แด่คนทำงานทุกวัย ที่กำลังค้นหาอาชีพที่ใช่ในชีวิต  

คิดว่าถูกของหนังสือที่บอกว่า มีทักษะที่ดี แบ้วเราจะชื่นชอบงาน มี passion กับงานนั่นไปเอง และชอบแนวคิดในการพัฒนาทักษะของตัวเอง ที่ว่า จะทำอะไรจากทักษะที่เรามี ทำให้โลกดีขึ้นกว่าเดืม 👍🏻💪🏻

เล่มนี้ดีมาดครับ ดีใจที่หยิบมาทำพอดแคสต์

ชอบหัวข้อนี้ครับ ส่วนตัวคิดว่าสามารถมองได้ทั้ง 2 ด้านเลย ▪️ถ้ามี Passion ก่อน Mastery - มีแรงกระตุ้นให้เรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง - รู้สึกมีความสุขและพอใจในสิ่งที่ทำ ทำให้ไม่ท้อถอยในระยะยาว - การทำสิ่งที่รักมักทำให้สามารถฝึกฝนจนเชี่ยวชาญได้อย่างต่อเนื่องและมีแรงบันดาลใจ - แต่ถ้าขาดการฝึกฝนที่เป็นระบบ หรือการพัฒนาทักษะที่ถูกต้อง อาจจะไม่เกิด masteryในที่สุด - บางครั้ง passion อาจไม่ได้เชื่อมโยงกับสิ่งที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง หรือเป็นที่ต้องการในสังคมครับ ▪️ถ้ามี Mastery ก่อน Passion - สามารถทำสิ่งที่อาจจะไม่หลงใหลมากนัก แต่ด้วยความเชี่ยวชาญทำให้สามารถประสบความสำเร็จได้ดีสร้างรายได้หรือนำไปสร้างรายได้ - เมื่อมีทักษะที่ดีแล้ว ความหลงใหลอาจตามมาเพราะรู้สึกพึงพอใจในความสามารถของตนเอง - การเชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จในเชิงวิชาชีพหรือด้านอื่นๆ ได้เร็วกว่าการเริ่มจากความหลงใหลที่ไม่มีการพัฒนาทักษะที่ชัดเจน - แต่ถ้าหากไม่มีความหลงใหลตั้งแต่แรก อาจทำให้รู้สึกเบื่อหรือไม่พอใจกับงานที่ทำ แม้ว่าจะเก่งแล้วก็ตาม - การฝึกฝนเพื่อให้เชี่ยวชาญในสิ่งที่ไม่ชอบอาจนำไปสู่ความเครียดหรือ burnout ในระยะยาว ➡️ สรุปของตัวเองพยายามที่จะมีทั้ง 2 อย่างไปพร้อมๆกันแบบ balance ครับ - บางอย่างที่หลงไหลอยู่แล้วพยายามใช้ความหลงใหลเป็นแรงผลักดันให้ฝึกฝนจนเก่ง - ในทางกลับกัน บางอย่างที่เชี่ยวชาญอยู่ยิ่งทำไปต่อเนื่องก็รู้สึกจะช่วยกระตุ้นให้มี passion มากขึ้นเหมือนกันครับ 😊

ชอบบ ติดต่อทุกสัปดาห์❤

ต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างงานที่พัมนาทักษะตัวเอง กับการทำเพื่อ passion ครับ

ดีครับ 🥹👍

เคยอ่านเล่มนี้มาก่อน ชอบมากเลยค่ะ เปิดมุมมองใหม่เลย ส่วนว่าการทำงานที่เรามีแพชชั่นจะยิ่งทำตั้งใจที่จะพัฒนาสกิลเพิ่มได้ง่ายกว่า เห็นเป้าหมายง่ายกว่า แต่ได้มุมมองใหม่ว่าการทำงานที่ไม่ได้มีแพชชั่นมาตั้งแต่แรกก็สามารถกลายเป็นงานที่ดีได้ไม่แพ้งานที่เรามีแพชชั่น เพราะทำไปก็สกิลเพิ่มจนเก่งขึ้น หรือมีเงินมีอำนาจควบคุมมากขึ้น กลายเป็นว่าเราไม่กังวลเรื่องแพชชั่นงานเลยค่ะ

