วิตกกังวล ไม่สบายใจ คิดวนไปมา -- ลองวิธีนี้ 

1️⃣ ก่อนอื่นเลยนะครับถ้าเกิดคนไหนที่เคยฟังคลิปเรื่องของความคิดลบมาจากไหนของผมเนี่ยคงจะพอได้ไอเดียนะครับว่าคนวามคิดแบบนี้เนี่ยที่ทำให้เราเกิดคิดลบเนี่ยนะครับมันจริงๆแล้วไม่ได้มาจากตัวเราเองนะครับ ส่วนใหญ่แล้วมันมาจากเสียงที่อยู่ข้างนอกนะครับเสียงในหัวของเราเนี่ยวันนึงมันเคยเป็นเสียงข้างนอกมาก่อน เคยเป็นเสียงก่นด่า เสียงดูถูก เสียงต่างๆที่เราได้ยินมา แต่นอกเหนือจากนั้นบางครั้งมันกลับกลายเป็นเสียงเตือนนะครับบางคนอาจจะบอกว่า “ออกจากบ้านระวังนะเดี๋ยวโดนรถชน ไปต่างจังหวัดเดี๋ยวเกิดน้ำมันหมดกลางทางจะทำอย่างไร ไปสัมมนาต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพูดแล้วไม่มีคนเขาสนใจ หรือเราไปพูดหน้าชั้น ออกไปพูดหน้าห้องประชุมคนอื่นเขาจะฟังเราหรือเปล่าคนอื่นเขาจะว่าเราไหมคนอื่นเขาจะทำให้เรารู้สึกขายหน้าหรือเปล่า“ นะครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นคำเตือนแต่ปัญหาคือเขาไม่ได้บอกทางแก้มาให้ แล้วพอไม่บอกทางแก้มาให้แล้วเราได้ยินแบบเนี้ยซ้ำแล้วซ้ำอีกซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ว่าจะเป็นจากคนใกล้ตัว จากคุณพ่อคุณแม่ จากเจ้านาย จากพี่น้องหรือจากคนที่เขาหวังดีกับเรานะครับมันก็รับสิ่งเหล่านี้เข้ามาอยู่ในหัว พอผ่านไปสักพักหนึ่งถ้าเกิดคนไหนจัดการกับสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นแล้วล่ะก็ มันจะกลายมาเป็นคนที่วิตกกังวลไปทุกสถานการณ์เลยไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่นะครับ เช่นบางทีจะไปเที่ยวต่างประเทศ ”พาสปอร์ตเราพร้อมหรือยัง กระเป๋าเราจัดมีของครบทุกชิ้นหรือเปล่าที่เราต้องการเอาไป“ แล้วเช็คทุกเวลานะครับพอจะออกจากบ้านก็เช็คสักทีนึงอีกรอบนึง ไปถึงสนามบินเช็คแล้วลืมโน่นลืมนี่หรือเปล่า แต่บางครั้งเนี่ยนะครับการทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเนี่ยมันกลายเป็นคนวิตกจริตนะครับ แล้วที่สำคัญก็คือบางครั้งมันไม่ได้ทำให้ท่านไม่ลืมของเรานั้นแล้วผลลัพธ์ของการกระทำที่ท่านต้องการมันไม่เป็นอย่างที่เราต้องการสิครับมันออกมาแล้วมันไม่ใช่แล้วนะครับ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งซึ่งเกิดขึ้นในทุกๆคนแน่นอนนะครับผมว่าสักช่วงหนึ่งแหละ

