เสน่ห์นางชี EP2 สุขาวดี พุทธมหายาน และนิพพานอีกเวอร์ชั่น 

✋ยกมือรวมกลุ่มค่ะ

หนู! เห็น ep 2 ละตกใจ 5555

รีบกดเข้ามาดูเลยค่ะ

รอช่างเชื่อมครับพี่ ฟาโรส

จริงๆคือลืมไปแล้วว่ามีรายการใหม่ 5555

ขำเม้นต์นี้ 555555555555

@@yoyemaboo จริง 5555

555555

ว้าววว ขอบคุณค่ะ💙

ขอเสริมอีกนิดครับพระศากยมุนีก็คือพระโคดมหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ดังนั้นสกาโลกธาตุซึ่งเป็นพุทธเกษตรของพระองค์ก็คือโลกหรือจักรวาลมี่เราอาศัยอยู่ ตามคัมภีร์วิมลเกียรตินิรเทสสูตรสหาโลกธาตุหรือจักรวาลโลกที่เราอยู่นั้นมีความบริสุทธิ์ไม่แตกต่างจากพุทธเกษตรอื่น แต่ที่เห็นว่าโลกเราไม่บริสุทธิ์นั้นเป็นเพราะจิตของสัตว์ไม่สม่ำเสมอกันและเป็นการสำแดงของพระพุทธเจ้าในการโปรดสัตว์ ดังนั้นสุขาวดีกับสหาโลกธาตุนั้นย่อมไม่แตกต่างกัน พระพุทธเจ้าหลายพระองค์ที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นหนึ่งเดียวเพราะนามของพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพระอมิตภะ สุขาวดี ก็ล้วนถูกแสดงโดยพระพุทธเจ้าศากยมุนีทั้งสิ้น

@@ohm3779 ผม สับสนนิดนึงครับ คือ พระศากยมุนี นี่มีตัวตนในทางมหายานไหมครับ เพราะว่าเท่าที่เข้าใจคือ พระศากยมุนีเป็นพระพุทธเจ้าในทางเถรวาทที่ใช้การเทศ เพื่อให้เข้าถึงนิพพาน แบบที่เราเรียนกันในไทย แต่ทางมหายาน จีน ญี่ปุ่น จะเป็น พระอมิตาภะ ที่เหมือนเป็น supreme being ไป เลยอยากทราบว่า ทางเถรวาทกับมหายานนี่ พระพุทธเจ้า ที่อยู่ในยุคเดียวกันอย่าง พระศากยมุนี กับ พระอมิตาภะ มีตัวตนในทั้งสองความเชื่อเลยไหมครับ หรือจริงๆคือ คนเดียวกัน แค่ต้างความเชื่อ ต่างการนำเสนอครับ

​@@ranglingz9385มีตัวตนในคำภีร์​มหายาน​ครับเพียงแค่เรียกคนละชื่อกับทางบาลีที่เราคุ้นกัน

​@@ranglingz9385ส่วนอมิตะพุทธเจ้า​ เป็นชื่อของพระพุทธเจ้า​องค์ก่อนๆครับผม เพียงแค่ทางมหายาน เอามาผนวกกับความเชื่อทางเต๋า มีเซียน มีแดนสุขาวดี เพราะการมาถึงของพุทธศาสนา มันสั่นคลอนความเชื่อเดิมของราชสำนักจีน เช่น ขงจื้อ เต๋า และเทพพื้นบ้านพื้นถิ่นของจีน จึงจับเป็นต้องทำให้เสื่อมลง ไม่เช่นนั้นราชสำนักต้องสั่นคลอน เพราะประชาชน​จะตื่นรู้และมีปัญญากันมากอย่างมาหาศาลทำให้ปกครองยากครับ

