Live: End of Life Care 

1️⃣ พอเป็นแบบนี้สิ่งที่เราต้องเข้าใจอย่างนึงก็คือพอหมอบอกไปแล้วว่าเรามีข่าวไม่สู้ดีนะต้องการจะพูดให้ฟังนะครับแต่ว่าคุณพร้อมหรือเปล่าที่จะรับฟัง ถ้าเขาบอกว่ามีอะไร พร้อมแล้วบอกมาเลย สิ่งที่ผมจะเริ่มผมจะไม่บอกว่าคุณเป็นมะเร็งก่อนยังไม่บอกอย่างนั้นก่อน จะถามต่อไปว่าจากอาการที่คุณเจ็บป่วยแล้วผมจะทบทวนอาการทั้งหมดที่เขาเป็น เช่นว่าคุณมีอาการไอมาเรื้อรังแล้วรู้สึกเหนื่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมีน้ำอยู่ในปอดแล้วอาการมันยังไม่ค่อยดีขึ้น ในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของร่างกายคุณคิดว่าความคิดของคุณเลยนะครับคุณเป็นอะไร? ลองบรรยายในแง่มุมของคุณมา คุณเข้าใจว่าตัวคุณเองเป็นอะไรแล้วผมจะเสริมให้ในสิ่งที่คุณอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนบ้างหรือว่าเสริมในข้อมูลซึ่งคุณอาจจะยังไม่เข้าใจในตอนนี้บ้าง ผมจะเริ่มอย่างนี้ก่อนเลยค่อยๆเริ่มนะครับ หลังจากนั้นพอเขาบอกมาแล้วถ้าถึงช่วงที่ผมรู้สึกว่าเขาอาจจะเข้าใจเรื่องมะเร็งบ้างแล้วผมอาจจะบอกว่าจริงๆผมสงสัยว่ามันอาจจะเป็นเนื้อที่ไม่ดี อาจจะเป็นก้อนหรือเนื้อที่ไม่ดีที่เราเจอ แล้วถ้าเกิดเขาถามว่า “ใช้มะเร็งหรือเปล่าหมอ” ผมก็ต้องบอกว่า “เกรงว่าน่าจะใช่นะครับ” แล้วเราเงียบสักพักนึงอย่าเพิ่งไปพูดอะไรต่อให้เขาได้มีโอกาสทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเพราะว่าช่วงนี้สิ่งที่เกิดขึ้นในสมองคนไข้คือ งง! เคว้ง! มีคำถามว่าใช่หรือเปล่า?ใช่จริงเหรอ? ฉันเป็นมะเร็งจริงเหรอ? พอถามคำถามนี้แล้วก็คือรู้สึกว่ามันไม่จริงสักพักหนึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นในหัวเขาก็คือเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ฉันไม่ยอมรับ มะเร็งมันต้องไม่เกิดขึ้นกับฉัน ฉันอายุยังน้อยมันต้องไม่ใช่ฉันแน่ๆ มันจะเป็นอย่างนี้อยู่ในหัวคนไข้สักพักหนึ่งแล้วหลังจากนั้นบางคนจะเริ่มโกรธ หมอวินิจฉัยผิดหรือเปล่า? ทำไมหมอเอาเรื่องนี้มาพูดพล่อยๆ ฉันไม่ได้เป็นมะเร็งซะหน่อย เขาจะเริ่มโกรธ ถ้าเขาโกรธเราไม่ต้องตอบโต้หมอจะไม่ตอบอยู่เฉยๆเลย ความเงียบนี่แหละที่จะทำให้เขารู้ว่าเราไม่ได้โกหกนะครับ จะปล่อยให้เขาระบายจนหมดแล้วผมจะใช้อวัจนภาษาคือสีหน้าท่าทาง นิ่งๆเงียบๆแล้วก็บางทีเราบอกเขาไปว่า “ผมก็อยากจะให้มันไม่ใช่เช่นนั้นเหมือนกับคุณล่ะครับ ผมไม่ได้อยากจะให้มันเป็นเช่นนั้น เลยแต่มันก็เป็นเช่นนั้นไปแล้ว” เราก็แค่นี้เลยจบ ปล่อยให้เขาได้อยู่กับตัวเองสักระยะหนึ่งแต่หลังจากนั้นเราคงจะต้องตอบเขาไปว่า “อย่างไรก็ตาม มันมีวิธีที่จะทำให้คุณดีขึ้นนะครับ มะเร็งบางอย่างรักษาไม่หายแต่มันไม่ได้แปลว่ารักษาไม่ได้” ไม่หายกับไม่ได้เนี่ยต่างกันนะครับ ไม่หายคือคุณไม่หายจากมะเร็ง รักษาไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถทำเขาดีขึ้นได้ ดีขึ้นในแง่นี้หมายความว่าคุณอาจจะทำให้เขามีความรู้สึกลดความทรมานลง มีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นมันทำได้ต่อให้คุณเป็นระยะสุดท้ายแค่ไหนมะเร็งที่ร้ายที่สุดในโลกนี้ก็ทำได้ ทำให้คนไข้ลดความทรมาน ลดความกังวลใจได้ เราช่วยพูดกับครอบครัวให้คนไข้ได้ครับ คนไข้อาจจะไม่อยากบอกครอบครัวตัวเองเราช่วยพูดได้