สิ่งนี้จริงค่ะ ทำจนชำนาญจะทำให้เราเชี่ยวชาญ มั่นใจ เติบโต มีรายได้ แต่ถ้าตามหา passion อย่างเดียว อาจจะเจอที่ชอบ แต่อาจไม่ใช่สิ่งที่เราทำได้ดีได้ค่ะ #Missiontothemoon

ชอบหัวข้อเรื่องในวันนี้นะคะ ส่วนตัวเเล้วคิดว่าMasteryจะสำคัญกว่าและเป็นอะไรยืนยาวมั่นคงมากกว่า จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว เคยเริ่มต้นจากสิ่งที่ไม่ได้รักแต่ทำจนชำนาญจนเป็นวินัยและหลงรักมันอยากพัฒนาอยากให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ #MissionToTheMoon

ขอบคุณที่แบ่งปันกันค่ะ

ตามความคิดเห็นของจิน การที่ได้ฝึกทำงานหลากหลายเพื่อหางานที่เหมาะกับเราเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะการที่เราได้ฝึกงานที่ใช้ทักษะเราหลายด้าน และไม่เหมือนกันทำให้เราต่อยอดทางความคิดได้หลายหลาย และเป็นประสบการณ์ในการมารวบรวมและค้นหางานที่เหมาะสมกับตัวเราจริง เมื่อได้แล้วก็พุ่งให้สุดตัว คิดว่าจะทำงานนั้นตลอดชีวิตที่เหลืออยู่เลย

Skill กับ Passion มาก่อน มาหลัง หรือคู่กัน ผมคิดว่า อาจจะแล้วแต่คน เวลา หรือ สถานการณ์ อย่างไรก็ตาม podcast นี้ ทำให้เราไม่มองข้าม skill ตัวอย่างคุณ Jiro เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงการพัฒนางานที่ดูธรรมดา ว่าเป็นเรื่องวิเศษได้ เสียดายที่เมืองไทยมีต้นทุนที่เป็นเอกลักษณ์หลายอย่าง แต่ไม่มี mindset ของการพัฒนา skill อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ มากๆ ครับ

หนูชอบกำหนดเป้าหมายเล็กๆ ในการทำงานในเเต่ละ past ของตัวเองเพื่อให้ตัวเรามีความมุ่งมั่นเเละอยากที่จะทำสิ่งนั้นๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เราตั้ง มันทำให้รู้สึกภูมิใจในตัวเอง เเละเป็นก้าวเล็กๆ ที่ทำให้เรามีความสุขในการทำงานค่ะ #MissionToTheMoon

ขอบคุณค่ะ

สุดท้ายทักษะและประสบการณ์ก็สำคัญสุดในทุกสายอาชีพจริงๆ ค่ะ บางทีพอได้ลองทำสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำแล้วอาจจะเจอมุมมองและตัวตนใหม่ๆ ของตัวเองก็ได้ เพราะคนเราก็เปลี่ยนไปทุกวัน ไม่มีใครเหมือนเดิมไปตลอด การได้มีประสบการณ์และโอกาสได้ฝึกทักษะในหลากหลายอาชีพถือว่าโชคดีมากนะ #MissionToTheMoon

ไม่เคยคิดจะนำpassion มาเป็นงานค่ะ เพราะpassion เป็นเซฟโซนของเรา แต่คนเรามีสิ่งที่ชอบมาก ชอบปานกลาง ชอบน้อยหน่อย เรสก็ทำงานกับสิ่งที่ชิบน้อยลงมา เอาจริงๆพอเป็นงาน เวลาเครียดมากๆต่อให้ชอบมันก็ไม่ค่อยสนุกเท่าไรอยู่ดี เก็บpassion ไว้ฮีลใจดีกว่่า