เราเชื่อในภพนะ ภพเทวดา(ไม่ได้หมายถึงอยู่บนสวรรค์แต่เกิดจากจิตที่สะสมกุศลกรรมไว้มากทำให้เกิดในภพที่ดี) ภพเปรต(ตรงกันข้ามเทวดา คือสะสมอกุศลกรรมไว้มากทำให้เกิดจิตที่เลวเตมไปหมดภพนี้มีแต่ความทุกข์ซึ่งเกิดจากกรรม หรือการกระทำของตัวบุคคลนั้นๆ ซึ่งเปนกรรมเลว) อย่างเราๆก้ภพมนุษย์ แต่จริงๆเรื่องนรกกับสวรรค์เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาภายหลังไม่ใช่จากพระพุทธเจ้านะ เพียงเพื่อเป็นกุศโลบายให้คนไม่กล้าทำอกุศล หรือการทำไม่ดี ที่เป็นการทำชั่วทุกรุปแบบ

สนุกกับศาสนาเหมือนกันเลย นึกออกได้เลยว่าทำไมมีคนบอกว่าศาสนาเป็นเหตุเป็นผล …ส่วนตัวเคยเรียนวิชาเพราะเราอยู่ในศาสนานี้ ไม่รู้จักศาสนาอื่น มโนอยู่กับแค่การจำสอบแค่ว่าเกิดออกมาเดินดอกบัวกี่ก้าว อะไรทำนองนั้น😂

ใช่เลย มุมมองกว้างขึ้น ทำให้ไม่ยึดติด ปลงมากเลยเมื่อฟัง ช่างแสดงธรรมแบบย่อได้เข้าใจง่ายมาก❤️😁

@@bruh8049 85% คุณมาถูกทางแล้วครับ น่าชื่นชม ศรัทธาบวกปัญญาแบบนี้คงหลุดพ้นแน่นอน(หลุดพ้นไม่ได้แปลว่าได้เหาะขึ้นไปนิพพานแดนสวรรค์เพื่อไปเข้าเฝ้าพุทธะ แต่หมายถึงหลุดพ้น อิสระแล้ว ไม่มีเหตุแห่งการกลับมาเกิดอีกแล้ว สาบสูญไปแล้วนั่นเอง)

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการตั้งคำถามครับ ศาสนาพุทธเกิดจากคำถามและความสงสัยของพระพุทธองค์ ว่าคนเราต้อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย และเป็นทุกข์เช่นนี้จริงหรือ พระองค์จึงค้นหาวิธีดับทุกข์ครับ และประเด็นที่คุณตั้งคำถามแล้วถูกว่า กล่าว เพราะบุคคลท่านนั้นอาจจะเข้าใจในพระศาสนาไม่เพียงพอจะตอบคำถามของคุณจึงยกเรื่องบุญบาปขึ้นมา เป็นคำตอบ ในศาสนาพุทธ โดยเฉพาะพุทธเถรวาทแบบไทยเราเน้นการปฏิบัติมากกว่าความเชื่อ ดั่งเช่นในการแสดงพระธรรมเทศนา พระพุทธองค์ทรงตรัสถามพระสารีบุตรว่า “เชื่อหรือไม่ที่เราตถาคตพูดไป” พระสารีบุตรไม่เชื่อนะครับ พระองค์ยังตรัส ดูก่อนภิสุขทั้งหลาย ให้ดูอย่างสารีบุตร สิ่งที่เราพูดไปอย่าเชื่อ ให้นำไปคิด พิจารณาก่อน แล้วนำไปปติบัตร เห็นอนิสงค์ เป็นคุณประโยชน์ก่อนจึงเชื่อ

+1 ค่ะ ฟังเพลินมาก

ถ้าองค์นั้นคือพระยูไล ซึ่งมีคนเชื่อว่าก็คือองค์สิทธัตถะของเถรวาทนี่แหละ สำเนียงจีนกลางคือ หรูไหลฝอ มีความหมายเดียวกันกับ หรูไหลฝอจู่ แปลว่า ผู้ไปแล้วอย่างนั้น ซึ่งแปลตรงกับคำว่า ตถาคต ชาวจีนจะนิยมเรียกว่า ซื่อเจียโหมวหนี หรือสำเนียงแต้จิ๋ว เส็กเกี่ยมอนี หรือก็คือ ศากยมุนี ข้อมูลจากในเว็ปไม่รู้เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน แต่น่าสนใจเลยมาแชร์ เผื่อใครจะไปค้นต่อในแหล่งที่น่าเชื่อถือกว่านี้ ตอนแรกฟังไปผมก็สงสัยเหมือนกัน ว่า พระอมิตาภพุทธะ คือองค์เดียวกับ พระยูไล หรือเปล่า เลยลองค้นดู