2️⃣ ทีนี้พอเราคุยกันระยะแรกเนี่ยเราต้องมีการคุยซ้ำไม่ใช่ว่าคุยครั้งเดียวจบคุณเป็นมะเร็งแล้วนี่คือวิธีรักษา เราต้องรอจนสภาพจิตใจเขาเริ่มรับได้ก่อนแล้วหลังจากนั้นเราถึงมาคุยกันว่าแล้วเราจะทำยังไงกันต่อไปนะครับ แต่ถ้าเขามีความทรมานอยู่ ณ ตอนนั้นเช่นเหนื่อยมาก เจ็บมากหรืออะไรก็แล้วแต่ผมจะบอกตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่า “อย่างไรก็ตามนะครับไม่ว่าคุณจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ อาการที่คุณเป็นตอนนี้เนี่ยผมสามารถบรรเทามันได้เดี๋ยวนี้เลยด้วย เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ วินาทีนี้ แล้วผมจะทำหลังจากที่ผมออกจากห้องคุณไปแล้วเพื่อสั่งการรักษา” มันทำได้ทันทีครับตรงนี้เพื่อที่เราจะบอกว่า “ไม่ใช่คุณนะครับที่อยู่โดดเดี่ยวคนเดียวไม่ใช่คุณนะครับที่เป็นมะเร็งแล้วต้องทรมานไปตลอดชีวิตแต่เราสามารถช่วยคุณได้ถึงแม้ว่ามันจะไม่หายแต่เราสามารถช่วยคุณได้” การบอกข่าวร้ายในแง่ของหมอหรือคนรอบตัว ถ้าท่านเป็นญาติแล้วไปดันรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเพราะว่าตอนแรกท่านบอกว่าอย่าให้คนไข้รู้เราจะเป็นคนบอกเองเวลาที่ท่านจะบอกให้บอกแบบนี้ แต่อย่าคิดที่จะปิดบางคนไข้เป็นอันขาด! นี่ขอร้องเลยนะครับอย่าปิดบังคนไข้เป็นอันขาด ท่านรู้อะไรไหมครับ คนไข้เหล่านี้เขารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นอะไรจากพฤติกรรมของท่าน จากพฤติกรรมของหมอ จากคำพูดที่คนรอบข้างเขาบอก เขาจะสงสัยเขาจะรู้อยู่แล้วและถ้าเขารู้ รู้ว่าท่านรู้แล้วท่านไม่บอกเขา สิ่งหนึ่งซึ่งจะมีในสมองเขาเลยนะครับในคนทั่วไปนะคือโกรธท่านมากโกรธมากๆเลยด้วย บางทีอาจจะโกรธไม่ยอมคุยกับท่าน อาจจะเป็นซึมเศร้าไม่ยอมพูดเพราะเขารู้ว่าเขาเป็นอะไร ต่อให้ญาติมาบอกว่า “ไม่เป็นไร้ หมอบอกว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้น” คำๆนี้คุณดูหนังคุณควรจะรู้ใช่ไหมครับหนังหลายเรื่องที่มันเป็นแบบนี้แล้วคนไข้เขารู้ว่าทุกคนรู้ยกเว้นเขา แล้วทุกคนบอกให้ไม่บอกเขา ความคิดในหัวเขาเนี่ยนอกเหนือจากซึมเศร้าโกรธโมโหน้อยใจคิดว่าฉันไม่มีความสำคัญหรืออย่างไรถึงไม่บอก มันเป็นแบบนี้ครับ แล้วพอมันเป็นแบบนี้คุณจะให้เขามีความรู้สึกอย่างนี้ไปตลอดชีวิตจนถึงวาระสุดท้ายหรือครับ ดังนั้นเราต้องบอกเขา แต่วิธีการบอกเนี่ยอย่างที่ผมเล่าไปเบื้องต้นว่าคุณจะต้องทำยังไงในการบอกคนไข้ เขาจะได้เตรียมตัวทัน เตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจรวมทั้งสังคมทุกๆอย่างเขาจะได้เตรียมตัวทัน คนที่อยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิตไม่แปลว่าท่านทำอะไรไม่ได้แล้วนะครับ ไม่ใช่ท่านอยู่โด่ดเดียวตามลำพัง ไม่ใช่ท่านต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวและต้องจากแบบนั้น มันมีอะไรอีกเยอะที่สามารถทำได้ ถ้าท่านรู้ความจริง