2️⃣ แล้วอย่างที่บอกมันเกิดจากการรับข่าวสาร รับเสียงทุกอย่างจากข้างนอกเข้ามาในตัวเราจนกระทั่งสุดท้ายมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเราเองนะครับ แต่ถ้าเราลองแยกย่อยดูดีๆเราจะพอเข้าใจว่าความคิดเหล่านั้นเนี่ยมันมีที่มาอย่างไร มันมาจากไหนนะครับ ถ้าเราสามารถหาที่มาต้นตอของมันได้หรือเสียงนั้นที่มันโผล่ขึ้นอยู่ในหัวใครมันเป็นคนพูดให้เราฟังเป็นคนแรกๆ หรือสมมติเวลาเราไปเที่ยวต่างจังหวัดนะครับบางคนอาจจะมีเข้ามาแว้บในหัวเลยบอกว่าว่า โอ้…จะไปต่างจังหวัดนะเราเห็นภาพแม่เราลอยมาเลยแม่ต้องบอกว่า “เตรียมเสื้อให้พร้อมนะ เอาโน่นเอานี่ไปให้พร้อม หยูกยาเอาไปให้เรียบร้อย ไปต่างจังหวัดก็ต้องมีเบอร์โทรติดต่อ มีถ่านสำรอง รู้ไหมว่าไปที่ไหนยังไง“ หน้าแม่เราลอยมาเลย มันแปลว่าความคิดเหล่านั้นที่เราวิตกกังวลในสิ่งต่างๆเหล่านั้นบางทีอาจจะมาจากแม่เราก็ได้นะครับ นั่นก็เป็นเหตุผลอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากนี้ท่านลองสังเกตสิครับว่าหลายๆครั้งในเวลาที่เราเสพสื่อต่างๆเรามักจะเสพสื่อในแง่ลบซะมากกว่า เช่นเราอ่านหนังสือพิมพ์เออเดี๋ยวนี้ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ เราฟังข่าวนะครับ ข่าวฆ่ากัน ข่าวข่มขืน ข่าวยิงกันนะครับ ไม่ค่อยได้ฟังข่าวอะไรที่มันดูดีๆเลยนะครับ เราจะมีแต่ข่าวอะไรที่เป็นในแง่ลบ แล้วเหตุผลก็คือคนเราเนี่ยชอบฟังของแง่ลบข่าวก็เลยทำออกมาในแง่ลบแล้วเราก็ยังไปฟัง แล้วมันก็วนอย่างงี้อยู่เรื่อยๆนะครับเขาก็ได้กำไรในการทำข่าวให้เราฟังแล้วเราก็ชอบฟังซะด้วยเรื่องชาวบ้านที่เขาตบตีแย่งชิงกันนะครับหรือว่าไปตีรันฟันแทงกัน ตำรวจมีปัญหากับคนนู้นคนนี้เราชอบฟังของลบๆ มันก็เลยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมองเราไปเลยนะครับหรือ อย่างเวลาดูหนัง หนังที่เป็นในแง่บวกในแง่ดีเนี่ยหลายๆทีเราก็ไม่ได้ดู บางคนไปดูหนังขอดูหนังเศร้าๆเลย ขอดูหนังที่มีแอคชั่นมีการยิงมีสัตว์ประหลาดออกมานะครับมีความรุนแรงอยู่ในหนังเหล่านั้น ทุกๆอย่างมันออกไปทางแง่ลบหมดเลยนะครับ ทีนี้พวกนี้แหละครับการที่เราชอบสื่อที่มันสื่อออกไปในทางแง่ลบเนี่ยมันก็กลายมาเป็นความคิดของเราส่วนนึงแล้วนะครับ แล้วพอผ่านไปสักพักนึงเนี่ยมันจะหล่อหลอมทำให้เราเนี่ยมีสิ่งไม่ดีเหล่านั้นอยู่ในหัวแล้วมันก็จะคิดวนไปวนมาวนไปวนมานะครับ