สำหรับตัวเราเองมี Passion ก่อนเพราะว่าในเริ่มแรกเราไม่รู้ว่าตัวเองเก่งหรือเชี่ยวชาญสิ่งไหน และเราก็ไม่ได้รักในงานนั้นเท่าไหร่แต่จำเป็นต้องทำ แต่เรามีเป้าหมายที่เราอยากไปถึงและงานที่เราทำเป็นสะพานที่จะพาไปถึงเป้าหมายได้ พอทำงานได้สักระยะเราจะค้นพบพาร์ทในงานที่เราทั้งชอบและไม่เก่ง ส่วนไหนที่เราชอบเราก็จะทำมันได้ดี ทำได้สำเร็จ จนเชี่ยวชาญ แต่ถ้าส่วนไหนที่เราไม่เก่งเราอาจจะต้องหาโอกาสในการฝึกฝนตัวเองในมีทักษะบ้างค่ะ สำหรับตัวเรา

จริงๆทำในสิ่งที่ถนัด ก่อนหากตัวเองทำได้ดี แล้ว เดี๋ยว vision และ passion ตามมาเอง :) แข่งกับตัวเราเองน้า ❤❤

ถ้าให้เทียบแล้วส่วนตัวคิดว่าทักษะสำคัญค่ะ แต่สิ่งที่ทำเราก็คงจะต้องชอบบ้างค่ะไม่ขัดกับตัวตนมากเกินไป แต่ในมุมชีวิตในตอนนี้ถ้าย้อนกลับไปเลือกได้ จะเลือกงานที่ทำให้ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการค่ะ

โดนป้ายยาอีกแล้วค่า

ส่วนตัวไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เลยเริ่มลองทำจากสิ่งที่คิดว่าไม่ชอบน้อยที่สุดก่อน เช่น เราจบประมงสามารถเปิดฟาร์ม เป็นลูกจ้างในฟาร์ม เป็นเซลล์ หรือทำงานในกรมประมง เราเลือกทำงานที่กรมประมง เพราะเราไม่ชอบงานประมงเลย แล้วเราก็ไม่อยากเป็นเซลล์ และการที่เราทำงานออฟฟิศที่เข้าออกเป็นเวลา มีวันหยุดเลยทำให้ได้ลองทำงานเสริมอีกหลายๆ อย่าง ทำให้รู้ว่าถ้าอะไรที่เราไม่ชอบ เราจะไม่มีแม้แต่กำลังใจจะเรียนรู้มันเลย ถามว่าทำได้มั้ย ตอบเลยว่าได้ แต่ทรมานไม่มีความสุข เพราะงั้นเราเลยคิดว่ายังไงก็ต้องหาสิ่งที่ชอบให้เจอ เพราะถ้าทำสิ่งที่ไม่ชอบได้ดีแค่ไหนสำหรับเราก็ไม่มีความสุข สุดท้ายก็จะกลายเป็นแค่รูทีนที่เราเชี่ยวชาญ แม้จะมีการพัฒนาขึ้น แต่ก็ทำให้เรามาถามตัวเองซ้ำๆ หลายครั้งว่านี่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรอ สำหรับเราแล้วมันว่างเปล่ามากๆ เลย แม้ทุกๆ อย่างดูเหมือนจะดีก็ตาม แต่เราไม่ได้มีความสุขกับมันเลย