3️⃣ วิธีบอกกับญาติคนไข้ก็เหมือนกับบอกคนไข้ครับ ไม่ใช่บอกไปเลยว่า “ญาติคุณเป็นมะเร็งครับ มะเร็งระยะสุดท้ายด้วย” อันนี้ไม่ได้นะครับต้องค่อยๆบอก ไม่งั้นทุกคนจะต่างคนต่างช็อคแล้วก็เกิดอะไรขึ้นล่ะครับ ถ้าเขาช็อคเวลาญาติคนนี้หรือครอบครัวคนนี้เข้าไปดูแลคนไข้นะครับเขาจะทำหน้าไม่ถูก เขาจะทำสีนั้นไม่ถูกเขาจะรู้สึกแปลกๆอะไรสักอย่างแล้วคุยกับคนไข้ไม่ได้ เราต้องอยากให้มันเกิดแบบนั้นขึ้นมานะครับ หรือบางทีคำพูดที่เราคลาสสิคเลยก็คือว่า “ญาติคนไข้ทำใจดีๆนะครับ สิ่งที่ผมจะบอกต่อไปนี้อย่าร้องไห้นะ ทำใจเข้มแข็งไว้นะ” คุณรู้แล้วว่าหมอจะพูดว่าอะไร ดังนั้นเราก็ต้องค่อยๆนะครับแล้วเรื่องข่าวร้ายต้องบอกคนไข้เสมอไม่ว่าจะเป็นเหตุเพราะว่าอะไรก็แล้วแต่คนไข้จะอายุแค่ไหนจะเป็นพ่อใครจะเป็นอะไรยังไงต้องบอกนะครับ นี่คืออันแรกนะครับ ด้านตัวคนไข้เองเวลาที่เรารู้แล้วว่าเรามีเวลาอยู่บนโลกนี้อีกไม่นานเราต้องทำยังไงบ้าง? ➡️แน่นอนว่าทุกคนอันแรกก็จะต้องช็อกก่อน ปฏิเสธก่อนว่าไม่ใช่เรา คิดว่ามันไม่จริง ฝันไปใช่ไหม คนรอบตัวก็ต้องมีหน้าที่คอยสนับสนุนเป็นกำลังใจ แต่อย่างไรก็ตามมันต้องรีบเข้าสู่กระบวนการรักษาเพื่อที่จะลดความทรมานต่างๆลง ยิ่งคนไข้รับความจริงได้เร็วเท่าไหร่กระบวนการรักษาก็เริ่มได้เร็วเท่านั้นเพราะบางอย่างพอเราบอกเขาเป็นมะเร็งถ้าเขาไม่ยอมรับคีโม ไม่ยอมผ่าตัด ไม่ยอมฉายแสง ไม่ยอมทำอะไรเพราะว่าเขารู้ว่ามันคือการรักษามะเร็งแล้วเขาไม่ยอมรับมะเร็งมันก็จะไม่สามารถรักษาได้ถ้าตัวคนไข้ไม่ยอมถูกไหมครับ เราก็ต้องมีการมาพูดเรื่อยๆนะครับ ตอนนี้จิตแพทย์ค่อนข้างมีความสำคัญ แล้วหมอทั่วไปที่ต้องดูแลคนเหล่านี้ก็ต้องกลายเป็นจิตแพทย์ซะเองในการคุยกับคนไข้ การดูแลของจิตแพทย์นี้ไม่ใช่เฉพาะกับคนไข้เท่านั้นแต่กับครอบครัวด้วยกับหมอด้วยนะครับ ถ้าคนไหนที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้มันไม่ไหวนะครับทั้งครอบครัวก็ต้องได้รับการดูแล ตรงนี้นะครับที่มันสำคัญจิตแพทย์หมอที่ดูแลจะต้องแนะนำว่าตัวคุณเองจิตใจสภาพโอเคไหม ผมจะคุยกับญาติเลยบางทีนะครับว่าคุณมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า มีข้อความตรงไหนไหมที่ไม่เข้าใจ แล้วสิ่งที่ผมจะทำให้ญาติเขาหายเศร้านะอย่างนึงเลยนะครับผมจะถามเขาเลยว่า “สิ่งที่ผมต้องการจากคุณเพื่อที่จะดูแลคนไข้ได้อย่างดีนะครับคือผมต้องการให้คุณบอกผมว่าคนไข้เขาเนี่ยเป็นคนแบบไหน เขาชอบอะไร เขามีสิ่งในชีวิตไหมที่ทำแล้วเขารู้สึกประสบผลสำเร็จนะครับ ช่วงเวลาในชีวิตที่คุณอยู่กับเขาช่วงเวลาไหนที่มีความหมายบ้างนะครับ” เพราะว่าตรงนี้แหละครับที่เราจะเอามาใช้เป็นกำลังใจให้กับคนไข้ เราต้องรู้ก่อนว่าเขาเป็นคนยังไงเพราะว่าผมเจอคนไข้ผมก็เจอแค่ช่วงสั้นๆแต่ครอบครัวนั้นอยู่กับเขามาตลอดชีวิต ถ้าคุณเป็นลูกที่ต้องบอกพ่อว่าพ่อเป็นมะเร็งหรือว่ารู้ว่าพ่อเป็นมะเร็งแล้วต้องดูแลสิ่งที่คุณต้องทำเลยนะครับ

4️⃣ ✳️ดึงความทรงจำที่ดีๆทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเขาออกมาให้หมดนะครับเขียนได้เขียนมันออกมาเลย แล้วตรงนี้แหละครับที่จะเป็นจุดที่ทำให้คุณมีกำลังใจในกันดูแลคนไข้ต่อไปไม่ว่าคุณจะเป็นหมอหรือคุณจะเป็นพยาบาลหรือคุณจะเป็นลูกเป็นครอบครัวอะไรก็แล้วแต่นะครับ เราต้องเอาตรงนี้ออกมาให้ได้ หมอที่มาคุยคือต้องการในตรงนี้แหละครับเพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไข้นะครับ พอเรารู้เสร็จปุ๊บเราต้องสอนญาติคนไข้ว่าเวลาเข้าไปคุยคุยอย่างไร คุยเรื่องอะไร เมื่อไหร่ที่คนไข้หมดกำลังใจให้เราคุยเรื่องดีๆ คุยเรื่องที่มันไม่ใช่การเจ็บป่วย ✳️สิ่งที่เราควรจะเข้าไปพูดกับคนไข้พวกนี้นะครับคือเล่าเรื่องดีๆ ไปเจอคนนั้นคนนี้เขาฝากความคิดถึงมา ถ้าใครมีเด็กในครอบครัวให้วีดีโอคอล จะเป็นกำลังใจที่ดีมากๆของเขานะครับ เรื่องอาการเจ็บป่วยของคนไข้ไม่ต้องถามแต่ให้คนไข้บอกเอง นี่คือเทคนิคที่สุดยอดที่หลายๆคนมักจะมองข้ามนะครับให้คนไข้บอกเองถ้าคนไข้เขารู้ว่าเขาเจ็บเขาปวดเขาพูดให้คุณฟังอยู่แล้วครับเขาไม่เก็บไว้กับตัวเองหรอก ถ้าเขาทรมานเขาเจ็บตรงไหนเขาก็จะบอก หรือดูจากสีหน้าท่าทางคุณจะเห็นเอง เราอาจจะไม่ได้ถามเขาว่าเป็นอะไร ปวดตรงไหน เจ็บตรงไหนหรือเปล่า เราจะถามเขาอีกแบบนึงก็คือว่ามีอะไรให้เราช่วยไหม เรารู้สึกว่าดูสีหน้าท่าทางไม่ค่อยสบายเลยมีตรงไหนที่จะให้เราช่วยได้ไหม ให้เราตามหมอให้หรือเปล่านะครับ ขอยาเพิ่มไหม หรืออยากจะเจอญาติคนนี้ไหม เดี๋ยวเราวีดีโอคอลไปให้ เราต้องทำแบบนี้ ดังนั้นเวลาที่ญาติจะคุยกับคนไข้ลองคุยในเรื่องที่มันดีๆ หาความทรงจำที่ดีรวบรวมมาแล้วให้เลือกพูดแต่แบบนี้ แล้วในญาติในครอบครัวคุยกันเองหรือว่าเราจะเอาเรื่องพวกนี้ไปคุยกับคนไข้มีอะไรที่มันดีๆเอาไปยัดใส่หัวคนไข้ให้หมดนะครับ ต้องแบบนี้นะครับมันถึงจะดี

5️⃣ วาระสุดท้ายชีวิตความรู้สึกคนไข้เขาจะเป็นอย่างไร แล้วอะไรที่เราจะสังเกตได้บ้างว่านี่คือวาระสุดท้ายของคนไข้แล้วนะครับ? ➡️สุดท้ายแล้วมันคือสุดท้ายแล้วจริงๆนะครับมันจะไม่ใช่ว่าคนไข้จะเหลืออีกกี่วันนะครับ เวลาคนไข้เข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิตสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นแบบนี้ครับ 🔘ข้อแรกคนไข้จะไม่ค่อยอยากจะกินอาหารและกินน้ำ มันเป็นกลไกของร่างกายที่จะไม่อยากกินอาหารและไม่อยากกินน้ำด้วยตัวเอง ท่านไม่ต้องขยั้นขยอให้เขากินครับ ถ้าคนไข้ไม่อยากกินคือคนไข้เขาไม่อยากกิน แล้วการไปป้อนน้ำป้อนข้าวในช่วงสุดท้ายของชีวิตไม่ใช่เรื่องดีนะครับ บางคนสำลักแล้วก็ไปเลยเดี๋ยวนั้นจากการที่ท่านป้อน บางคนทำให้มีเสมหะที่มันเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานั้นก็จะยิ่งมีปัญหาหายใจลำบากขึ้นไปใหญ่นะครับ คนไข้จะไม่อยากกิน ไม่อยากจะดื่มทั้งสิ้นนะครับแล้วจะค่อยๆซึมลงนะครับ 🔘ซึมลงด้วยหลายๆสาเหตุ คนไข้ไม่ว่าจะคนไข้ระยะสุดท้ายด้วยเหตุผลอะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง จะเป็นคนไข้หัวใจทำงานไม่ได้ คนไข้โรคปอด คนไข้โรคไตวาย ทุกๆครั้งวาระสุดท้ายของชีวิตจะคล้ายกัน ไม่กิน น้ำหนักลดลงเรื่อยๆ ซึมลงเรื่อยๆวันสุดท้ายก็จะนอน ก็จะไม่ค่อยไหว ก็จะไม่ค่อยทำอะไรแล้วนะครับ พอไม่ค่อยทำอะไรแล้วเนี่ยร่างกายเขาก็จะซึมลง หายใจช้าลงนะครับ 🔘และพอสุดๆของชีวิตจริงๆจะเริ่มมีหายใจที่มันมีเสียงครืดคราดขึ้นมาเหมือนมีเสมหะอยู่ในคอนะครับ มันมีคำศัพท์ในการแพทย์เราจะเรียกว่า Death Rattle นะครับ เสียงครืดคราดเหมือนมีเสมหะในคอเวลาหายใจเข้านั่นคือตัวบอกเลยว่าอีกไม่นานอีกไม่กี่ชั่วโมงคนไข้จะเสียชีวิตบางทีก็เป็นนาทีด้วยนะครับ 🔘แล้วถัดมาจะมีอาการหนึ่งคืออาการเฮีอกหายใจ เป็นแบบนี้ครับ 36:28 ไม่สม่ำเสมอและสักพักก็จะช้าลงและหยุดไปในที่สุด ทุกคนเป็นแบบนี้คุณจะให้ยาอะไรไว้อยู่มันก็จะเป็นแบบนี้ครับ หรือไม่มันก็มีอาการคล้ายแบบนี้มากที่สุดต่อให้คุณให้ยามอร์ฟีนขนาดสูงกดการหายใจของคนไข้ไว้นะมันก็จะเป็นแบบนี้ครับ จะมีเฮือกอาจจะช้าอาจจะเร็วไม่เท่ากันนะครับ นี่คืออาการที่บอกว่าคนไข้กำลังจะเสียชีวิตแล้ว ถ้ามีอาการเฮือก มีอาการหายใจมีครืดคราดในคอนะครับนี่คือบอกเราเลยว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงคนไข้จะไปแล้วนะครับ