3️⃣ ทีนี้เล่ามานานแล้ว เราพอรู้ที่มาของสิ่งเหล่านี้แล้ว ประการแรกเราต้องคิดให้ได้ก่อนว่าที่มาของสิ่งเหล่านั้นน่ะมันคืออะไรนะครับ นี่เป็นวิธีในการแก้ปัญหาระยะยาวบางทีเราตื่นรู้ขึ้นมาทันทีว่า อ๋อ….จริงๆที่เราคิดแบบนั้นที่เราวิตกกังวลที่เราเป็นแบบนี้มันไม่ได้เป็นเพราะว่าตัวเราเองหรอกมันเป็นเพราะว่าข้างนอกเนี่ยส่งมาให้เราทั้งนั้นเลยนะครับ แต่มันก็มีวิธีอื่นที่ทำควบคู่กันไปได้นะที่ผมจะบอกในวันนี้ ✅อันแรกที่มันใช้ได้ดีมากๆเลยก็คือการเขียนสิ่งที่วิตกกังวลตอนนั้นน่ะออกมาเลย ถามว่ามันดียังไง? ➡️ท่านลองสิครับเวลาท่านวิตกกังวลอะไรสักอย่างนึงเนี่ยถ้ารู้ตัวว่าคิดไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์แต่มันก็คิดนะครับ แล้วพอคิดไปถ้าเกิดคนไหนเนี่ยสมองมันไม่สามารถสร้างภาพได้แบบอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ที่คิดวิเคราะห์ทดลองในสมองได้เนี่ยมันก็จะตันอยู่ที่นึงนะ แล้วพอตันเสร็จปุ๊บแล้วก็ลืมแล้วก็วนลูปใหม่ แล้วก็คิดไปถึงที่เดิมก็ลืมก็วนกลับมาลูปใหม่ วนๆๆอยู่ในหัวแล้วมันไม่หายไปไหนสักที วิธีแก้คือการเขียนมันออกมา เขียนทุกอย่างที่เรากังวลนะครับออกมาบรรยายเป็นคำพูดมันจะทำให้เราเห็น 1 2 3 4 อะไรพวกนี้ขั้นตอนการคิดมันเป็นอย่างไร สิ่งที่เรากังวลจริงๆคืออะไรกันแน่นะครับ วิเคราะห์ว่าตกลงเรากังวลอะไรกันแน่ และสมมติสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตนี้ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กังวลอยู่เนี่ยมันคืออะไร เขียนออกมาเลย เช่นสมมติว่าเราต้องไปพูดหน้าชั้นเรียนนะครับหรือพูดหน้าหอประชุมสักอย่างนึงสักทีนึงแล้วเรากังวลกับมัน แต่เรากังวลอะไรล่ะ!? เราเขียนออกมาเลยครับ ”เรากังวลว่าเราจะพูดผิด เรากังวลว่าคนเขาจะไม่ฟังเรา คนเขาจะนอนหลับ คนเขาจะเบื่อเรา คนเขาจะถามคำถามที่เราตอบไม่ได้ คนเขาจะไม่เข้าฟังเรา“ อะไรอย่างนี้นะครับแล้วก็เขียนๆไปเลย แล้วเราลองดูสิว่าสถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่มันเป็นไปได้คืออะไร เช่น เราไปพูด เราจำบทพูดไม่ได้เลย เราพูดไปแล้วไม่มีใครสนใจ เราพูดไปแล้วเขาถามคำถามที่เราตอบอะไรไม่ได้นะครับ นั่นคือสถานการณ์ที่แย่ที่สุดมันเป็นเช่นนั้น แล้วถามว่าเราต้องกลัวมันหรอ!? แล้วเราต้องทำยังไงต่อนะครับ เราทำยังไงที่จะแก้ไขสถานการณ์นั้นได้ เขียนวิธีแก้ออกมา เช่นว่า เราเตรียมตัวแล้วถ้าเราเป็นคนฟังเราอยากจะฟังอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเรื่องนั้นนะครับ คำถามที่เราจะถาม เราอยากจะถามอะไรถ้าเป็นตัวเราเราอยากจะรู้เรื่องอะไรนะครับ เขียนออกมาเป็นลิสต์แบบนี้เลย การที่เราทำวิธีแก้ปัญหาของเราที่เราคิดว่าเป็นปัญหาที่หนักที่สุดที่จะเกิดจากสถานการณ์นั้นได้แล้วก็เขียนวิเคราะห์ออกมาเนี่ยมันทำให้เราถ่ายเทความคิดลบจากหัวออกมาในกระดาษแล้วเปลี่ยนให้มันเป็นความคิดบวกที่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้นะครับ มันต้องทำแบบนี้ แล้วทีนี้พอเราทำแบบนี้แล้วเนี่ยโอเคมันแก้ได้เปลาะหนึ่งล่ะ แต่มันไม่เสมอไปเพราะว่าบางครั้งเดี๋ยวพอเราเดินผ่านจากกระดาษไปเดี๋ยวก็คิดขึ้นมาใหม่ ถ้าคิดใหม่เนี่ยให้เราย้อนกลับไปดูในกระดาษใบเมื่อกี้นะครับซ้ำไปซ้ำมามันก็จะช่วยเราได้เยอะ

4️⃣ ✅หรือวิธีอื่นๆที่ผมเคยเล่าไปในคลิปเรื่องของความคิดลบเนี่ยนะครับคือการสร้างกิจวัตรประจำวันของเราออกมาตัดความคิดเหล่านี้เลยคือถ้าเกิดว่าคนเราที่มันต้องทำอะไรอยู่ตลอดเวลาเป๊ะๆเหมือนมีตารางสอนนะครับ ตารางสอนในตอนสมัยที่เราเรียนมันเป็นยังไงครับ? ตอนเช้าเราอาจจะคิดเรื่องอะไรสักอย่างอยู่แล้วพอเข้าเรียนคาบหนึ่งเราก็ต้องไปจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ในคาบเรียนนั้นใช่ไหมครับพอเปลี่ยนคาบ อ่ะเราเปลี่ยนสิ่งที่สนใจ ในระหว่างนั้นถ้าครูเขามาจี้อยู่ข้างหน้าเราตลอดเวลาหรือมีอะไรให้เราทำอยู่ตลอดเวลาเราจะไม่มีเวลาที่เราไปคิดในสิ่งที่เรากังวลอยู่หรอกครับมันก็จะกังวลอยู่กับสิ่งที่เราเห็น สมาธิ สติที่จดจ่ออยู่กับปัจจุบันในสิ่งที่เรากำลังทำ ดังนั้นถ้าเราสามารถจัดตารางสอนให้ตัวเองได้นะครับโดยใส่สิ่งต่างๆเข้าไปในนั้นมันก็จะช่วยตัดความคิดลบตัวนี้ไม่ให้มีช่องที่จะเข้ามาอยู่ในหัวเราได้นะครับ ความคิดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องประหลาดนะครับทั้งความคิดดี ความคิดลบ ความคิดวิตกกังวลอะไรก็แล้วแต่มันเกิดขึ้นของมันเอง เราเนี่ยไปทำให้มันหายไป ทำให้มันไม่คิดไม่ได้ เรายังไม่ใช้พระอรหันต์นะครับ แต่สิ่งที่เราทำได้คือมันออกมาแล้วเราหยุดมันได้ เราตัดวงจรไม่ให้มันวนๆได้อย่างวิธีเมื่อกี้ที่เล่าไปนะครับ ทีนี้โอเคถ้ามันยังโผล่ขึ้นมาล่ะ เวลามันโผล่ขึ้นมาผมปกติผมทำยังไง? ➡️ถ้าคนที่ฟังคลิปผมเรื่อยๆจะรู้ว่าเวลาที่ผมมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ไม่สบายใจมากๆสิ่งที่ผมทำคือการไปออกกำลังกายเพราะว่าเวลาที่เราเหนื่อยจนเต็มที่มันจะคิดอะไรไม่ออกเลยมันจะคิดอยู่อย่างเดียวคือทำยังไงให้หายใจให้ทัน เช่นสมมติผมวิ่งเร็วๆอย่างนี้นะครับ วิ่งเร็วแล้วมันหอบเหนื่อยมากๆมันคิดอย่างอื่นไม่ออกครับ มันคิดแต่จะทำยังไงให้หายใจให้ทันแล้ววิ่งไปเรื่อยๆได้นะครับ มันจะฝืนตัวเองให้ผมต้องวิ่งต่อให้ได้ ถ้ามันยังคิดอยู่ก็จะวิ่งต่อนะครับ คืออันเนี่ยมันก็สามารถทำได้ถ้าท่านเป็นนักกีฬาหรือว่าเป็นคนที่ออกกำลังกายประจำ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนจริงๆวิธีนี้ผมก็แนะนำเหมือนกันนะครับเพราะว่ามันทำให้ร่างกายของท่านแข็งแรงขึ้นด้วย ได้สุขภาพแล้วก็ลดความคิดลบไปในตัวนะครับ

5️⃣ นอกเหนือจากนี้ ความคิดเหล่านี้เนี่ยถ้าเราทำทุกวิถีทางและมันยังกังวลอยู่นะครับเราต้องลองแบบนี้ 2-3 อย่าง ✅อย่างแรกนะครับคือเรากังวลกับสถานการณ์วิตกกังวลอะไรสักอย่าง ผมลองเอาเป็นเรื่องที่มันคอขาดบาดตายมากกว่านั้นดีกว่าคือการไปพูดหน้าชั้นเรียนเนี่ยถ้าเราพูดแล้วเพื่อนหัวเราะเนี่ยมันก็แค่อาย มันก็แค่เสียความมั่นใจนะครับ ลองเป็นเรื่องที่มันยากกว่านั้นดีกว่าสมมติว่าเรามีญาติอยู่คนนึงเป็นคนที่เรารักมากแล้วเขากำลังจะตายนะครับ เขาป่วยหนักมากอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วเราก็กังวลมากว่าเขาจะรอดไหม เราจะทำยังไงดี มีวิธีรักษาอะไรไหม มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆไหม เราต้องทำยังไงให้เขารอด เขาจะรอดหรือเปล่า อ้าว…เมื่อกี้พูดซ้ำแล้วนี่! ใช่มั้ย วนแล้ว สมองคุณก็จะเป็นแบบนี้ครับ เขาจะรอดหรือเปล่า ต้องทำยังไงดี เอ๊ะ…พรุ่งนี้เขาจะไปไหม จะไปกี่โมง แล้วมีอะไรต้องทำต่อไหม ต้องหาหมอหรือเปล่า เขาจะรอดไหมเนี่ย เนี่ยมันจะวนอย่างเงี้ยครับ แล้วมันไม่ออกไปไหนเลยนะครับ ให้เราเขียนออกมา เขียนออกมาว่าเรากลัวอะไรมากที่สุด แล้วสุดท้ายพอเรารู้ว่า โอเค…คนๆนี้เขาอาจจะไม่รอดนะครับอาจจะ แต่ว่าสิ่งที่เราทำได้คือทำเต็มที่ ทำเต็มที่นะครับ แล้วก็ลองดูว่าสิ่งอะไรที่เราทำได้ หาข้อมูล หาข้อมูลจากคุณหมอถามให้ละเอียดไปค้นข้อมูลโรคโรคนั้นลองดูซิว่ามีอะไรที่เราพอทำได้บ้าง เราทำตามนั้นนะครับ และเมื่อเราทำเต็มที่แล้วผลสุดท้ายที่มันจะออกมายังไงมันไม่ใช่สิ่งที่เราควบคุมได้