แต่ผมอ่านแล้วก็รู้สึกแปลก เพราะถ้าตามที่พี่ต่อพูดในคลิปคือพระโคดมของเถรวาทคืออยู่ในสภาวะดับขันธปรินิพพาน ถ้าดับขันธ์แล้วก็ไม่น่าจะมีรูปกายอยู่ ทำไมถึงไปปรากฎอยู่ในสวรรค์ได้ สรุปแล้ว พระยูไล อาจจะใช่หรือไม่ใช่พระโคดมก็ได้

@@MartinTian เปิดประเด็นได้น่าสนใจค่ะ เราลองไปค้นหาดู เหมือนว่าคำว่ายูไลจะไม่สามารถระบุตัวตนได้ขนาดนั้นค่ะ เพราะทั้งศากยมุนีและอมิตพุทธเจ้าก็มีคำนี้ต่อท้ายชื่อภาษาจีนเหมือนกัน(รวมถึงองค์อื่นๆด้วย) คล้ายเป็นคำเรียกเฉยๆแสดงว่าอาจจะเป็นพระยูไลในพุทธเกษตรอื่นๆก็ได้เช่นกัน

พระพุทธเจ้าหรือพระยูไล ในไซอิ๋วระบุไว้ชัดเจนครับว่าคือพระศากยมุนีพุทธเจ้าหรือพระโคตมพุทธเจ้า องค์เดียวกันกับที่ทางเถรวาทคุ้นเคย โดยคําว่า ยูไล/หรูไหล 如来 คือคําที่แปลความหมายมาจากคําว่า ตถาคตา หรือ ตถาคต ซึ่งเป็นคําที่พระพุทธเจ้าใช้เรียกแทนตัวเอง ทั้งนี้นะครับคําว่า ยูไล หรือ ตถาคต ไม่ได้เป็นชื่อเจาะจงว่าหมายถึงพระพุทธเจ้าพระองค์ไหน หากแต่เป็นคําเรียกแทนพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ยกตัวอย่างเช่น 释迦牟尼如来 เสกเกียมอนียูไล (พระศากยมุนีตถาคต) 阿弥陀如来 ออมีทอยูไล (พระอมิตาภตถาคต) 药师如来 เอี่ยะซือยูไล (พระไภษัชยคุรุตถาคต) ฯลฯ ทีนี้ตามความเชื่อของพระพุทธศาสนามหายาน แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะปรินิพพานไปแล้ว แต่พระองค์ยังก็คงดํารงอยู่ ในสภาวะของสัมโภคกาย(กายทิพย์)และธรรมกาย(กายแห่งธรรม)ในพุทธเกษตรของพระองค์ ที่จะสามารถพบได้เฉพาะพระอริยเจ้า พระโพธิสัตว์ หรือผู้ที่เข้าถึงธรรมแล้ว และด้วยคอนเสปนี้ ในไซอิ๋วเราจึงเห็นพระพุทธเจ้าท่านมาปราบเห้งเจียเป็นองค์ ๆ บวกกับความแฟนตาซีของวรรณกรรมที่ถูกแต่งขึ้น เพราะฉะนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ

@@fluke_benja ขอบคุณมากเลยค่ะ อาจจะเพราะยังชินกับการมองศากยมุนีพุทธเจ้าในมุมมองแบบเถรวาทที่ท่านดับขันธ์ไปแล้ว เลยยังงงๆคอนเซปต์อยู่ เผลอลืมไปว่าทางมหายานก็ยังมีพระพุทธเจ้าคนเดียวกับเรา แต่เขามองในเลนส์อีกแบบนึง สนุกจริงด้วยอะ555555555555

ใช่ค่ะ เข้าใจได้ง่ายกว่าเดิม และไกลมาก ไกลจริง ๆ ค่ะ ดินแดนสุขาวดีนั้นและอิชั้น 555

ตอนที่เเล้วเป็นกระดาษทิชชู่ค่ะ 55555 รอดูตอนหน้า

หยุดมองไม่ได้จริงๆ

55 แบบเดียวกันเลยค่ะ

การจะขึ้นไปบยนยอดเขามีหลายวิธี ยากง่ายต่างกันไป ท่านพุทธะได้ชี้บอกไว้หมดแล้ว ขึ้นอยู่กับจริตและประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่ผ่านมาของแต่ละคน ของมหายาน ไม่มีวิธีลัด ไม่ง่ายหรือยากไปกว่าของหีนยาน อย่างมหายานมีพระสูตร "วัชรเฉทิกปรัชญาปารมิตาสูตร" หรือที่เรียกว่า "เพชรตัดทำลายมายา" ก็ต้องใช้ปัญญา ใช้มหาสติ ศึกษาและเข้าใจ

ในดินแดนที่เราอยู่ แรกสุดก็คือศาสนาผี ต่อมาก็รับฮินดู จากนั้นต่อมาสมัยทวารวดีก็เป็นมหายาน แล้วเถรวาทเพิ่งรับจากลังกามาทีหลังสุดสมัยปลายทวาราวดี ต่อเนื่องถึงสุโขทัย

Diamond Grains เป็นสปอนเซอร์ให้พี่ฟาร์โรสหน่อยค้าา😀❤

เหมือนกันเลยอ่ะ ฟังไป นั่งจ้องไป 555

สีพร็อพประกอบดึงดูดสายตามาก

ขอสอบถามค่ะ ที่ว่าถึงนี่ถึงอย่างไรคะ ปฏิบัติ หรือว่ายังไง สนใจอยากทราบค่ะ

@@iwrotenonsensethingy พบด้วยความบังเอิญครับ ไม่ขอเล่าละกันเพราะกลัวจะพากันเลียนแบบ แต่พอกลับออกมาได้ก็เชื่อว่าทุกคนไปถึงได้แน่ เพียงแค่ต้องรักษาสติ มีปัญญาคู่สติด้วย ส่วนของการปฏิบัติในการใช้ชีวิตก็ทำให้ดีที่สุดก็เท่านั้นเองครับ ถ้าใครเคยดูไซอิ๋วจะมีซีนหนึ่งที่ก่อนพระถังซัมจั๋งพบพระพุทธเจ้า จะต้องนั่งเรือที่ไม่มีท้องข้ามแม่น้ำ พอก้าวขึ้นเรือก็พบกายตัวเองนอนอยู่ริมฝั่ง แต่ตนเองก็มีอีกร่างนึงที่อยู่บนเรือไม่มีท้องแล้ว อารมณ์ผมก็ประมาณนั้นแหละครับ ก่อนเข้านิพพานก็ต้องทิ้งกายหยาบไปเสียก่อน (ไม่ได้แปลว่าให้ไปตายนะครับ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด 😅) คือถ้าทิ้งกายหยาบได้ นิพพานก็แค่เอื้อมครับ (กายหยาบนี่ไม่ได้หมายความว่าร่างกายนะครับ แต่ผมหาคำแทนไม่ได้จริงๆ ต้องถึงนิพพานแล้วเราจะรู้เลยว่าที่เหลือทิ้งไว้ก็แค่กายหยาบมันเป็นยังไง) แต่เลยขั้นกว่าของสภาวะนั้นก็ดับขันธ์สู่ปรินิพพานอย่างที่พี่ต่อเล่าแหละครับ หวังว่าจะเข้าใจความหมายที่ผมจะสื่อนะครับ 😌

ขอเสริมนะครับ เถรวาทนั้นบุญแผ่ให้กันโดยตรงเหมือนโอนตังไม่ได้ครับ ผู้รับต้องสร้างกรรมคืออนุโมทนาเห็นดีเห็นงามในบุญนั้นก่อนถึงจะมีส่วนในบุญนั้นด้วยครับ ได้รับกี่%ก็แล้วแต่บริบท

@@chaosinpark9773 ขออภัยที่ผมใช้คำนิยามไม่ค่อยตรงประเด็นนักนะครับ เถรวาทเดิมที่กล่าวถึง หมายถึง สถวิรวาท (โดยในทางวิชาการยังไม่ถือว่าเป็น เถรวาท) ซึ่งนิกายดังกล่าวยังไม่มีทัศนะเรื่องการอุทิศบุญของตนเองให้ผู้อื่น ก่อนที่จะมีพัฒนาการเป็น เถรวาท ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 12 แล้วมาแพร่หลายในอุษาคเนย์อีกทีครับ และทั้งสถวิรวาท และเถรวาท ก็จัดอยู่ในลัทธิหีนยานเช่นเดียวกันครับ

ซึ่งหลักฐานที่ค้นพบในปัจจุบันและความเชื่อภายในศาสนาเองหลาย ๆ ประการ ทำให้นักวิชาการปัจจุบันนิยามทัศนะแบบนี้ว่า สถวิรวาท โดยปัจจุบันถือเป็นความเชื่อดั้งเดิมที่สุดเท่าที่จะมีหลักฐานได้ครับผม

โอ้ยยย😂😂 สปอนมาจริงต้องอุดหนุนด้วยนะะะ

@@iiimissme2549 ไปค่ะ อุตหนุน สังฆทานคนละถังสองถัง ผ้าไตร จีวร สบง สังฆาฏิ ใดๆ หลวงเจ้วัดแถวบ้านต้องมีค่ะ

ดีกว่าฟังนักบวชอีก ไม่ค่อยมีใครถึงแก่นแท้ สาธุ

เรื่องศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรม ถ้าได้เรียนแบบคิดวิเคราะห์ และไม่ปิดกั้น จริง ๆ สนุกครับ ฝึกคิด และยังได้เรียน diversity ของความเชื่อแบบต่าง ๆ ด้วย ส่วนที่เราเรียนในโรงเรียนมันโดนบีบ โดนหั่นให้เหลือแค่ด้านเดียว แล้วก็สอนแบบยัดเยียด แล้วยัดเยียดชนิดที่ ความเชื่อท้องถิ่นของประเทศตัวเองแท้ ๆ ยังโดนเซ็นเซอร์ (เช่นพุทธในล้านนาต่างอย่างไร พุทธอีสาน พุทธลาวต่างอย่างไร โดนเซ็นเซอร์หมด) แล้วก็สอนให้ท่อง ไม่สอนให้คิดตาม ทั้งที่ชอบเคลมว่าศาสนาพุทธสอนให้คิด เนี่ยมันเลยทำให้น่าเบื่อ

คนที่รู้จริงทั้งหีนยานและมหายาน ยังมีอยู่ ถ้าสนใจจริง ก็ต้องตามหา

เช่นกันค่ะ ต้องดูซ้ำสองรอบ(+) เลย

เหมือนกัน ทุกคลิปเลย ไม่ต้องซีเรียส มันทำให้เปิดโลกเรามากขึ้น ❤️

พูดไปแล้วใน EP.1 เรื่อง เถรวาท vs มหายาน แยกมาได้ยังไง

@@RonnyGo หมายถึงที่มาและมูลเหตุอะครับ รวมถึงนิกายย่อยในพุทธเถรวาทอีกด้วยอะครับ ถ้ามีแล้วไม่เจอก็ขออภัยด้วยครับ