ส่วนตัวคิดว่าเป็นจริงทั้ง2แบบ ทั้งมีแพสชั่นก่อนแล้วค่อยมาสเตอรี่ หรือมาสเตอรี่ก่อนแล้วค่อยแพสชั่น เหมือนไก่กับไข่ ถ้านึกย้อนไปถึงวัยเด็ก เราอาจจะทำสิ่งหนึ่งได้ถึงแม้จะไม่ดีเลิศ แต่ถ้ามีคนชมเราก็อยากจะทำมันให้ดีขึ้นเพื่อรับคำชม และเพราะการได้รับคำชมเราก็ทำมากขึ้น เทียบเท่าว่าได้ฝึกมากขึ้นด้วย สุดท้ายก็ได้มาสเตอรี่จริงๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือแพสชั่นเกิดจากอะไรตั้งแต่จุดเริ่มต้น ขึ้นกับสภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู เพื่อน วัฒนธรรม ค่านิยมของสังคม ล้วนมีส่วนในการกำหนดแพสชั่นของเราทั้งนั้น #missiontothemoon

รู้สึกว่าก่อนหน้านี้เราเป็นคนนึงที่ก่อนจะทำอะไรได้ต้องรอให้มี Passion ถึงจะทำ (ยังคงส่งผลถึงตอนนี้) แต่พอมาเจอลูปเดิมของการ "ทำไม่สุด หยุดทำ แล้วไม่ไปต่อ" มาเป็นระยะเวลานานตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม เพิ่งสังเกตตัวเองชัดเจนมาไม่นานมานี้ พอดีกับที่เปิดมาเจอคลิปนี้พอดี แล้วคิดตามเนื้อหาในหนังสือ แล้วบอกตัวเองว่า "ถ้าอยากออกตากลูปเดิม ก็สร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา" อย่าทำเพียงเพราะความอยากหรือรอ Passion เรามาเจอว่าสิ่งที่เราทำมันทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนที่เราได้พบ ทำให้เขาได้ค้นพบและเข้าใจตัวเองมากขึ้น หนึ่งในนั้นที่ได้รับการสะท้อนในเรื่องเล่าจากเรา ก็คือคำพูดของเราเอง ขอบคุณสำหรับการส่งต่อเรื่องราวดีๆผ่านการสรุปจาหนังสือเล่มนี้นะคะ 😊

ท้ายสุด passion ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมั่นคง

ส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็นต้องมี mastery ก่อนถึงจะมี passion กับงานที่ทำแต่จะเป็นการที่เราตกตะกอนตัวเองตลอดและมีวินัยทำในสิ่งที่ตัวเองแพลนไว้ถึงจะทำให้เรามีความสุขกับงานหรือสิ่งที่ต้องทำจนกลายเป็น passion สำหรับต่อๆไป แต่ mastery ก็เป็นส่วนหนึ่งเมื่อเราอยู่กับกลุ่มคนที่จะทำให้เรามี passion อีกรูปแบบหนึ่งขึ้นมาได้ค่ะ และ mastery ก็จำเป็นและดีกับเราในระยะยาว ฉะนั้นคิดว่าตัวเองต้องฝึก mastery เพื่อจะได้อยู่ในสมดุลของชีวิตตัวเองค่าา #missiontothemoon

สำหรับเราการมีประสบการณ์มากจนเป็นผู้เชี่ยวชาญมีความสำคัญและมาก่อนที่ Passion จะมา พอเราเริ่มเชี่ยวชาญในงานที่ทำ เราก็จะหา Passion มาสานต่อว่าเราจะพัฒนาอย่างไรในสายอาชีพที่ทำ…😊

Mastery ส่วนตัวมองว่าสำคัญกับการทำงาน ช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เเต่Passion เหมือนเป็นเเรงขับเคลื่อนตัวเราเองให้ไปในทิศทางไหน เราควรมี2อย่างนี้ควบคู่กันไปค่ะ #MissionToTheMoon

โตมาจึงรู้ว่า อยู่ที่ไหนก็มีทั้งเรื่องที่เราชอบและไม่ชอบ แม้จะเลือกทำในสิ่งที่ชอบแล้วก็ตาม ระหว่างทางที่ทำก็เจอสิ่งที่ไม่ชอบอยู่ดี เปิดใจฝึกฝนให้ชำนาญแล้วเราจะมีความสุขกับมันเอง เพราะเมื่อเจอปัญหาเราก็จะแก้ได้ ผ่านมันไปได้ #MissionToTheMoon