ขายของไม่ผิดครับ แต่ที่ผิดคือการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนเพื่อประโยชน์ในการขายสินค้าหรือคอร์สของตน บางคนเจตนาทั้งๆที่รู้ว่าการปกปิดข้อมูลบางส่วนนั้นผิด หมอประเภทนี้แย่มากครับ

ติดตามมา1ปีกว่าละ

มีหมอวีรพันธ์อีกคนค่ะไม่ขายคอสให้คำแนะนำจากใจจริงคุณหมอเเนะนำธรรมมะด้วยค่ะให้คนไข้รักษาด้วยทางโรคและทางธรรม😊

จะขายก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนี่ครับ

@@PibulpatKrai-nq6srอารมณ์แบบจะหนีร้อนไปพึ่งเย็น แต่ไปเจออุ่นแทน กำลังทุกข์ อยากได้แนวทาง แต่ไปไม่สุด ต้องไปเรียนในคอร์สถึงจะได้แนวทางที่แท้จริง 😅

7. ดูรูปน้องโรซี่อ้อนแดดดี๊ 🥰

@@CherryChonny โรซี่ทำหน้าอ้อนน่ารักที่สุดเลยค่ะ😍

ขอบคุณ​ค่ะ​คุณ​ทริป​🙏🥰

@@nung-noppapat ยินดีค่ะคุณหนึ่ง😍😘

8.ดูคุณหมอเล่นของ 😂🤣เล่นของเล่นเป็นเด็ก

น่าสนใจ ขอบคุณที่แชร์วิธี จะลองนำไปปรับใช้ดูบ้างครับ

มันยิ่งไม่เหมือนไปรีพีท ความคิดหรอคะ 🙏🏻

น่าจะเหมือนว่าเราได้เอาสิ่งๆนั้นออกจากความคิดมาไว้บนกระดาษมากกว่าครับ เราจะสบายใจว่าไม่ว่าความคิดนั้นคืออะไร เราจะกลับมาดูมันได้อีกครั้ง ไม่ลืมแน่นอน@@positivevibes920

จริงค่ะ เราเขียนเป็นเล่มเลย บางหน้าขีดเละ วาดรูป แต่มันโล่งมากๆ ลองดูนะคะทุกคน

​@@positivevibes920ไม่ค่ะ พอเราเขียน เราจะเริ่มแยกตัวเองออกมาค่ะ จัดระเบียบไม่ให้มันวนในหัว เราเขียนเยอะมากค่ะ ได้ผลจริงๆ บางทีได้ทางออกด้วย ลองดูนะคะ

😊❤🎉🎉🎉

กู๊ดมอร์นิ่งค่ะพี่หมวย... ครบ 5 แสนคนแล้ววววว 🎉ยินดีกับอาจารย์หมอด้วยค่ะ🎉

@@FragranzaTrippa มอร์นิ่งค่ะน้องทริป ลุ้นทุกวัน ดีใจมากค่ะ ช่องดี มีคุณภาพ อยากให้มีผู้ติดตามเยอะๆ

รอบหน้าขึ้นรถไฟฟ้านะคะ😊

ความคิดเยี่ยม มากๆค่ะ

หมายถึงเม้นท์ข้างบนนะคะ