ไม่เกี่ยว อย่างมั่ว

เป็นกำลังใจให้นะครับ

@@DrTany ขอบคุณค่ะ

เป็นกำลังใจนะคะ หวังว่าคุณจะมีครอบครัว เพื่อนๆคอยเคียงข้างนะคะ ต้องเลี้ยงน้องคนเดียวคงไม่ง่ายเลย

♥️เป็นกำลังใจให้นะคะ ฝากกอดอันอบอุ่นมาให้ ลูกจะเป็นกำลังใจเป็นตัวแทนของความรักที่เค้ามีต่อคุณตลอดไปนะคะ😍

สู้ สู้ นะคะ

ไม่หรอกครับ เสียชีวิตได้เท่าๆกันครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ

ขอบคุณคุณหมอที่ออกมาพูดในช่องยูทูปนี้..มีประโยชน์มากค่ะ.. ติดตามฟังคุณหมอตลอด.

แสดงความเสียใจด้วยค่ะ

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะค่ะ

คุณแม่เสียชีวิตไปเมื่อ 3 เดือนก่อน โรคอัลไซเมอร์อาการก่อนเสียชีวิตเป็นดั่งที่คุณหมอเล่าเลยไม่กินอาหารปฏิเสธทุกอย่าง ได้เปิดเทปสวดมนต์แปลให้ฟังจนอยุดหายใจไปในที่สุด สาธุ

กราบขอบคุณ..คุณหมอแทน..อีกคนค่ะ คงมีหลายๆคน มีความรู้สึก เศร้า..เสียใจ ที่สูญเสียหมอดีๆ อายุน้อยอย่างหมอกฤตไท...บรรยากาศมันหมองมัวในหัวใจของคนไทย ณ ช่วงเวลานี้....คลิปนี้..ทำให้คนไทยปลงและยอมรับความจริง มีกำลังใจมากมานเลยค่ะ

อยากทราบว่า มะเร็ง แบบคุณหมอกฤตไท... ปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งแบบนี..คือ..จากดิน ฝุ่นดินที่มีใยหินปนเปื้อนอยู่ รวมถึง วัสดุที่ใช้สร้างบ้านที่มีใยหินผสมอยู่ด้วย..จริงหรือ..เท็จคะ

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวและเป็นกำลังใจให้นะครับ

เหมือนกันคะเราก็พึ่งสูญเสียพ่อด้วยโรคมะเร็งรู้ตัวว่าเป็นโรคมะเร็งก็ระยะสุดท้ายเเล้วคุณพ่ออาการเเย่ลงรักษาได้เกือบเดือนคุณพ่อก็จากไปคุณพ่อเข็มเเข็งไม่เเสดงความเจ็บปวดให้ลูกๆได้เห็นเลยคุณพ่อสู้มากๆๆเราเป็นลูกคนเดียวรู้สึกหดหู่ณเวลานั้นตอนนี้นึกถึงเขาก็น้ำตาไหล😢ถ้าวันไหนรู้สึกท้อหมดกำลังใจก็จะคิดถึงเขาอยากกอดเขาอยากได้ยินเสียงปลอบของเขา"ไม่เป็นไรลูกไม่มีอะไรอย่าคิดมาก"นี้คือคำปลอบของพ่อที่บอกกับลูกตลอด😢สู้ๆๆนะคะนึกถึงความดีของท่านถึงท่านจะจากไปความดีเเลัคำสอนของท่านยังอยู่กับเรา❤

เห็นด้วยค่ะถ้าญาติได้ฟังจะมองว่ามองแต่เรื่องดีๆไม่ชอบให้คุยเรื่องความตายเลยค่ะ

ชอบเหมือนกันค่ะแต่คุยกับคนอื่นไม่ได้เพราะเค้าคิดว่าเป็นเรื่องไม่น่าสนทนา

เป็นกำลังใจให้นะครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ

ฟังในไลฟ์ในเรื่องวาระสุดท้าย 2 ตอน และเรื่องติดเตียง ให้ครบทุกอัน ผมมีวิธีในการบอก แจ้งไว้หมดแล้วครับ

เพิ่งทราบว่า คุณหมอเคย Call Out ให้ทุกคนในประเทศ แต่งดำในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี คุณหมอเกลียดสถาบัน นายหลวงร. 9 เสด็จสวรรนคต เดือน 10 ปี 59.. หมอไท เสียชีวิต วันที่ 5 ธันวาคม เวลา 10:59 น ..ครอบครัวต้องแต่งดำ ..ความบังเอิญใช่ไหม ??? เสียดายความรู้สึกของตัวเราเองที่เคยห่วงใย ..อโหสิกรรมกันนะจ๊ะ ขอขอบคุณ คุณหมอแทน ที่สละเวลา พูดสิ่งที่มีประโยชน์ ให้ทราบกันนะคะ❤

เป็นกำลังใจให้นะครับ