช่วยเลย แถมช่วยผูกขาดแบบทุเรศมาก ยิ่งแนวทางบริหารเศรษฐกิจ นี่ไม่ต้องพูดถึง จริงๆเชื่อผมเหอะว่าบริษัทมันก็อยากมันปัญญาจ่างเงินเดือนสูงๆได้แหละ เพื่อรั้งพนักงานเก่งๆไว้ และลดปัญหาขาดพนักงานแต่มันทำไม่ได้เพราะอย่างที่กล่าวไป ส่วนพนักงานส่วนนึงก็เป็นปัญหาด้วย เช่นขี้เกียจ เปลี่ยนงานบ่อย รักสบาย ไม่สะดวกสบายก็เปลี่ยนดื้อๆไม่บอกนายจ้างสร้างความเดือดร้อน มาสาย ชิวๆ ไม่ได้รับเงินไป 100%แล้วทำงาน 100% อย่างที่ตกลงตอนแรก ไปดูแรงงานต่างด้าวเหอะครับไม่เกียงแถมขยันและมาเพื่อทำงานจริงๆ แถมพูดได้หลายภาษา ฟิลิปิน เวียจนาม ลาว พม่า มาแรงและกำลังแย่งงานคนไทย สาเหตุนึงที่ทำได้ก็เพราะที่ว่าไปนั้นแหละ ส่วนประเทศพัฒนาแล้วที่กล่าวมาทั้งหมดที่คุณภาพชีวิตเค้าดี เพราะเค้าบริหารแบบ "มีเพียงพอ" แนวทางเศรษฐกิจมันเลยมีแต่พุ่งพัฒนาสร้างเม็ดเงินให้ประชาชน ให้ประเทศทั้งนั้น พร้อมๆกับลดภาระประชาชน และส่งเสริมอะไรก็ตามที่มันสร้างเศรษฐกิจใหม่ได้ (เพราะประชากรมันเพิ่มเยอะขึ้นทุกปีงานใหม่ก็ต้องเกิด) มันเลยมีการแข่งขันกันสูงในเศรษฐกิจประเทศทำให้ประชาชนมี mind set ที่ตื่นตัว แข่งกันพัฒนาตัวเองแข่งกันพัฒนาองกร์ แข่งกับโลก สังเกตุเหอะครับว่า อะไรที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพารัฐไทย เจริญและไปไกลเร็วมาก 55 ส่วนของไทยนายกทหารยังยึดและตีความหมายคำว่า"พอเพียง"ผิดๆอยู่เลย ผูกขาดเต็มไปหมด รวยไม่กี่เจ้า คือจะบอกให้ว่าเม็ดเงินในกระเป๋าเจ้าสัวพวกนั้นอะควรกระจายไปในระบบ70%+ เลยด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่น 7-11 แม่งก๊อปของบ่อยมาก แล้วใช้แฟรนไชน์เป็นตัวค้นหาแหล่งลงทุน โดยไม่ต้องลงแรง เช่นเห็นตรงไหนขายดีไปเปิดตรงข้ามแม่งเลยพอหมดสัญญา รัฐไม่เห็นจะทำเหี้ยไรเลย จะบอกว่ามันมีสองด้านแหละ โทษใครฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก