Gap year หยุดพักเพื่อก้าวกระโดด สวัสดีกครับ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องของ Gap Year การดรอปเรียนหรือการหยุดในสิ่งที่เราทำอยู่ในขณะนี้นะครับผ่านไปสักประมาณปี 2 ปีแล้วกลับมาทำใหม่ การหยุดไปนั้นเพื่อที่จะค้นหาความหมายของชีวิตตัวเองเพื่อดูความสามารถของตัวเองเพื่อพัฒนาทักษะต่างๆนะครับ แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับคนไทยแล้วก็หลายๆคนอาจจะมีมุมมองที่ไม่ดีต่อมันคือเราจะดรอปเรียนไปทำไมเสียเวลาเดี๋ยวตามเพื่อนไม่ทันนะครับ หรือเราจะหมดไฟในการจะเรียนต่อหรือเปล่า เรากลับมาเรียนเราจะสู้เขาไม่ได้เราจะตามหลังเขาเราจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าหรือเปล่านะครับ วันนี้ผมอยากจะเอามุมมองที่มันเป็นมุมมองด้านใหม่มาให้ทุกๆท่านฟังดูนะครับแล้วการทำ Gap Year การดรอปเรียนต่างๆบางครั้งอาจจะเป็นอะไรที่เปลี่ยนชีวิตท่านไปทั้งชีวิตเลยก็ได้นะครับ พบกับผมนะครับ นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอด และวิกฤตบำบัดนะครับ
2️⃣ คุณเคยเป็นคนที่มีความคิดเด็กๆไหมว่าตอนเด็กๆเรามีความคิดอยากจะเป็นหมอ เป็นตำรวจ เป็นนักออกแบบ บางคนอยากเป็นนักกีฬา บางคนอยากเป็นนักร้องนักแสดงนะครับ แต่บางทีพอมาถึงชั้นม. 6 แล้วคุณจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อถึงตอนนั้นบางทีความชอบของคุณกับสิ่งที่คุณต้องเข้าไปเรียนมันไม่เหมือนกัน บางคนอยากเป็นดาราแต่ว่ามันเป็นไม่ได้ก็เลยต้องไปสอบเข้าคณะอะไรสักอย่างหนึ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้จะเรียนไปทำไม บางคนก็ไม่รู้เรียนตามเพื่อนไปก่อน หรืออันนี้พ่อแม่บอกให้เรียนก็เรียนไปก็ได้ไหนๆเราก็ไม่รู้เราจะเรียนอะไรนะครับ เคยมีความรู้สึกแบบนี้ไหมครับ? ผมเชื่อว่าหลายคนเลยทีเดียวนะครับที่มีความรู้สึกแบบนี้ ดังนั้นในคนพวกนี้การที่เราหยุด ถอยออกมา เพื่อศึกษาค้นคว้าตัวเอง อาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้เราสามารถก้าวกระโดดไปไกลในชีวิตเลยก็ได้นะครับ ที่ประเทศแถบสแกนดิเนเวียมันเป็นเรื่องปกติเลยที่หลังจากจบ ม. 6 แล้วเขาจะต้องทำ Gap Year กันนะครับ แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นครับไม่ใช่เรื่องแปลกเลยมหาวิทยาลัยที่อเมริกา Ivy League ดังๆ เช่น Harvard University นี้นะครับ ท่านสอบได้แล้วเขาจะให้โอกาสท่านเลยว่าท่านไปทำ Gap Year มานะครับตามสบายเลยไปทำ Gap Year มาเรายังให้ที่เรียนท่านเหมือนเดิมแต่ท่านไปทำ Gap Year มาก่อน รู้ไหมครับว่าเขาให้โอกาสตรงนี้ไปทำไม ทำไมเขาไม่เอาท่านมาเรียนให้จบๆไป? ➡️เพราะว่าเขารู้ไงครับว่าคนที่ทำ Gap Year จะมีโอกาสได้เห็นปัญหาของโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า คือมีความโตเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าเข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงนะครับ เห็นปัญหาที่แท้จริง แล้วเวลากลับมาเรียนมันจะมีไฟ มีความมุ่งมั่น รู้ว่าปัญหาคืออะไร รู้ว่าเรียนแล้วจะเอาไปทำอะไร ความรู้ที่ได้มาจะเอาไปแก้ปัญหาได้อย่างไร และมีความมั่นใจมุ่งมั่นในการขวนขวายหาคำตอบมากขึ้นนะครับ นี่คือเหตุผลที่ทาง Ivy League ของอเมริกาให้อนุญาตเด็กที่สอบเข้ามาได้ทำ Gap Year นะครับ ทีนี้สมมุติว่าเราเป็นคนนึงแหละที่เราต้องการทำ Gap Year
4️⃣ 🔆วางแผนเพื่อดูซิว่าความสามารถที่เรามีอยู่ตอนนี้มันมีอะไรบ้างนะครับ มันสามารถใช้ในชีวิตจริงได้หรือเปล่านะครับ แล้วก็มันสามารถที่จะเอาไปต่อยอดตรงไหนได้บ้าง 🔆รวมทั้งเราต้องพัฒนาทักษะอะไรบ้างบางทีบางคนออกมาเราต้องพัฒนาทักษะในการพูด เราต้องพัฒนาทักษะในการลงทุน พัฒนาทักษะในการเขียนโปรแกรม ทำ RU-vid ทำอาหารหรืออะไรสักอย่างหรือหัดพูดภาษาต่างประเทศ มันเป็นทักษะที่เราจำเป็นจะต้องสร้างมันขึ้นมานะครับ ดังนั้นถ้าเราไม่ออกมาแล้วลองลุยงานอะไรสักอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงเราจะไม่มีทางรู้ว่าทักษะที่เรามีอยู่มันเพียงพอหรือยังนะครับ มันก็เหมือนกับการที่เราได้เจอข้อสอบแบบทดสอบเล่นๆยังไม่ใช่สอบใหญ่นะครับ ทดสอบเล่นๆหมายความว่าเวลาคุณเจอข้อสอบครั้งแรกคุณจะรู้ว่ามีเรื่องนี้ที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน เหมือนเราทำ Pre Test นะครับ เรื่องนี้ก็น่ารู้ เรื่องนั้นทำไมเรายังไม่เข้าใจทั้งๆที่เราคิดว่าเราเข้าใจแล้ว การที่คุณมี Gap Year มันจะทดสอบตรงนี้คุณนั่นแหละนะครับ จะเหมือนเป็น Pre Test ว่าเราจะต้องเตรียมตัวยังไงเพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์แบบนั้นนะครับ
5️⃣ ดังนั้นเรื่องของเงินเป็นอันดับแรก เรื่องของความสามารถที่เราต้องศึกษาตัวเอง แล้วก็ความสามารถที่เราอยากจะทำเพิ่มเติมนะครับ อันที่สามคุณต้องรู้ว่ากิจกรรมอะไรที่สามารถทำให้คุณดีขึ้นได้เพราะว่าเวลาที่คุณจบ Gap Year แล้วคุณกลับไปเรียนต่อมันจะต้องมีคำอธิบายให้กับสถานศึกษาที่เขาจะรับคุณเข้าไปเรียนว่าคุณทำ Gap Year แล้วคุณได้อะไร ถ้าคุณออกไปแล้วคุณอยู่เฉยๆมันก็ไม่สมเหตุสมผลถูกไหมครับ จะอบอกว่าฉันขอหยุดไปพักสักปีนึงเหนื่อยแล้วนะครับ อันนี้ไม่ได้นะครับ มันต้องหยุดไปเพื่อเหตุผลอะไรสักอย่างนะครับ อย่างที่อเมริกาก็จะมีบางคนที่อยากจะเข้า Harvard Medical School ซึ่งเข้ายากมากๆนะครับแต่เขาก็ยินยอมทำ Gap Year 1 ปี เพื่อที่จะมาทำวิจัยกับอาจารย์แพทย์ที่นี่ เขาสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทำและก็ตีพิมพ์งานวิจัยออกไปอันนี้ก็จะสามารถทำให้เขาสามารถเข้ามาเรียนใน Harvard Medical School ได้ เก่งอย่างเดียวไม่พอนะครับ จะต้องมีความมุ่งมั่นด้วย บางคนก็ใช้เวลาตรงนี้เป็นอาสาสมัครตามที่ต่างๆ ผมเคยเห็นที่อเมริการทำ Gap Year แล้วก็ไปอยู่ตามประเทศที่มีความยากจนต่างๆนะครับ แล้วไปดูวิถีชีวิตชาวบ้าน ไปช่วยเขาสร้างบ่อน้ำทำสาธารณสุข ศึกษาปัญหาต่างๆ รวมทั้งช่วยเก็บงานวิจัยต่างๆพวกนี้ก็ทำให้เขาสามารถเห็นปัญหาของโลกใบนี้จริงๆ และคนพวกนี้เวลาที่จบ Gap Year ของเขาจะมีมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่และมองเห็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างมากเลย เพราะแต่เดิมมันเป็นมุมมองของเด็กอย่างเดียวหรือไม่ก็มุมมองของพ่อแม่หรือครูหรือคนรอบข้างที่คอยป้อนให้เราว่ามันมีเรื่องนี้นะเขาสอนเราแบบนี้ แต่เวลาคุณออกไปโลกแห่งความเป็นจริงคุณคือครูของตัวเอง คุณต้องสอนตัวเอง คุณอยากเรียนพิเศษคุณก็ต้องเรียนพิเศษด้วยตัวเอง มันจึงเป็นการที่ทำให้คุณมีความเติบโตอย่างเร็วเลยนะครับ อย่างไรก็ตามเราจะต้องมีการวางแผนเพราะว่าการเติบโตแบบนี้มันต้องมาจากตัวเราเองนะครับเพราะมันไม่มีใครช่วยแล้วนะครับ อันนี้จึงเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์
การมีข้อจำกัดเรื่องการเงินแล้วออกมาก่อนที่จะเรียนต่อ ก็เป็นช่วงที่เราสามารถทำ Gap year ได้เช่นกัน และถ้าเราวางแผนให้ดีๆ เราก็จะได้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้มากครับ
😄😄😴😴 🫧🧼🧽🚙🧺🎞️ ขอบคุณค่ะ Tany สำหรับ 💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚 Have a wonderful & happiness moment time together with an adorable Rosy ค่ะ ☕️⭐️🧜♀️🇺🇸 🐶💋💋💋💋💋💋🩺👨⚕️🌹🌹🌹🌹🌹🌹🌸🌸🌸🌸🌸🌸
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ Gap year หยุดพักเพื่อก้าวกระโดด เรื่องนี้สำหรับคนไทยอาจเห็นเป็นเรื่องแปลกไม่เข้าใจมีมุมมองที่ไม่ดีคือหยุดทำไมเสียเวลาเดี๋ยวไม่ทันเพื่อนกลับมาเรียนก็จะไม่ได้ถูกมองไปในแง่ที่ไม่ดีอายุก็มากขึ้นแก่เกินไปที่จะเรียน Gap year คือการ ดรอปเรียนหรือการหยุดในสิ่งที่เราทำอยู่ในขณะนี้ผ่านไปสัก 1-2 ปี แล้ว กลับมาทำใหม่ การหยุดไปนั้นเพื่อที่จะหาความหมายชีวิตตัวเองเพื่อดูความสามารถของตัวเองเพื่อพัฒนาทักษะต่างๆ วันนี้อาจารย์หมอได้เอามุมมองที่เป็นมุมมองด้านใหม่มาให้ฟังดู ซึ่งGap year บางครั้งอาจเป็นอะไรที่เปลี่ยนชีวิตเราทั้งชีวิตเลยก็ได้ Gap year หมายความถึงการเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาแล้วแต่ก่อนที่เข้าไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยใช้เวลาเป็นปีหรือมากกว่านั้นในการทำอย่างอื่นแล้วสุดท้ายค่อยไปเลือกว่าเราจะเรียนอะไรจะเข้ามหาวิทยาลัยหรือจะไปทำอย่างอื่นต่อการดรอปเรียนก็จะคล้ายกันแต่ที่ประเทศไทยนั้นมีความหมายว่าเราสอบไม่ผ่านหรือคะแนนออกมาไม่ดีหากปล่อยไปอาจได้เกรดไม่ดี หรือความหมายอีกอย่างคือหากเราจบปริญญาตรีแล้วทำงานหาประสบการณ์เสียก่อนค่อยมาเรียนต่อป.โท มันจะได้ประโยชน์มากกว่าจบป.ตรีแล้วต่อป.โททันที แต่หากคนไหนมีเป้าหมายชัดเจนคือรู้ว่าตัวเองว่าชอบอะไรรู้ตัวเองว่าต้องเรียนต่ออะไรและไม่มีปัญหาในการเรียน ก็ไม่ต้อง Gap year สามารถเข้าเรียนต่อในสิ่งที่ต้องการได้เลย Gap year จะตอบโจทย์และมีประโยชน์กับคนที่ไม่แน่ใจตัวเองไม่รู้ตัวเองว่าชอบอะไร เรียนไปทำไม จะเอายังไงกับชีวิตดี ดังนั้นการที่เราหยุดหรือถอยออกมาเพื่อศึกษาค้นคว้าเองอาจเป็นโอกาสที่ทำให้เราสามารถก้าวกระโดดไปไกลในชีวิตเลยก็ได้ ประเทศในแถบสแกนดิเนเวียนั้น หลังที่เรียนจบม.6 แล้วจะต้องทำGap year กัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเขา และมหาวิทยาลัยในอเมริกาIVY League ดังๆ เช่น Howard University หากสอบได้จะให้ไปทำ Gap year ก่อนโดยยังได้ที่เรียนเหมือนเดิม เหตุที่ให้ไปทำGap year เพราะจะมีโอกาสได้เห็นปัญหาของโลกในความเป็นจริง เห็นปัญหาที่แท้จริง เวลามาเรียนจริงๆจะมีไฟ มีความมุ่งมั่นรู้ปัญหารู้ว่าเรียนแล้วจะเอาไปทำอะไร แก้ปัญหาอย่างไรจะได้มุ่งมั่นในการเรียนต่อไป แต่ก่อนที่จะทำGap year จะต้องมีการวางแผนอันแรกคือวางแผนเรื่องเงิน หางานทำ จะอยู่อย่างไร เรื่องของความสามารถที่เราจะต้องศึกษาตัวเองและความสามารถที่เราจะต้องทำเพิ่มเติมพัฒนาทักษะต่างๆเช่นทักษะในการลงทุน ทักษะในการพูด ทักษะการเขียนโปรแกรม ยูทูป ทำอาหารเป็นต้น สามต้องดูว่ากิจกรรมอะไรที่ทำให้เราดีขึ้นได้เพราะเราต้องตอบคำถามสถานศึกษาให้ได้ว่าทำGap year แล้วได้อะไร คนเรานั้นเก่งอย่างเดียวไม่พอจะต้องมีความมุ่งมั่นด้วย การทำGap year นั้นทำให้เห็นปัญหาเห็นโลกแห่งความเป็นจริง เป็นครูของตนเอง และเมื่อจบออกไปแล้วจะมีมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่ มองเห็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิม การวางแผนควรวาง แผนเป็นปี แล้วหลังจากนั้นซอยแผนย่อยๆเช่น3 เดือนแรกต้องทำอะไรบ้างและทุก3 เดือน จะทำอะไรบ้าง ในเรื่องต่างๆแล้วหากเราไปในที่เราไม่เคยไปก็ต้องระวังในเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก หากจบ Gap year มาได้จะทำให้เราค้นพบตัวเอง เป็นผู้ใหญ่ก้าวกระโดดได้ไกล ดิฉันขอขอบ พระคุณ อาจารย์หมอเป็นอย่างสูงค่ะ
คลิปนี้ ผมหล่อ เท่ห์มากค่ะ... เด็กสมัยนี้ Gap year เยอะ... แต่เด็กบางคน คิดมาก คิดว่า Gap year แสดงว่าตัวเอง ไม่เก่ง เหมือนอย่างที่อาจารย์ ว่าแหละ เขาไม่เหมาะ... ดีจัง มาเล่าเรื่องโน้นนี่ให้ฟัง
นั่นเป็นสิ่งที่ต้องคิดหาทางเองครับ ต่างประเทศก็เจอปัญหาแบบเดียวกันกับที่ไทย คนต่างประเทศที่ทำ Gap year ก็ต้องขวนขวายหารายได้เอง และที่นี่พ่อแม่ไม่ได้ให้เงินลูกเลยด้วยครับ ดังนั้นสิ่งที่คุณคิดว่าต่างประเทศจะมีเงินก้อนให้เด็กทำ Gap year มันก็ไม่เป็นแบบนั้น แต่มักเป็นความคิดติดหัวคนไทยที่ยังไม่มีโอกาสได้เห็นการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศจริงๆมากกว่าครับ
ปรึกษาคุณหมอหน่อยค่ะว่า gap year อยากอบรมระยะสั้น สำหรับแพทย์ gp มีอะไรที่ไหนบ้าง สามารถหาข้อมูล หรือมีรวบรวมหลายๆ สาขาให้เลือก ไว้ที่ไหนบ้างมั้ยคะ ยังไม่มีแนวทาง จะไปทางไหนต่อดี