เห็นด้วยกับการให้น้ำหนัก mastery ก่อน passion จากประสบการณ์ตรง และเรื่องราวจากหนังสือเล่มนี้ครับ😊

ตอนนี้ผมใกล้อายุ 30 แล้ว ยังไม่รู้เลยครับว่าตัวเองมี passion ในเรื่องอะไร บางครั้งก็อิจฉาเพื่อนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจริงๆเหมือนกันครับ เปลี่ยนงานมา 4 งาน ก็รู้สึกว่าการทำงานในที่ที่ทำอยู่ไม่ได้ให้ความสุขระยะยาว อยากจะลองตัดสินใจออกมาทำอะไรด้วยตัวเองหลังจากเก็บเงินได้สักก้อนหนึ่ง อยากทำอะไรให้ตัวเองมี Mastery อย่างที่คุณแท๊ปบอกบ้าง ซักอย่างในชีวิตครับ พ็อดแคสนี้ทำให้ผมได้ฉุกคิดเหมือนกันครับ ว่า เส้นทางชีวิตจะเอายังไงต่อไปครับ #MissionToTheMoon

ส่วนตัวคิดว่าการมี passion เป็นสิ่งที่ส่งเสริมทำให้เราอยากทำงานนั้นในทุก ๆ วัน และยิ่งเรามีทักษะที่เชี่ยวชาญด้วยแล้ว จะทำให้เรามั่นใจในการทำงาน และทำให้มีความสุขในการทำงานทุก ๆ วันค่ะ 😊 #MissionToTheMoon

การตั้งเป้าหมายเล็กๆ จะสามารถทำให้เราได้ทำตาทเป้าหมายเล็กๆ ของเราได้ง่ายขึ้น โดยเราต้องพัฒนาทักษะของตนเองเพื่อที่จะทำให้เป้าหมายขอฃเราสำเร็จ แล้วขยับไปสู่เป้าหมายในการทำงานที่ใหญ่ขึ้นสำหรับเรา มันคือจุดเริ่มต้นของการ “ คิดเล็ก ทำใหญ่ ” #MissionToTheMoon

❤❤

เลือกงานที่ทำให้เรากินอิ่ม นอนหลับ มีเวลาออกกำลังกาย และไม่เครียด ขอแค่เป็นงานสุจริตมีคุณค่ามีศักดิ์ศรีก็โอเคแล้ว เรื่องได้ทำงานในฝันถือว่าโชคดีเป็นผลพลอยได้ สมมติได้ทำงานที่ชอบจริง ๆ งานในฝันที่อยากทำมานาน แต่พอทำแล้วเบียดเบียนเวลานอน ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง พักกินข้าวก็ต้องรีบกิน พักเข้าห้องน้ำยังต้องรีบเบ่ง แบบนั้นมันมีความสุขจริงเหรอ สุดท้ายสู้เลือกงานที่ให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างดีกว่า ยังไงการทำงานก็เป็นแค่ส่วนนึงของชีวิต ไม่ใช่ทั้งชีวิต คนเรามันยังมีมิติด้านอื่นๆ ให้ต้องรักษาสมดุล เช่น ความสัมพันธ์และสุขภาพ #missiontothemoon

เหมือนคำว่ากบเลือกนายไหมคะ กะบการเปลั่ยนงานไปเรื่อยๆ บางคนโชคดีได้เจองานที่ชอบ แต่บางคนอาจจไม่