@@natthapon.w1999 ส่วนตัวจากที่ศึกษามาคือ เป็นเพราะการตีความปรัชญาและอภิปรัชญาในคำสอนที่ต่างกันครับ แม้จะฟังมาจากคำเดียวกันของพระพุทธเจ้าก็ตาม เมื่อตีความต่างกัน แรกๆเป้าหมายก็ยังเดียวกันอยู่(บรรลุนิพพานธรรมดาๆ) จึงทำให้ฝั่งหินยานแตกออกเป็นหลายสาย(หนึ่งในนั้นก็เราเถรวาท---ส่วนใหญ่สายหินยานของเราจะแตกกันเพราะหลักอภิธรรมไม่ตรงกัน แต่วินัยยังพอตรงกันอยู่) พอพัฒนาการทางแนวคิดและเป้าหมายเริ่มมากขึ้น เริ่มไม่นิพพานแล้ว แต่เน้นเป็นโพธิสัตว์ เพื่อลุถึงพุทธะ มันก็เลยทำให้ศีลและวินัยเริ่มถูกตีความต่างกันออกไปด้วย เริ่มมีศีลโพธิสัตว์ หรือข้อปฏิบัติที่กว้างและหลากหลายขึ้น หรือปรับของเก่าไปบ้าง จนตอนหลังมันต่างกันไปหมดทั้งเชิงปรัชญาและเชิงข้อปฏิบัติ ยากต่อการมารวมกันทำสังฆกรรมทางพระวินัย ก็เลยแยกนิกายกันมาถึงวันนี้ แต่ตัวแก่นคำสอนยังเป็นหนึ่งเดียวกันดี

คุ้นๆว่าความเชื่อโบราณของจีนจะเชื่อว่ามนุษย์ประกอบไปด้วย Hun(Spirits) และ Po(Souls) จำนวน 10 ส่วน(แบ่งเป็น 3 Hun และ 7 Po) เมื่อมนุษย์ตายลง Po ทั้ง 7 จะยังคงสถิตอยู่กับร่าง/ส่วนของผู้ตาย และอีก 3 Hun จะเดินทางแยกย้ายกันไปต่อ ความเชื่อนี้เป็นของพื้นเมืองของชาวจีน แต่อาจปะปนมาในเต๋า,พุทธมหายานในระดับชาวบ้านบ้าง เพราะงั้นคุณพ่ออาจจะแยกร่างกันไปตามความเชื่อนี้ก็ได้ครับ ^0^

วัดจีนในไทยเป็นนิกายมหายานทุกที่เลยไหมคะ คราวหน้าถ้าไปจะสังเกตดูค่ะ

@@thanya1502 วันพุทธจีนนิกายในไทยเป็นมหายานหมดครับ

เคยได้ยินพระท่านกล่าวเมื่อนานมาแล้วว่า "ถามเรื่องทางโลก ให้ไปถามพระ ถามเรื่องธรรมะ ให้ไปถามฆราวาส"

ผมเห็นด้วยที่ว่าศาสนาเป็นสิ่งสมมุติครับ มันเกิดจากคนคิดเอาเอง ไม่มีอยู่จริง เป็นความเชื่อที่มีจุดมุ่งหมายเดียว เหตุผลเดียวกับการที่ศาสนาต่าง ๆ เกิดขึ้นมา คือเพื่อความเป็นระเบียบของสังคมมนุษย์ครับ ดังนั้นโลกหลังความตายก็ไม่มีอยู่จริงครับ เป็นสิ่งที่คนคิดเอาเองทั้งหมด ตายคือร่างกายไม่หายใจ ไม่ต้องคิดมากครับ

@@GoodGoneMad ขอบคุณค่ะ เราเองก็อยากจะเชื่อจริงๆให้ได้แบบนั้น ถ้าละความกลัวตรงนี้ไปได้ ก็คงอยู่แบบมีอิสระ (ทางจิตวิญญาณ) มากขึ้นค่ะ 55555

ผมนับถือนิกายสุขาวดี เพราะมันเป็นพุทธที่มีรสชาติแบบคริสตศาสนานี่ล่ะ555 คือมันง่าย แต่มันมีความลึกซึ้งอยู่นะ เราไม่ปรารถนานิพพาน แต่แค่อยากไปสถานที่ อันเป็นที่ๆใครๆในพุทธสายอื่นคงดูถูกว่าไร้ปัญญา แต่เพราะความที่เราไม่ปรารถนาอะไรมาก ปฏิบัติภาวนาพระนามท่านไปทุกวันๆ วันหนึ่งจิตอาจว่างจากกิเลสขึ้นมา แล้วถึงนิพพานก็ได้555 โดยไม่ต้องไปบีบบังคับมัน ทำไปสบายๆ