Skill before Passion : Cal Newport 1. อย่าทำในสิ่งที่รัก - คนที่ประสบความสำเร็จในงานมักจะไม่ได้ทำงานในแบบเส้นตรง(เรื่องใดเพียงเรื่องเดียว) แต่จะเป็นเส้นที่คดไปคดมาจนกระทั่งเจองานที่พึงพอใจและรัก กว่าที่เราจะเก่งจะต้องเรียนรู้มากมายเพื่อสั่งสมประสบการณ์ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เรารู้ว่าเราชอบหรือหลงใหลกับเรื่องใด Self determination theory ความสุขในการทำงานเกิดจากปัจจัย 3 ประการคือ อิสระในการทำงาน ความสามารถในการควบคุมสิ่งต่างๆ ที่เราทำ หรือการกระทำได้/ ศักยภาพ ความรู้สึกว่าเราเก่งในสิ่งที่ทำ/ ความสัมพันธ์ หรือความรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่น ความสุขในกสนทำงานเหล่านี้ก็จะทำให้คนเราหลงใหลในการทำงาน 2. เก่งจนใครก็ไม่กล้าเมิน - ฝึกการมีความคิดแบบช่างฝีมือ คือ การมุ่งเน้นพัฒนาที่หายากและมีคุณค่า มองหาโอกาสการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเก่งก็จะยิ่งมีต้นทุนทางอาชีพสูง สามารถต่อรองเพื่อให้ได้งานที่ชอบ เงินที่ใช่ ทุนแบบกินรวบ - มีทักษะเพียงไม่กี่อย่างแต่เก่งมากๆ ทุนแบบประมูล - ให้ค่ากับความหลากหลายของทักษะและรวมความหลากหลายของทักษะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนๆ นั้น รู้รอบรอบรู้ เราจึงต้องนิยามความเก่งของเรา มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าความเก่งคืออะไร เพื่อที่จะได้พัฒนาความสามารถนั้นๆให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถให้เป็นสุดยอด/ เก่งจนไม่มีใครสู้ได้ ต้องอดทนและมีวินัยเพราะการเป็นที่สุดต้องใช้เวลา 3. ปฏิเสธการเลื่อนตำแหน่ง - 4. คิดเล็กทำใหญ่ - มีเป้าหมายที่ชัดเจนในอาชีพ มีภารกิจที่เรารักและเชื่อมั่นจะทำให้เรามีพลังในการทำงานและมีความสุขกับมัน ไม่ควรตั้งเป้าหมายที่ใหญ่โตตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพ ควรพัฒนาทักษะก่อนเพื่อหาโอกาสที่ซ่อนอยู่ในงาน ทดลองทำงานเล็กๆ หลายๆ อย่างเพื่อดูว่าเราชอบสิ่งไหนและสิ่งไหนทำได้จริง ประสบการณ์ที่จำเป็น โครงการที่ขับเคลื่อนด้วยภารกิจจะประสบความสำเร็จเมื่อมีเอกลักษณ์ที่ทุกคนมองเห็นและยอมรับ การค้นหาภารกิจต้องใช้เวลาและความอดทน แต่เมื่อพบแล้วจะทำให้ชีวิตมีความหมายและก่อให้เกิดความพึงพอใจในระยะยาวที่เราเรียกว่า Passion อีกด้วย ขอบคุณครับ 😊

👍🏻

❤

หนูเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินมากจนคิดว่า Passion ของตัวเองคือการกินจริงๆนะคะ 5555 จนอยากจะลองเปิดช่อง รีวิวอาหารจริงๆจังๆสักครั้ง ช่วยเป็นกำลังใจให้การกินของหนูคือความ mastery ด้วยนะคะ😂😂😅😅 #MissionToTheMoon

ฟังแบบเห็นด้วยสุดๆ - ตอนอายุ20กว่าๆ suffer มากทำงานไม่มี passion ยิ่งเอาตัวไปเทียบกะเพื่อนยิ่ง fail - ตอนนี้จะ 40 แล้ว สรุปงานที่เลือกเพราะน่าจะเกลียดน้อยที่สุดในบรรดางานที่เสนอเข้ามา กลับเป็นงานที่ทำได้เชี่ยวชาญ มีคุณค่ากับสังคม เป็นงานที่คิดว่าสามารถอยู่กับมันไปได้ตลอดชีวิต เหนืออื่นใด อย่าลืมพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด Skill befroe passion and become the mastery

👍👍👍